5 แนวโน้มการตลาด 2024 ที่ผู้ประกอบควรเตรียมพร้อมก่อนจะตกขบวน

เทคนิคหลัก ๆ ในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ คือ การหมั่นติดตามเทร็นด์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ไม่ใช่ทุกปี แต่อาจจะเป็นทุกสัปดาห์ ทุกเดือน หรือทุกไตรมาสก็ได้ เพราะตั้งแต่ที่อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ กระแสสังคมก็มีอะไรใหม่ ๆ ทุกวัน และการจะเอาใจผู้บริโภคให้ได้ นักการตลาดก็จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับกระแสดังกล่าว ซึ่งตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้ เชื่อว่าหลายคนคงนับไม่ถ้วนว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรือเข้ามาใหม่บ้าง แต่ที่แน่ ๆ คือสิ่งเหล่านั้นส่งผลต่อการทำการตลาดของเรามากทีเดียว หากไม่รู้จักปรับตัว ก็ยากที่จะอยู่รอดในยุคนี้

ดังนั้น บทความนี้จะพาทุกคนไปส่องเทร็นด์การตลาด 2024 ว่ามีอะไรที่เราควรรู้และเตรียมพร้อมรับมือบ้าง เพื่อให้การดำเนินธุรกิจในศักราชใหม่เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด

แนวโน้มการตลาด 2024 ที่นักธุรกิจต้องรู้ คอนเฟิร์มว่ามาแน่ !

เศรษฐกิจมีแนวโน้มว่าจะเติบโตได้ยาก

อย่างที่เรารู้กันว่า ตั้งแต่เกิดโรคโควิด-19 เป็นต้นมา โลกของเราก็ประสบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าจะฟื้นฟูได้มากแค่ไหน โดยในปี 2024 นี้ นักการตลาดกว่า 50% คาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการตลาดของไทยว่า GDP (Gross Domestic Product) จะเติบโตขึ้นจากปี 2023 เพียง 1.33% เท่านั้น ซึ่งถือว่ายังอยู่ในยุคเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากเป็นเช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดของไทยไม่น้อย ทำให้การสร้างความเติบโตของแบรนด์มีความท้าทายขึ้นกว่าเก่า โดยสิ่งที่คาดว่านักการตลาดทั่วโลกต้องเจอแน่นอน ได้แก่ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2023 และมีแนวโน้มจะปรับให้สูงขึ้นอีกในปี 2024 อันนำมาสู่ภาวะเงินฝืดในที่สุด

ดังนั้น สิ่งที่นักการตลาดควรเตรียมพร้อมเพื่อรับมือสิ่งนี้ คือ การเก็บต้นทุนไว้ให้ได้มากที่สุด และลงทุนไปกับสิ่งที่วิเคราะห์มาแล้วว่าคุ้มค่าจริง ๆ ไม่ต้องเสียเงินโฆษณาพร่ำเพื่อ โฟกัสที่การทำคอนเทนต์ออร์แกนิกให้น่าดึงดูดใจเป็นหลัก และที่สำคัญ ควรหากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนเองจริง ๆ ไม่ใช่ลองผิดลองถูกไปหมดทุกอย่าง เพราะอาจทำให้เปลืองงบประมาณและเสียเวลาโดยใช่เหตุได้

อย่าให้ความสำคัญกับ AI จนลืม Security, Privacy และ Copyrights

อีกหนึ่งเทร็นด์การตลาด 2024 ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ สำหรับ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ เชื่อว่าทุกคนที่กำลังอ่านบทความนี้ก็คงจะรู้อยู่แล้วว่ามาแรงมาก เพราะหลังจากที่กำเนิด AI สุดอัจฉริยะอย่าง ChatGPT ขึ้นมา ก็มีบริษัทอื่น ๆ ทยอยพัฒนา AI ออกมาอีกเพียบจนเลือกใช้กันแทบไม่หมด ทั้งช่วยเขียน ช่วยตรวจ ช่วยวิเคราะห์ ช่วยออกแบบ เรียกได้ว่าทำได้ทุกอย่างในระดับความสามารถที่เกือบจะเท่ามนุษย์เลยทีเดียว ส่งผลให้หลายธุรกิจเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการใช้ AI ช่วยทำการตลาดมากขึ้น เพื่อประหยัดแรงงาน ประหยัดเวลา และที่สำคัญคือทำให้ธุรกิจดูทันสมัยมากขึ้น ไม่ล้าหลังใคร

