ในยุคดิจิทัล การสร้างแบรนด์บนโลกออนไลน์กลายเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการทำธุรกิจ เพราะสามารถช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าและขายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี หากคุณสร้างกลยุทธ์การตลาด E-commerce ที่แข็งแกร่ง แคมเปญการตลาดที่ทำตามแนวทางนั้นก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้ยอดขายสูงขึ้นได้อีกด้วย เพราะเราต่างรู้กันดีว่าการแข่งขันบนโลกออนไลน์นั้นสูงแค่ไหน ดังนั้นถ้าวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้ดีและเหมาะกับธุรกิจ E-commerce ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจระดับใด ใคร ๆ ก็เสิร์ชหาคุณเจอ และสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างตรงจุด ซึ่งหากคุณอยากเริ่มวางกลยุทธ์ตั้งแต่วันนี้ ให้เอเจนซี่การตลาดดิจิทัลชั้นนำอย่าง Primal ช่วยคุณ เรามีวิธีเพิ่มยอดขายออนไลน์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง เพื่อทำให้สินค้าหรือบริการของคุณเป็นที่รู้จัก และช่วยกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มมากขึ้น
หากคุณเพิ่งก้าวเข้าสู่โลกของการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายออนไลน์เป็นครั้งแรก การศึกษาคำศัพท์เทคนิคที่สำคัญ ๆ และทำความเข้าใจถึงข้อดีข้อเสียของกลยุทธ์การตลาด E-commerce ในแต่ละประเภทอาจเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่คนประกอบธุรกิจต้องเจอ แต่หากมีความมุ่งมั่นที่จะตอบความต้องการของลูกค้า คอนเทนต์และกลยุทธ์ที่ดี คุณก็จะสามารถทำได้สำเร็จตามที่วางแผนไว้ และด้วยทีมงานมืออาชีพของ Primal เราสามารถรับประกันได้ว่าร้านค้าออนไลน์ของคุณจะได้รับประโยชน์จากการสร้างกลยุทธ์โฆษณาทางออนไลน์อย่างครอบคลุม ตั้งแต่การทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย และแคมเปญอีเมลที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการรับโปรโตเพจเพื่อเพิ่มยอดขาย ไปจนถึงแผนการสร้างคอนเทนต์แบบครบวงจรอีกด้วย
หากคุณต้องการเพิ่มยอด Reach และกำหนดเป้าหมายฐานลูกค้าที่มีความเฉพาะเจาะจง การมีกลยุทธ์การตลาด E-commerce ที่คิดมาอย่างรอบด้านจะช่วยปูทางสู่ความสำเร็จได้ และด้วยเครื่องมือดิจิทัลที่มีอยู่มากมาย คุณจะสามารถสร้างแคมเปญการตลาดและวางแผนงานได้อย่างครอบคลุม เพื่อช่วยให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณดึงดูดกลุ่มลูกค้าและยังเป็นการเพิ่มยอดขายออนไลน์อย่างที่คุณต้องการ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีการสร้างกลยุทธ์การตลาด E-commerce ยังขึ้นอยู่กับสินค้าและบริการของคุณด้วย ซึ่งการทำงานร่วมกับทีมเอเจนซี่ที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน E-commerce Digital Marketing จะเป็นเครื่องการันตีได้ว่าแคมเปญของคุณจะสามารถบรรลุถึงเป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
เมื่อคุณเริ่มเข้าใจถึงพื้นฐานของการทำ E-commerce Marketing แล้ว ก็ถึงเวลาที่ Primal จะช่วยพัฒนาแผนการตลาดที่แข็งแกร่งให้กับแบรนด์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมทสินค้าและบริการต่าง ๆ ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับขนาดธุรกิจ ที่ตั้ง และอุตสาหกรรมในธุรกิจของคุณด้วย เนื่องจากในแต่ละอุตสาหกรรมจะมีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งคุณสามารถกำหนดเป้าหมายและ KPI ของคุณได้ โดยอาจจะพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ที่คุณต้องการ เช่น อัตราการคลิกต่อการมองเห็น (CTR) ค่า Conversion rates ค่าใช้จ่ายในการได้มาซึ่งลูกค้า (CAC) หรือ จำนวนครั้งการเข้าชมในเว็บไซต์ เป็นต้น และเมื่อคุณได้ลงมือวางแผนกลยุทธ์สำหรับแบรนด์ของคุณแล้ว จะพบว่ามีวิธีเพิ่มยอดขายออนไลน์มากมายให้คุณได้เลือกใช้ และวิธีต่าง ๆ เหล่านั้นอาจน่าลองทำไปเสียหมด ซึ่งเราไม่ขอแนะนำให้ทำทุกวิธี เพราะที่ Primal เราจะเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแบรนด์ของคุณ เพราะเราได้ทำการวิเคราะห์และพิจารณาถึงผลลัพธ์ต่าง ๆ มาให้คุณเรียบร้อยแล้ว รวมถึงยังอาจมีการปรับแต่งแคมเปญเพื่อให้เหมาะสมกับแบรนด์ของคุณที่สุด ซึ่งการวางแผนทั้งหมดนี้จะสามารถช่วยเพิ่มอัตราผลตอบแทนของการลงทุน (ROI) ของคุณให้ดีขึ้นในที่สุด
