SEO คืออะไร สำคัญต่อธุรกิจอย่างไร ตอบทุกคำถามจบในที่เดียว !

ในการทำธุรกิจออนไลน์ สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องมีก็คือ เว็บไซต์ โดยเว็บไซต์ถือเป็นตัวกลางที่เชื่อมระหว่างผู้บริโภคและธุรกิจเข้าด้วยกันบนโลกอินเทอร์เน็ต ช่วยให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์มากขึ้นว่าขายอะไร มีสินค้าหรือบริการใดน่าสนใจบ้าง เรียกได้ว่าเป็นหน้าตาของร้านค้าเลยทีเดียว เพราะเมื่อเราสามารถออกแบบเว็บไซต์ได้สวย ก็จะยิ่งดึงดูดผู้ใช้งานได้มาก ในทางกลับกัน หากเว็บไซต์ไม่สวย แถมยังใช้ยาก ติด ๆ ขัด ๆ หลายจุด คนที่เคยเข้ามาก็อาจจะรู้สึกไม่อยากเข้ามาซ้ำอีก

กระนั้น นักธุรกิจออนไลน์บางคนก็อาจจะบอกว่า ไม่จริงเสียหน่อย เราเสียค่าใช้จ่ายเพื่อจ้างคนออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงามไปตั้งหลายบาท แต่ก็ยังมีคนเข้ามาน้อยอยู่ดี นั่นไม่ใช่เพราะเว็บไซต์ของเราไม่ดี แต่เป็นเพราะขาดการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพต่างหาก

นอกจากทำเว็บไซต์ให้ดีแล้ว ยังต้องทำ SEO เพิ่มด้วยเหรอ – คำตอบคือ ใช่ ! เพราะ SEO คือเทคนิคที่นักการตลาดออนไลน์ห้ามพลาดอย่าง “เด็ดขาด” ถ้าอยากให้เว็บไซต์มีคนเห็นเยอะ ๆ เชื่อว่าเวลาทุกคนเซิร์ชคีย์เวิร์ดอะไรบางอย่างบน Google แล้วเจอเว็บไซต์ต่าง ๆ บนหน้าแสดงผล เว็บไซต์ที่เราคลิกมักจะเป็นเว็บฯ ที่อยู่อันดับต้น ๆ และ SEO คือกลยุทธ์ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของเรากลายเป็นเว็บไซต์ที่อยู่บนอันดับเหล่านั้น

มาดูกันว่า SEO คืออะไรและสำคัญอย่างไร

ทำไมต้องทำ SEO

SEO คืออะไร

Search Engine Optimisation หรือเรียกสั้น ๆ กันในชื่อ SEO คือ กระบวนทางการตลาดดิจิทัลที่ทำให้เว็บไซต์ของเราติดหน้าแรกในหน้าผลการค้นหาของ Search Engine เมื่อมีการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง โดยยิ่งเว็บไซต์อยู่สูงเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสถูกมองเห็น ถูกคลิก อันจะนำมาซึ่งยอดขายและกำไรของธุรกิจได้ในท้ายที่สุด

หลายคนอาจจะเคยเห็นเว็บไซต์ที่อยู่อันดับแรก ๆ จะมีคำว่า “Ad” อยู่ข้างหน้า ต้องบอกว่านั่นไม่ใช่การทำ SEO แต่เป็น PPC (Pay per click) หรือการซื้อพื้นที่โฆษณาบนหน้าผลการค้นหาที่เรียกกันอย่างแพร่หลายว่า Google Ads นั่นเอง ในทางกลับกัน การทำ SEO คือกระบวนการที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย แต่ต้องอาศัยเวลาและความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ทั้งการทำคอนเทนต์ การทำ Keyword Research การทำ Backlink และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่มีส่วนช่วยให้เว็บไซต์ของเราสามารถไต่อันดับจากหน้าท้าย ๆ ขึ้นมาจนถึงหน้าแรกได้แบบออร์แกนิก

และเนื่องจากการทำ SEO คือเทคนิคที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับทาง Google เลยสักบาทเดียว จึงอาจจะต้องใช้ความอดทนสักหน่อยในขณะที่รอผลลัพธ์ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 3-6 เดือน หรือบางทีอาจเป็นปี และไม่ใช่ว่าใคร ๆ ก็สามารถทำแล้วเกิดประสิทธิภาพได้ แต่ต้องมี SEO Specialist คอยกำกับดูแลในแต่ละขั้นตอนอย่างใกล้ชิด ทั้งการปรับปรุงองค์ประกอบย่อยต่าง ๆ บนเว็บไซต์ การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเพื่อนำมาใช้เขียนคอนเทนต์ และการทำ Internal Link หรือ External Link เพื่อเชื่อมโยงหน้าเพจนั้น ๆ ไปยังหน้าอื่น ๆ ด้วย โดยจะต้องแก้ไขไปเรื่อย ๆ ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่อัลกอริทึมของ Google กำหนด กระทั่ง Google Bot เห็นว่าเว็บไซต์ของเรามีศักยภาพในการดึงดูดผู้เข้าชม และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน จากนั้น อัลกอริทึมก็จะค่อย ๆ เลื่อนลำดับเว็บไซต์ของเราให้ขึ้นมาอยู่หน้าแรก ยิ่งเป็นตำแหน่งแรก (บนสุด) ด้วยแล้ว จะยิ่งถือเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดที่ทุกธุรกิจต่างแย่งชิง