ด้วยเหตุผลเหล่านั้น ก็ถือว่าสมเหตุสมผลที่เราจะนำ AI เข้ามาช่วยทำงาน ทว่าอย่าโฟกัสแต่การใช้ AI จนลืมนึกถึงความปลอดภัย (Security) ความเป็นส่วนตัว (Privacy) และลิขสิทธิ์ (Copyrights) ด้วย เพราะการที่ AI ตอบได้ทุกอย่าง นั่นอาจรวมไปถึงข้อมูลของผู้ใช้บางคนที่ถูกละเมิดโดยไม่ตั้งใจ รวมถึงเรื่องของลิขสิทธิ์ ซึ่งจะพบได้มากใน AI ที่ช่วยออกแบบกราฟิกหรือวาดรูป ที่หุ่นยนต์มักจะนำงานของศิลปินที่มีอยู่บนโลกออนไลน์อยู่แล้วมาผสม ๆ กันเป็นงานใหม่ ซึ่งแบบนี้จะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์ของศิลปินที่ถูก AI ขโมยผลงานมา

สรุปได้ว่า การใช้ AI ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ควรตระหนักถึงปัจจัยสำคัญเหล่านี้ด้วย เพื่อไม่ให้กระทบต่อชื่อเสียงของแบรนด์ในภายหลัง

AR และ VR จะไม่ได้มีไว้แค่เล่นเกมอีกต่อไป

สำหรับสายเกมเมอร์ แน่นอนว่าต้องรู้จัก AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) กันอยู่แล้ว (ใครที่ยังไม่รู้จัก สามารถเข้าไปอ่านเกี่ยวกับ AR และ VR เพิ่มเติมได้ที่ AR กับ VR ต่างกันอย่างไร นำมาปรับใช้กับการตลาดด้านใดได้บ้าง) ซึ่งตั้งแต่ปีก่อน ๆ ที่เราได้ยินเกี่ยวกับ Metaverse หรือโลกเสมือนจริง ก็มีนักการตลาดหลายคนให้ความสนใจและมีแนวโน้มว่าจะหันมาทำการตลาดในรูปแบบเสมือนจริง เพื่อให้รองรับกับโลกที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมทันสมัยด้วย เรียกได้ว่าเป็นแนวโน้มการตลาดที่ถูกพูดถึงอยู่เรื่อย ๆ เลยทีเดียว โดยในปีหน้านี้ นักการตลาดเชื่อกันว่า AR และ VR จะกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเชื่อมต่อผู้บริโภคให้เข้าสู่โลกเสมือนจริง ปัจจุบัน มีธุรกิจในบางอุตสาหกรรมได้ริเริ่มไปก่อนแล้ว เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บ้าน คอนโดฯ ที่มีโปรแกรมให้ลูกค้าสามารถดูสถานที่เสมือนจริงได้แบบ 360° ผ่านหน้าจอ แต่ที่ยังไม่ค่อยพบในไทย และคาดว่าจะบูมขึ้นในปีหน้า ได้แก่ ธุรกิจเสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ ที่สามารถจำลองภาพเสมือนจริงตอนใส่ให้ลูกค้าดูก่อนได้เพื่อประกอบการตัดสินใจ โดยที่ไม่ต้องไปลองถึงหน้าร้าน

คอนเทนต์แบบชั่วคราวจะมาแรงแซง Evergreen

ปีก่อน ๆ เมื่อพูดถึงการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) หรือเพิ่มการมองเห็น (Search Visibility) หลายคนอาจนึกถึงคอนเทนต์ Evergreen ที่ช่วยในเรื่อง SEO (Search Engine Optimisation) แต่เทร็นด์การตลาด 2024 นี้ คอนเทนต์ Evergreen ที่มีความยาวมาก ๆ จะได้รับความนิยมน้อยลง เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปเป็นชอบเสพเนื้อหาอะไรที่มาไวไปไว ใช้เวลาในการดูไม่มากแทน ยิ่งช่วงหลังมานี้ Instagram และ Facebook ก็มีฟีเจอร์คอนเทนต์แบบชั่วคราวอย่าง Stories ออกมา ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ย่อยง่าย ดูได้เร็ว และคนมักให้ความสนใจมากกว่า เพราะในที่สุดเนื้อหาดังกล่าวก็จะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าหากไม่รีบดูอาจจะพลาดอะไรไปได้ โดยเทคนิคนี้ ถูกนำไปใช้แล้วโดยแบรนด์อุปกรณ์กีฬาชื่อดังอย่าง Nike ที่ทำคอนเทนต์เบื้องหลังการผลิตสินค้า และโปรโมชันต่าง ๆ แบบจำกัดเวลาผ่าน Instagram Stories ซึ่งผลออกมาว่าสามารถกระตุ้นความสนใจและความตื่นตัวของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดีทีเดียว

ให้ความสำคัญกับ SEO แล้ว อย่าลืมทำ VSO ด้วย

SEO ไม่ใช่เรื่องใหม่ นับตั้งแต่การตลาดออนไลน์บูมขึ้นมา ก็เชื่อว่าไม่มีนักการตลาดคนไหนไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ SEO ซึ่งเป็นกระบวนการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ตามหลักเกณฑ์ที่อัลกอริทึมของ Google กำหนด เพื่อดันอันดับเว็บไซต์ให้ขึ้นไปอยู่แรงก์บน ๆ ในหน้าผลการค้นหา ซึ่งหลายคนมักจะมุ่งไปที่การทำคอนเทนต์ ใส่คีย์เวิร์ดที่ผู้บริโภคชอบเซิร์ช จนบางครั้งก็ลืมไปว่า ช่วงหลังมานี้ การค้นหาแบบ Voice Search กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีแนวโน้มว่าจะมาแรงแซงการค้นหาแบบดั้งเดิม หรือการพิมพ์ค้นหา เพราะปัจจุบัน AI ได้รับการพัฒนาอย่างมาก ทำให้การประมวลผล Voice Search มีความแม่นยำไม่น้อยไปกว่าการพิมพ์ค้นหา ผู้บริโภคจำนวนมากก็รู้สึกได้รับความสะดวกสบาย แค่พูดในสิ่งที่ต้องการก็สามารถหาคำตอบถึงเรื่องนั้น ๆ ได้

ดังนั้น หนึ่งในเทร็นด์การตลาด 2024 ที่จะมาแรงมาก ๆ ได้แก่ การทำ VSO หรือ Voice Search Optimisation หากปรับปรุงเนื้อหาให้ติดหน้าแรกบน Search Engine ด้วยกลยุทธ์ SEO แล้ว ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการทำ VSO ด้วย โดยสร้างสรรค์เนื้อหาที่เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้เสียงในการค้นหา เช่น ใช้คีย์เวิร์ดที่เป็นภาษาพูด หรือเป็นคำถามแบบ Long-Tail ที่คนมักใช้ถามเวลาสงสัยเรื่องใด ๆ เป็นต้น

ไม่พลาดทุกแนวโน้มการตลาด ด้วยการให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลธุรกิจ

สำหรับยุคนี้ที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกวัน รวมถึงกระแสสังคมมากมายที่เปลี่ยนไปจนถ้าหากหยุดเล่นอินเทอร์เน็ตไปเพียง 1 วัน กลับมาอีกทีคงจะตามอะไรไม่ทันกันเลยทีเดียว การติดตามอัปเดตแนวโน้มการตลาดอยู่เป็นประจำจึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผู้ประกอบการ เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าผู้บริโภคชอบหรือไม่ชอบอะไร และกำลังต้องการอะไรอยู่บ้างในขณะนั้น ๆ

หากคุณไม่มีเวลาโฟกัสทุก ๆ ส่วนของธุรกิจให้มีประสิทธิภาพไปพร้อม ๆ กัน ไหนจะต้องมอนิเตอร์ผลลัพธ์ด้านต่าง ๆ ไหนจะต้องเช็กอัปเดตว่าวันนี้มีเทร็นด์การตลาดอะไรใหม่ ๆ บ้าง การให้ผู้เชี่ยวชาญจากเอเจนซีชั้นนำคอยดูแลคือทางออก ! ที่ Primal Digital Agency เรามีมืออาชีพด้านการตลาดกว่า 150 คนที่พร้อมผลักดันธุรกิจของคุณให้ไปสู่เป้าหมายที่คุณต้องการ ติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาฟรี 30 นาทีได้เลยวันนี้