ตั้งแต่การซื้อขายสินค้าทางออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น การตลาดแบบพันธมิตร (Affiliate marketing) ได้กลายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยเพิ่ม Conversion rates ให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวคือ Affiliate marketing นั้นสามารถเชื่อมโยงแบรนด์สินค้าของคุณกับนักการตลาดคนอื่น ๆ ที่มีฐานลูกค้ามั่นคง ซึ่งจะช่วยรับประกันได้ว่าผลิตภัณฑ์ของคุณจะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีโอกาสซื้อสูงได้ ที่จริงแล้ว ยังมีงานวิจัยบ่งชี้ว่า ประมาณ 81% ของแบรนด์ต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ล้วนใช้ Affiliate Marketing ในการดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ แล้ว Affiliate Marketing นั้นมีกระบวนการทำงานอย่างไร? เราลองไปหาคำตอบกัน
นักการตลาดจะใช้กลยุทธ์การตลาด E-commerce ที่มีอยู่หลากหลายในมือของพวกเขา เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับกลุ่มลูกค้า ซึ่งรวมถึงการซื้อพื้นที่โฆษณา (Paid advertising) และการทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งร่วมด้วย โดยคุณจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นการตอบแทนให้แก่นักการตลาดเหล่านั้น ซึ่งหากพวกเขาสามารถส่งลูกค้าไปยังเว็บไซต์ของคุณและสร้างยอดขายให้กับคุณได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ
ในอีกแง่หนึ่ง การทำ Affiliate Marketing ก็เหมือนกับการมีทีมขายของคุณเอง แต่อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องกำหนดเงื่อนไขของโปรแกรม Affiliate เพื่อให้สามารถดึงดูดกลุ่มคนที่เหมาะสม ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการขายสินค้าประเภทเดียวกับคุณ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะในการคัดสรรทีม Affiliates ให้กับแบรนด์ของคุณนั้น ผู้ที่มีความเข้าใจทั้งในตัวธุรกิจ และกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมของคุณ จะเรียนรู้ผลิตภัณฑ์หรือบริการได้อย่างรวดเร็ว และสามารถทำให้กลุ่มเป้าหมายสนใจจนตัดสินใจซื้อสินค้าในที่สุด แต่ในทางกลับกันผู้ที่ไม่เข้าใจในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจของคุณ อาจไม่สามารถทำการเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้กับคุณได้เลย
ในปัจจุบันรูปแบบของ Affiliate Marketing ที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นการจ่ายอิงตามจำนวนยอดขาย (pay-per-sale) ซึ่งการทำโฆษณาประเภทนี้ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำสำหรับแบรนด์สินค้าหรือบริการ ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำการตลาดก็ว่าได้
การทำ Content Marketing ยังคงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ Digital E-commerce Marketing ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยเหตุผลที่ว่า Content Marketing นั้นให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพกับผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ได้อย่างเหลือเชื่อ ยิ่งถ้าคุณใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการทำ Digital Marketing ร่วมด้วย เพื่อสร้างการค้นหาที่ชัดเจน แล้วค่อย ๆ ชักจูงลูกค้าสู่ช่องทางการขาย แนวโน้มที่ลูกค้าจะสนใจและซื้อสินค้าก็จะมีสูงอย่างมาก ซึ่งได้กลายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยกระตุ้นการเพิ่มยอดขายออนไลน์ได้ดี