 

ความสำคัญของ SEO คืออะไร ทำไมต้องทำ SEO

โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ใช้งานมักเข้าชมเว็บไซต์ผ่านการค้นหาบน Search Engine เป็นหลัก ไม่ค่อยมีใครเข้าเว็บไซต์โดยตรงเท่าไรนัก เป็นสาเหตุที่เราต้องทำให้เว็บไซต์ของตนเองโดดเด่นบนหน้า Search Engine ไว้ก่อน เพื่อที่เวลามีผู้ใช้งานเซิร์ชคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา จะได้เจอเว็บไซต์เราเป็นอันดับแรก ๆ และคลิกเข้ามามีปฏิสัมพันธ์ด้วย อันจะนำไปสู่การเกิดคอนเวอร์ชันตามที่ธุรกิจของเราตั้งเป้าหมายไว้

หากถามว่า เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าผู้ที่ค้นพบเว็บไซต์ของเราจากหน้า Search Result นั้น มีแนวโน้มที่จะมาเป็นลูกค้าของเราจริง ๆ ก็ต้องบอกว่ามีโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้นสูงมาก เพราะ Search Engine สามารถมอบการเข้าถึงที่เฉพาะกลุ่ม กล่าวคือ คนที่เข้าชมเว็บไซต์เราจากการค้นหาคีย์เวิร์ดนั้น ร้อยทั้งร้อยล้วนแต่เป็นคนที่มีความสนใจที่จะค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของเรา หรือมีความต้องการซื้อสินค้าหรือบริการที่เรามีอยู่ก่อนแล้ว ถึงได้มีการเซิร์ชคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องแล้วคลิกเข้าสู่เว็บไซต์เราได้ ต่างจากการทำโฆษณาที่คนอาจจะเข้ามาเพียงเพราะพวกเขาเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เราตั้งค่าเอาไว้ (Targeting)

ดังนั้น หากเราพลาดการทำ SEO ไป ก็หมายความว่าเราอาจพลาดโอกาสดี ๆ ที่จะให้คนทั่วโลกเข้าถึงเว็บไซต์เราไปแล้ว และไม่ต้องตั้งคำถามเลยว่า จ้างคนออกแบบเว็บไซต์เสียตั้งแพง แต่ทำไมไม่มีคนเข้ามาที่เว็บไซต์เลย

 

ทำไมต้องอยากจะเป็น “อันดับแรก” บนหน้าผลการค้นหา

ไม่ใช่แค่เพียงการดันเว็บไซต์ขึ้นไปอยู่หน้าแรกเท่านั้น แต่การได้ “อันดับแรก” มาครอบครอง คือสิ่งที่ธุรกิจต่าง ๆ แข่งกันอย่างดุเดือดเพื่อให้เว็บไซต์ของตัวเองได้ไปอยู่ตรงจุดนั้น เพราะจากสถิติที่ผ่านมาแล้ว ยิ่งตำแหน่งของเว็บไซต์อยู่ลำดับต้น ๆ มากเท่าไร ยอด Click Through Rate (CTR) หรือจำนวนคลิกต่อจำนวนการแสดงผล ก็จะยิ่งพุ่งสูงขึ้นเท่านั้น ความหมายคือ ยิ่งหน้าเว็บฯ ของเราอยู่หลังหน้าแรก หรืออันดับ 10 ลงไป โอกาสที่คนจะเข้าไปพบเว็บไซต์เราจากการค้นหานั้นก็ยิ่งแทบไม่เหลือ ในทางตรงกันข้าม เว็บไซต์ที่ได้อยู่หน้าแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอันดับแรก ก็จะได้รับการเข้าถึงสูงที่สุดไปโดยปริยาย