สำหรับวิธีการทำ Content Marketing มีอยู่หลากหลายรูปแบบ แต่วิธีไหนจะเหมาะสมกับธุรกิจของคุณที่สุดนั้นก็ขึ้นอยู่กับตลาดและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณเป็นสำคัญ แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกธุรกิจสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ก็คือการปรับปรุงประสิทธิภาพของหน้าเพจผลิตภัณฑ์ ซึ่งถ้าหากคุณรู้ Keywords ที่ลูกค้าของคุณมีแนวโน้มที่จะใช้เสิร์ชหาผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาต้องการ คุณก็สามารถสร้างสรรค์ข้อความโฆษณา บทความที่เกี่ยวข้องกับสินค้า ชื่อเพจ หรือคำอธิบายรูปภาพที่เชื่อมโยงกับ Keywords เหล่านั้น เพื่อไต่สู่ลำดับที่สูงขึ้นบนหน้าแสดงผลเสิร์ช
อีกหนึ่งกลยุทธ์ในการสร้างสรรค์ Content Marketing ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพและสามารถช่วยในการเพิ่มยอดขายออนไลน์ นั่นคือการเขียนบล็อก (Blog) ซึ่งเป็นบทความที่มีประโยชน์ และช่วยส่งเสริมร้านค้าออนไลน์ของคุณ ซึ่งอาจจะพูดได้ว่ากลยุทธ์นี้มีประโยชน์เป็นอย่างมาก เพราะคุณไม่เพียงแค่เขียนบทความที่จะช่วยเพิ่มยอด Reach ผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพของกลไกค้นหาเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึงความเชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น ๆ และอาจทำให้แบรนด์ของคุณกลายเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน การผลิตวิดีโออธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ ก็จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายได้เข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังจะช่วยให้ลูกค้าของคุณมองเห็นจุดแข็งต่าง ๆ ของผลิตภัณฑ์ ลองนึกภาพดูว่าในแพลตฟอร์มอย่าง YouTube ที่มีผู้ใช้งานกว่า 1 พันล้านคน และหากคุณได้สร้างสรรค์วิดีโอที่มีความน่าสนใจและถูกนำเสนอออกไป ก็อาจทำให้ยอด Reach พุ่งสูงขึ้น จนแบรนด์ของคุณกลายเป็นที่รู้จัก และช่วยกระตุ้นยอดขายได้อีกด้วย
Primal สามารถช่วยคุณออกแบบแคมเปญ E-commerce Marketing ให้กับแบรนด์ของคุณได้ รวมถึงยังสามารถช่วยให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างผลลัพธ์อันโดดเด่นให้แก่บริษัทของคุณ นอกจากนี้ยังรับโปรโมตเพจเพื่อเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าหรือบริการของคุณอีกด้วย
การทำการตลาดผ่านอีเมลนั้นมีมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มของโฆษณาดิจิทัล และก็ยังคงมีศักยภาพอย่างมากสำหรับธุรกิจออนไลน์สมัยใหม่ แม้ว่าอีเมลอาจจะไม่ได้มีองค์ประกอบเจ๋ง ๆ อย่างที่โซเชียลมีเดียมีให้ แต่หากคุณมีแคมเปญที่ผ่านการคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว ก็สามารถสร้างผลสำเร็จอันน่าเหลือเชื่อได้ การจะพัฒนากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพนั้น คุณจำเป็นต้องยึดตามกลยุทธ์ของ Drip Marketing ซึ่งเป็นการจำแนกกลุ่มลูกค้าออกตามคุณสมบัติเฉพาะ และความสนใจบางประการ ทำให้แน่ใจได้ว่าคุณจะส่งอีเมลคุณภาพไปยังลูกค้าได้ถูกช่วงถูกจังหวะที่สุดตาม Buyer’s Journey และด้วยความที่แคมเปญเหล่านี้สามารถทำแบบอัตโนมัติได้ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ สำหรับบรรดาบริษัท E-commerce
สาเหตุส่วนหนึ่งที่ Email Marketing ยังคงได้รับความนิยมในหมู่นักการตลาดดิจิทัลก็เป็นเพราะว่า โดยพื้นฐานแล้วทุกกลุ่มประชากรยังคงใช้อีเมลในการติดต่อสื่อสาร ในขณะที่แนวทางการทำ E-commerce Marketing ในรูปแบบอื่น ๆ นั้น ต้องการให้ธุรกิจของคุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างเฉพาะเจาะจงจึงจะถือว่ามีประสิทธิภาพ ซึ่งในปัจจุบันผู้คนกว่า 3.9 พันล้านคนทั่วโลกใช้ Email นั่นหมายความว่า Email Marketing เป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการเข้าถึงลูกค้าแทบทุกกลุ่ม ในขณะเดียวกัน การส่งอีเมลเฉพาะบุคคล (Personalised Emails) ก็มีอัตราการเปิดอ่าน (Open Rate) ที่น่าพึงพอใจ ที่สามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณบรรลุผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ที่ดีที่สุดจากแคมเปญได้ รวมถึงยังสามารถกระตุ้นการเพิ่มยอดขายออนไลน์ได้เป็นอย่างดีด้วย
สำหรับการใช้อีเมลเพื่อทำการตลาดนั้น มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าทุก ๆ 1 ดอลล่าร์ ที่คุณใช้ไปกับการสร้างลิสต์อีเมลที่มีประสิทธิภาพ คุณจะสามารถคาดหวังผลตอบแทนได้โดยเฉลี่ยถึง 42 ดอลล่าร์เลยทีเดียว Primal เป็น E-commerce Marketing Agency ที่รู้ว่าควรทำอย่างไร ถึงจะออกแบบแคมเปญ Email Marketing ได้อย่างละเอียด แล้วสามารถโน้มน้าวผู้บริโภคให้เข้าไปดูผลิตภัณฑ์ล่าสุดของคุณได้
ในโลกของ E-commerce นั้น Influencer Marketing เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ชั้นนำในการเพิ่ม Brand Awareness ให้กับแบรนด์ของคุณ โดยกลยุทธ์ E-commerce Marketing ประเภทนี้จะเป็นการสร้างความร่วมมือกับบุคคลที่เป็นที่นิยม และมีผู้ติดตามจำนวนมาก ซึ่งหากคุณเลือกกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ซึ่งมีผู้ติดตามเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์หรือบริการต่าง ๆ ของคุณได้ คุณจะสามารถยกระดับยอด Reach และเพิ่ม Conversions ได้อย่างรวดเร็ว แต่ถึงแม้ว่า Influencer Marketing มักเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหล่าบุคคลที่มีชื่อเสียงบนอินสตาแกรม แต่กลยุทธ์นี้ก็ได้พิสูจน์แล้วบนแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ ก็มีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน
แต่ก่อนที่จะลงมือทำ Influencer Marketing คุณจะต้องตัดสินใจให้ดีก่อนว่าอินฟลูเอนเซอร์ประเภทใดที่ตอบโจทย์กับบริษัทและผลิตภัณฑ์ของคุณ เพราะมีแบรนด์มากมายที่ผิดพลาดจากการเลือกอินฟลูเอนเซอร์ เพียงเพราะดูจากผู้ติดตามจำนวนมากเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในคือการเลือกตัวแทนของแบรนด์ จะต้องดูถึงคนที่มีผู้ติดตามที่มีแนวคิดคล้ายกัน เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของคุณที่สุด ซึ่งหากพิจารณาตามหลัก 3 Rs ในการเลือกอินฟลูเอนเซอร์ ควรจะต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้
เมื่อคุณพิจารณาถึงสิ่งเหล่านี้ คุณก็จะสามารถเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดเพื่อนำเสนอแบรนด์ของคุณได้ จากนั้นคุณก็ลงมือออกแบบแคมเปญที่เกี่ยวกับแบรนด์ อาจจะเป็นการรีวิวผลิตภัณฑ์ หรือทำคอนเทนต์ที่ได้รับการสนับสนุนจากสินค้าหรือบริการ เพื่อที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากกลุ่มผู้ติดตามของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ และเพิ่ม Traffic สู่ร้านค้าออนไลน์ของคุณได้
Primal มีความพร้อมและมากประสบการณ์ในการพัฒนาแคมเปญ Influencer Marketing อย่างครอบคลุม ที่สำคัญเราช่วยแบรนด์ E-commerce ต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จในด้านการเพิ่มยอดขายออนไลน์มาแล้วอย่างมากมาย
ธุรกิจออนไลน์มากมายดำเนินกิจการอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่บรรดาบริษัทที่มองการณ์ไกลจะมองว่าการทำ Referral Marketing เป็นการทำการตลาดที่มีประสิทธิผลที่ทำให้บริษัทของพวกเขาแตกต่าง เพราะเป็นการช่วยบอกต่อในเชิงบวกกันแบบปากต่อปาก
ซึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดประเภทนี้ เป็นการสร้างข้อมูลเชิงบวกให้กับสินค้า โดยมีกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นคนบอกต่อและชักชวนลูกค้าอื่น ๆ เพื่อแลกกับส่วนลดหรือของขวัญ เป็นต้น แม้ว่าผู้บริโภคที่พึงพอใจกับสินค้ามักจะแนะนำและบอกต่อกับเพื่อน ๆ และครอบครัวอยู่แล้ว แต่กลยุทธ์อย่าง Referral Marketing ที่ทำตามหลักการ คือหนทางที่จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าของคุณได้อย่างมั่นคง อีกทั้งยังจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ดีอีกด้วย ซึ่งเทคนิคการตลาดนี้ยังได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลให้กับบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Uber, Airbnb และ Dropbox ซึ่งคุณอาจพิจารณาดูว่าจะสามารถนำ Referral Marketing ไปใช้กับแบรนด์ของคุณได้อย่างไร เพื่อช่วยให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพได้มากขึ้น
Referral Marketing เป็นวิธีที่เชื่อถือได้ ด้วยเหตุผลหลายประการ แน่นอนว่ากลยุทธ์การตลาดประเภทนี้จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่า บริษัท E-commerce ของคุณจะได้รับประโยชน์จากการกำหนดเป้าหมายลูกค้าที่แม่นยำ เนื่องจากคุณกำลังขอให้ลูกค้าประจำแนะนำผลิตภัณฑ์ของคุณไปยังคนรู้จักของพวกเขา ในแง่นี้ ลูกค้าของคุณจะเข้าใจดีกว่าใคร ว่าจะชักชวนผู้อื่นอย่างไรให้มาซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณ และได้รับของรางวัลเป็นการตอบแทนทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ คนเรามักให้ความไว้วางใจจากคำแนะนำของเพื่อน ๆ และคนในครอบครัว หากมีคนที่มีประสบการณ์ใช้ผลิตภัณฑ์แล้วเกิดความพึงพอใจในระดับที่สามารถบอกต่อคนอื่น ๆ ได้ คนจำนวนมากก็ยินดีที่จะซื้อตามนั่นเอง
Primal สามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณใช้แคมเปญ Referral Marketing ได้อย่างประสบความสำเร็จ และเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ E-commerce Marketing ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้กับคุณได้
การเติบโตของโซเชียลมีเดียได้เปลี่ยนวิธีการที่ผู้คนมีส่วนร่วมกับแบรนด์ออนไลน์ต่าง ๆ ไปตลอดกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกของ E-commerce ที่คุณพยายามโน้มน้าวใจผู้บริโภคให้เลือกสินค้าของคุณท่ามกลางการแข่งขันอันมหาศาล ซึ่งแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram, Twitter, TikTok และ Pinterest ล้วนมีเครื่องมือวิเคราะห์เชิงลึกมากมายให้บริษัทได้ใช้ เพื่อช่วยกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการทำการตลาด E-commerce ได้ชัดเจนมายิ่งขึ้น ทำให้สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีส่วนร่วมสูงและต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของคุณได้ดี เนื่องจากการใช้กลยุทธ์ Social Media Marketing ยังคงสร้างลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่แบรนด์ทุกกลุ่ม ทุกขนาด แต่การเลือกใช้กลยุทธ์เพื่อช่วยขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการวิจัย (Research - Driven approach) ยังถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ดีที่สุด ที่จะสามารถทำให้บริษัทของคุณโดดเด่นได้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงเช่นนี้
ในปัจจุบันมีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมากมาย โดยมีผู้ใช้งานหลายล้านคน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น บริษัทต่าง ๆ มองว่าเป็นเรื่องยากที่จะรู้ว่าควรเริ่มต้นตรงไหน และน่าเสียดายที่แบรนด์ E-commerce มากมายทำหลายสิ่งหลายอย่างในเวลาเดียวกัน อย่างการพยายามสร้างคอนเทนต์ลงบนทุกแพลตฟอร์มที่มี ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว จะดีมากกว่าหากพวกเขาเลือกสักทำสัก 2 - 3 แพลตฟอร์มที่รู้ว่าเป็นตลาดเป้าหมายหลักของพวกเขา บริษัทเหล่านั้นก็จะสามารถโฟกัสความสนใจที่มีต่อกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงยังสามารถออกแบบแคมเปญโฆษณาบนโซเชียลมีเดียที่มุ่งให้ผลลัพธ์ที่เหนือชั้น จากการสร้างบทสนทนากับกลุ่มลูกค้าที่คุณต้องการมากที่สุด ประกอบกับการทำให้พวกเขาเข้าใจในตัวตนของบริษัทหรือแบรนด์สินค้า คุณก็จะสามารถใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์ บริการ และสร้าง Traffic บนเว็บไซต์จนเพิ่มยอดขายได้