จ้างทำ SEO ที่ไหนดี

ศัพท์เกี่ยวกับ SEO ที่นักการตลาดควรรู้

  • Search Engine คือ เครื่องมือในการค้นหา เช่น Google, Yahoo, Bing ฯลฯ
  • Algorithm คือ กระบวนการทำงานที่ทาง Google ได้ออกแบบเอาไว้ โดยใช้หลักเหตุและผลมาช่วยประเมินเว็บไซต์และกรองเนื้อหาที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของ Search Engine ให้สูงและโปร่งใสที่สุด
  • Ranking คือ การจัดอันดับหน้าเว็บไซต์เมื่อค้นหา
  • Blog คือ บทความที่ถูกเขียนเพื่อจุดประสงค์ในการให้ความรู้ แสดงความคิดเห็น ความสนุก ไม่มีการแฝงโฆษณา และสรุปประเด็นจบใน 1 บทความ
  • Onsite คือ ข้อความหรือรายละเอียดที่ปรากฎบนหน้าเว็บไซต์ เช่น ข้อมูลสินค้า ข้อมูลบริการ รายละเอียดบริษัท ฯลฯ
  • Web Page คือ หน้าต่าง ๆ ที่อยู่ในเว็บไซต์ โดยทั่วไป หนึ่งเว็บไซต์มักจะมีหลายเว็บเพจ เช่น หน้าแรก หน้าบทความ หน้าสินค้า หน้าติดต่อเรา ฯลฯ 
  • Backlink คือ ลิงก์ที่ถูกใส่ไว้ในคอนเทนต์ หรือถูกแฝงอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ของเว็บเพจ โดยอาจเป็น Internal Link (ลิงก์ที่เชื่อมกับหน้าเพจอื่น ๆ ในเว็บไซต์ของเรา) หรือ External Link (ลิงก์ที่เชื่อมไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ) ก็ได้ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์
  • SEO Outreach คือ บทความที่ถูกส่งไปเพื่อลงในเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของตัวเอง โดยจะมีการใส่ Backlink และคีย์เวิร์ดลงไปเพื่อให้ผู้อ่านคลิกแล้วกลับเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ของเจ้าของบทความ
  • Optimise คือ การจัดการดูแลส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
  • Keyword คือ คำที่ใช้ในการค้นหา
  • Search Volume คือ จำนวนการค้นหาคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ว่ามีการค้นหาทั้งหมดกี่ครั้ง
  • Anchor Link คือ ลิงก์ที่ถูกใส่เอาไว้ในคีย์เวิร์ดต่าง ๆ มีจุดประสงค์เพื่อขยายความหมายหรือข้อมูลของคำนั้น ๆ
  • Content คือ คำโดยรวมที่ใช้สำหรับเรียกแทนเนื้อหา โดยนับรวมทั้ง ตัวหนังสือ ภาพ และองค์ประกอบอื่น ๆ ที่อยู่ในเนื้อหา ส่วนมากจะอยู่ในรูปแบบบล็อก
  • Organic ในที่นี้คือ การกระทำทางด้านการตลาดที่ไม่ผ่านการซื้อโฆษณา
  • Organic Search คือ ผลลัพธ์การค้นหาที่แสดงขึ้นมาบนหน้า Search Result โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อแสดง
  • Organic Traffic คือ ผู้ใช้งานที่เข้ามายังหน้าเว็บฯ เพราะเจอเว็บไซต์เราด้วยตนเอง ไม่ใช่ผู้ที่เข้ามาเพราะเราซื้อพื้นที่โฆษณา

 

เริ่มทำ SEO ตอนไหนจะดีที่สุด

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนน่าจะเริ่มสนใจการทำ SEO กันมากขึ้น และเกิดคำถามว่าควรเริ่มทำ SEO ตอนไหนถึงจะดีที่สุด

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทำ SEO คือ“ตอนที่เรายังไม่มีอะไรเลยสักอย่าง”

นั่นหมายความว่า เราควรเริ่มกระบวนการทำ SEO ตั้งแต่ยังไม่มีเว็บไซต์ หรือวางแผนไว้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งธุรกิจเลยจะดีมาก เหตุผลก็เพราะเราจะได้เตรียมตัวในการทำเว็บไซต์เพื่อให้รองรับกับการทำ SEO มากที่สุดนั่นเอง เนื่องจากส่วนใหญ่ นักการตลาดมักจะมาทำ SEO กันตอนที่ทำเว็บไซต์เสร็จไปทั้งหมดแล้ว ผลสุดท้ายคือต้องมานั่งปรับ แก้ หรือบางครั้งหนักมากถึงขั้นต้องทำเว็บไซต์ใหม่ทั้งหมดเลยทีเดียว ดังนั้น เริ่มทำตั้งแต่ที่เรายังไม่มีอะไรเลยนี่แหละ คือคำตอบที่ถูกต้องที่สุดแล้ว !