การไต่อันดับบน Search Engines เป็นวิธีที่ดีเยี่ยมสำหรับดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ อย่างไม่มีข้อสงสัย แต่แบรนด์ E-commerce ต่าง ๆ จะสามารถเลี่ยงกระบวนการที่ต้องใช้เวลาในการทำ SEO ได้อย่างไร? หากคุณต้องการความรวดเร็วในการใช้กลยุทธ์นี้ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Search Engine Marketing (SEM) ซึ่งหมายถึงการซื้อพื้นที่โฆษณา เพื่อให้ธุรกิจของคุณปรากฏอยู่ท่ามกลางผลลัพธ์ลำดับต้น ๆ บทหน้าเพจที่เกี่ยวข้อง นอกเหนือไปจากการใช้โฆษณาในรูปแบบ Pay-per-click (PPC) Display ads และเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาผลิตภัณฑ์ เช่น Google Shopping แล้ว SEM ทำให้สามารถดึงดูดผู้ที่อาจเป็นลูกค้าในอนาคตได้ เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาใช้คีย์เวิร์ดเฉพาะในการค้นหา และด้วยความที่แคมเปญ SEM ส่วนใหญ่นั้นกำหนดให้คุณจ่ายเงินให้ Google เมื่อมีคนคลิกบนโฆษณาของคุณเท่านั้น กลยุทธ์เหล่านี้จึงให้ผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ที่ดีเยี่ยมได้ ทีมผู้เชี่ยวชาญ SEM ของ Primal รับประกันให้คุณมั่นใจว่า ธุรกิจของคุณจะสามารถกำหนดเป้าหมายโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้าง Conversions ได้มากกว่าที่เคย
การใช้ Google Adwords ที่ไม่ได้ให้ Reach ที่ตรงกัน ส่งผลให้แคมเปญ SEM จำนวนมากได้รับการจัดระเบียบผ่านแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งในการทำโฆษณาสำหรับธุรกิจ E-commerce นั้น E-commerce Marketing Agency ที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง Primal จะสามารถช่วยคุณออกแบบแคมเปญที่น่าดึงดูดบนหน้าเพจผลิตภัณฑ์ของคุณ และทำให้คุณมั่นใจว่า แคมเปญเหล่านั้นมุ่งเป้าตรงไปที่ตลาดหลักของคุณได้อย่างถูกต้อง เพราะเราใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ในการช่วยขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล (Data-driven approach) จึงสามารถสร้างโฆษณาที่น่าสนใจและมีคีย์เวิร์ดมากมายตามความสนใจในการค้นหา เพื่อดึงดูดลูกค้าที่กำลังจะตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ หากคุณตัดสินใจที่จะร่วมมือกับ Primal คุณจะเข้าใจได้เองว่าเราสามารถนำเสนอแคมเปญ SEM ที่มีประสิทธิภาพสูงและจะบรรลุถึงเป้าหมายธุรกิจ E-commerce Marketing ของคุณได้อย่างไร
สำหรับบริษัท E-commerce ขนาดเล็กและขนาดกลางแล้ว การแข่งขันกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหรรมนี้ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง แต่หากคุณพัฒนาโปรแกรมความภักดี (Loyalty Programme) ให้มีประสิทธิภาพ ที่สามารถทำให้ลูกค้ายังคงช้อปปิ้งออนไลน์กับคุณ คุณก็จะสามารถขยายฐานลูกค้าต่อไปในอนาคตได้ และเพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าของคุณรู้สึกเป็นที่ต้องการตั้งแต่แรกเริ่มที่มีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ คุณควรชักชวนให้พวกเขาลงชื่อเข้าร่วม Loyalty Programme ของคุณทันทีที่พวกเขาได้เข้ามาชมในเว็บไซต์ หากคุณมี Loyalty Programme ที่ผ่านการออกแบบมาอย่างรอบคอบ มีทั้งการนำเสนอส่วนลด และของกำนัลต่าง ๆ หลังจากทำการซื้อ ร่วมกับการแชร์ข้อมูลและเรื่องราวของธุรกิจบนโซเชียลมีเดีย คุณก็จะสามารถรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ได้ และยังได้รับประโยชน์จากยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นอีกด้วย
แม้ว่าจะดูเป็นเรื่องง่าย ๆ ในการให้รางวัลตอบแทนลูกค้าที่มาจับจ่ายกับธุรกิจออนไลน์ของคุณ แต่ยังคงมีปัจจัยหลายประการที่คุณต้องนำพิจารณาหากคุณเลือกใช้ Loyalty Programme ในการทำธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น คุณต้องกำหนดว่าลูกค้าจะต้องมียอดซื้อเท่าไหร่เพื่อรับคะแนนสะสม ขณะเดียวกันคุณยังต้องพิจารณาด้วยว่า เหล่าลูกค้าจะได้รับคะแนนด้วยหรือไม่หากพวกเขาบอกต่อถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการกับเพื่อน ๆ และครอบครัว นอกจากนี้ คุณยังต้องตัดสินใจว่าผลประโยชน์แบบใดที่จะสามารถแลกรับสิทธิพิเศษจากการมีส่วนร่วมกับ Loyalty Programme ของคุณ เพราะสิทธิประโยชน์เหล่านั้นจะต้องไม่กระทบต่อการทำธุรกิจของคุณด้วย Primal สามารถช่วยธุรกิจของคุณในการตั้งค่า Loyalty Programme และเริ่มให้ลูกค้าลงทะเบียนได้ในทันที
จะสร้างธุรกิจ E-commerce ให้ประสบความสำเร็จได้ในระยะยาวนั้น การสั่งสมรีวิวออนไลน์ถือเป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งถ้าหากมีรีวิวที่ดีบน Google และเว็บไซต์อื่น ๆ ก็จะสามารถทำให้กลุ่มคนที่มีความสนใจและมีแนวโน้มที่จะเป็นลูกค้าของคุณซื้อสินค้าหรือไปใช้บริการได้ นอกจากนี้การได้รับรีวิวในแง่บวก ยังจะทำให้กลุ่มผู้ที่สนใจมองว่าร้านค้าออนไลน์ของคุณเป็นหนึ่งในร้านที่ดีที่สุดของประเภทสินค้านั้น ๆ ซึ่งสอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะในปัจจุบันมีคนมากถึง 84% ที่เชื่อคำแนะนำในโลกออนไลน์ พอ ๆ กับคำแนะนำจากเพื่อนและครอบครัว ในขณะที่ 68% ของลูกค้านั้นมักจะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าเมื่ออ่านรีวิวประมาณ 6 รีวิวขึ้นไป สถิติเหล่านี้บ่งบอกว่าธุรกิจของคุณควรเน้นเรื่องการให้บริการที่ดีเยี่ยมอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็ควรมีเทคนิคที่จะทำให้ลูกค้าพึงพอใจจนเขียนรีวิวให้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณด้วย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการเพิ่มยอดขายออนไลน์ได้
Primal สามารถทำให้แบรนด์ช็อปปิ้งออนไลน์ของคุณใช้ประโยชน์จากการขึ้นอันดับสูง ๆ ในการค้นหาที่มาพร้อมกับรีวิวมากมายให้ลูกค้าได้เลือกอ่าน
นอกจากความจงรักภักดีและความเชื่อใจที่มีต่อแบรนด์แล้ว รีวิวออนไลน์ยังเป็นเครื่องมือที่ดีที่จะช่วยพัฒนา SEO เพราะลูกค้าที่เขียนความเห็นเหล่านี้มักมีแนวโน้มที่จะเขียนชื่อของธุรกิจและสินค้าของคุณลงไปด้วย รีวิวออนไลน์จะช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของคุณแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยการค้นหาเพียงไม่กี่ครั้ง นอกจากนี้ รีวิวบนเว็บ Googleโดยเฉพาะนั้น จะสามารถช่วยเพิ่มยอดการเข้าชมหน้า Google My Business ได้ ทำให้แบรนด์ของคุณได้รับ Engagement ที่สำคัญเหนือกว่าแบรนด์คู่แข่งอื่น ๆ ในแง่ของชื่อเสียงของแบรนด์ การตอบกลับรีวิวทั้งในแง่บวกและลบถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้เห็นความโปร่งใส และความกระตือรือร้นในการบริการลูกค้าของบริษัท
หากคุณต้องการให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณมียอดคนเข้าชมและยอดขายที่น่าพอใจ การทำเว็บไซต์ให้ดูดี และช่วยให้การเลือกซื้อสินค้านั้นง่ายขึ้นถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในการที่จะประสบความสำเร็จ คนส่วนมากมักจะจดจำกับเว็บไซต์ที่มีความน่ารำคาญ หรือใช้งานยากจนต้องกดปิดไป มีลูกค้ามากถึง 75% ที่ตัดสินธุรกิจจากหน้าตาของเว็บไซต์ ซึ่งหากธุรกิจนั้น ๆ ได้มีการออกแบบแพลตฟอร์มที่หรูหราใช้งานง่าย ก็จะช่วยให้ลูกค้าใช้เวลาอยู่บนร้านค้าออนไลน์ของคุณได้นานยิ่งขึ้น และยังมีแนวโน้มที่จะกลับมาเยี่ยมชมอีกในอนาคต แม้ว่าสินค้าของคุณจะไม่ได้เป็นที่หนึ่งในตลาด เว็บไซต์ของคุณก็ยังต้องแสดงสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดผลสูงสุด โชคดีที่ Primal เรามีทีมออกแบบเว็บไซต์ที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้ร้านค้า E-commerce ของคุณแสดงผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว ทันสมัยและเข้าถึงง่ายจากอุปกรณ์ทุกรูปแบบ