สำหรับใครที่สนใจทำ SEO สามารถศึกษาขั้นตอนและวิธีการทำอย่างละเอียดได้ที่ 10 วิธีทำ SEO ปี 2024 ให้ติดหน้าแรก ทำตามได้แบบ STEP BY STEP

 

ทำไมเราถึงต้องลงทุนกับการทำ SEO

ลองคิดตามง่าย ๆ ว่า ถ้าเราเปิดธุรกิจที่ทำหน้าร้านสวยหรูดูดี แต่ไม่มีลูกค้าแวะเข้ามาเลยแม้แต่คนเดียว ธุรกิจของเราจะไปรอดได้อย่างไร

เช่นเดียวกันกับการทำหน้าเว็บไซต์ ที่ต่อให้เราทำเว็บได้สวย ใช้ง่ายเพียงใด ข้อมูลสินค้า บริการ ครบครัน ระบบชั้นดีแค่ไหนถ้าไม่มีคนเข้ามาก็ไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อะไรเกิดขึ้นกับธุรกิจ

ดังนั้น SEO คือ เทคนิคที่เปรียบเสมือนการประชาสัมพันธ์ให้กับหน้าเว็บไซต์ให้คนทั่ว ๆ ไปได้รู้จักว่ามีธุรกิจของเราเกิดขึ้นบนโลก และแน่นอนว่ายังเพิ่มโอกาสในการขายได้ โดยข้อมูลจาก mr-seo.com ระบุว่า กว่า 93% ของการตัดสินใจซื้อทั้งหมดเกิดขึ้นจากการค้นหาบนโลกออนไลน์ การเตรียมหน้าร้านออนไลน์หรือเว็บไซต์ให้พร้อมจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวิธีทำ SEO จะดูไม่มีอะไรซับซ้อน เหมือนว่าถ้าหากศึกษาดี ๆ ก็สามารถทำตามได้ แต่แท้จริงแล้ว ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในระดับสูงทีเดียว และที่สำคัญ “แค่ลงมือทำ” อย่างเดียวคงไม่พอ เพราะหลังจากนั้น เรายังต้องคอยตรวจสอบโดย Sitechecker รวมถึงปรับปรุง และควบคุมคุณภาพของการทำ SEO เป็นประจำ โดยหากเราปล่อยปละละเลยไปเพียงช่วงสั้น ๆ เว็บไซต์คู่แข่งก็อาจจะนำหน้าแซงลำดับเราไปเป็นที่เรียบร้อย 

ฉะนั้น ให้นึกไว้ว่า “ไม่ใช่ธุรกิจของเราคนเดียวที่ทำ SEO” ถึงตรงนี้แล้วเราคงไม่ต้องสาธยายต่อแล้วละว่า SEO คือสิ่งที่สำคัญต่อการทำธุรกิจในโลกปัจจุบันมากแค่ไหน

 

ร่วมงานกับบริษัทรับทำ SEO เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

ทั้งหมดของบทความนี้ เราตอบทุกคำถามอย่างละเอียดแล้วว่า SEO คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และทำไมต้องทำ SEO ให้เว็บไซต์อยู่อันดับสูง ๆ บนหน้าผลการค้นหาของ Search Engine เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เราก็เชื่อว่าทุกคนคงไม่กล้ามองข้ามการทำ SEO อีกต่อไป สำหรับใครที่ยังไม่เริ่ม เริ่มได้เลยวันนี้ ก่อนที่จะสายจนก้าวตามคู่แข่งไม่ทัน !

หากคุณเป็นผู้ประกอบการที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัล หรือไม่มีเวลาดูแลธุรกิจในทุก ๆ ส่วนอย่างครอบคลุม การจ้างบริษัทรับทำ SEO ก็เป็นทางเลือกที่ธุรกิจสมัยใหม่นิยมกัน เนื่องจากบริษัทเหล่านี้จะมีมืออาชีพด้านการตลาดที่มีความรู้ในแต่ละด้านอย่างแท้จริง ทำให้สามารถรับประกันผลลัพธ์ได้ดีกว่าทำเอง แต่ต้องเลือกบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีรีวิวที่ดีไว้ก่อน เพราะบางที เอเจนซีรับทำ SEO หลายเจ้าที่คิดค่าบริการถูกเกินความเป็นจริง ก็จะใช้วิธีทำ SEO สายดำ ซึ่งไม่ดีต่อธุรกิจในระยะยาว แนะนำให้พิจารณาดี ๆ ก่อนตัดสินใจเลือกว่าจะใช้บริการเอเจนซีเจ้าไหนดี

Primal Digital Agency เป็นบริษัทรับทำ SEO ชั้นนำของไทย เรามีผู้เชี่ยวชาญกว่า 150 คนที่พร้อมดันเว็บไซต์ธุรกิจของคุณให้ขึ้นไปอยู่อันดับแรก ๆ บนหน้าผลการค้นหา รวมถึงออกแบบกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับธุรกิจของคุณให้โดยเฉพาะ ให้คุณสามารถโดดเด่นเหนือคู่แข่งทุกรายในอุตสาหกรรมเดียวกัน กรอกฟอร์มเพื่อรับคำปรึกษาฟรีจากเราได้เลยวันนี้