การออกแบบเว็บไซต์ให้แข็งแกร่งและตอบสนองต่อผู้เยี่ยมชมเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญของอุตสาหกรรม E-commerce การมอบประสบการณ์การซื้อของที่สะดวกสบายให้แก่ลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบนั้น จะทำให้ลูกค้าสามารถมุ่งความสนใจไปที่การซื้อสินค้า แทนที่จะต้องมานั่งหงุดหงิดกับการใช้เว็บไซต์ นอกจากรูปภาพที่มีความชัดแบบ HQ ที่ช่วยบ่งบอกจุดเด่นของสินค้าของคุณได้แล้ว ร้านค้าออนไลน์ของคุณควรจะมีหน้า FAQ เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับการจัดส่งและคืนสินค้าหากเกิดปัญหาอีกด้วย
สำหรับบริการจาก Primal เราสามารถช่วยโปรโมตเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงยังรับโปรโมตเพจที่ช่วยเพิ่มยอดขาย และยังจะมอบประสบการณ์ช็อปปิ้งที่ดีให้กับลูกค้า ไปจนถึงการเพิ่มยอดเข้าชมและ Conversion Rate ให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
การใช้สมาร์ตโฟนในการเล่นอินเทอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยสำคัญ ลูกค้ามากมายที่ค้นหาเว็บไซต์ผ่านโทรศัพท์มือถือของพวกเขาแทนที่จะใช้คอมพิวเตอร์ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่ร้านค้า E-commerce ของคุณจะต้องมีเว็บไซต์ที่สามารถใช้งานได้บนจอเล็ก ๆ อย่างสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตได้อย่างสะดวก แต่การทำเว็บไซต์ที่เหมาะกับสมาร์ตโฟนโดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและเนื้อหาอื่น ๆ ได้ครบครันนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะคุณต้องคิดให้ดีถึงวิธีการจับโทรศัพท์มือถือของแต่ละคนขณะทำการออกแบบเว็บไซต์ ซึ่งอาจต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการเขียนเนื้อหาที่ครอบคลุมในอุปกรณ์ทุกรูปแบบ ซึ่ง Primal ในฐานะเอเจนซี่การตลาดด้าน E-commerce มีประสบการณ์มากมายในการพัฒนาร้านค้าออนไลน์ที่เน้นถึงความสำคัญต่อการใช้งานบนสมาร์ตโฟนที่ลูกค้าชื่นชอบ
มีปัจจัยด้านการตลาด E-commerce มากมายที่ต้องพิจารณาเมื่อคุณต้องการสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งบนมือถือที่สมบูรณ์แบบ ผู้บริโภคที่เข้าเว็บไซต์ผ่านสมาร์ทโฟนนั้นจะออกจากเว็บไซต์อย่างรวดเร็วหากตัวเว็บใช้เวลานานในการโหลดและแสดงข้อมูล อันที่จริงแล้ว มีงานวิจัยที่ค้นพบว่า มีลูกค้าถึง 40% ที่จะเลือกปิดเว็บไซต์นั้น ๆ หากใช้เวลาในการดาวน์โหลดนานเกินกว่า 3 วินาที นั่นหมายความถึงว่า คุณจะต้องมีแพลตฟอร์มที่ดีเยี่ยม ในขณะเดียวกัน คุณจำเป็นต้องมีปุ่มเชิญชวนให้ลูกค้าซื้อสินค้าที่โดดเด่น ทีมการตลาด E-commerce ผู้เชี่ยวชาญของเราสามารถช่วยปรับเปลี่ยนปัจจัยสำคัญให้เหมาะกับการใช้บนสมาร์ตโฟนได้ เพื่อความพึงพอใจของลูกค้าและเพิ่มคอนเวอร์ชั่นเรทให้มากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย
ถึงแม้ว่าบริษัท E-commerce จะมีภาพจำว่าการตลาดท้องถิ่นนั้นใช้ได้ผลกับร้านค้าทั่วไปที่ขายแบบออฟไลน์เท่านั้น แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ในการคิดกลยุทธ์การตลาด E-commerce แบบท้องถิ่นนั้น ธุรกิจของคุณสามารถดัดแปลงเพี่อให้เข้ากับลูกค้ากลุ่มใหม่ได้ แต่การจะทำให้ประสบความสำเร็จได้นั้น คุณต้องพิจารณาและวิเคราะห์ร้านค้าออนไลน์ของคุณเพื่อสรรหาสถานที่ที่ดีที่สุดที่จะใช้เป็นต้นแบบกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ E-commerce ของคุณ ในขณะที่แบรนด์คู่แข่งทุ่มเททำทุกอย่างบนตลาดออนไลน์ แต่คุณอาจได้เปรียบจากมุมมองท้องถิ่นก็เป็นได้ Primal สามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณสร้างสรรค์เนื้อหาที่ดึงเอาโลเคชั่นท้องถิ่นของคุณมาเป็นจุดเด่นได้ รวมถึงวิธีอื่น ๆ ที่สามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการรับโปรโมตเพจเพื่อเพิ่มยอดขาย หรือการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่เข้าถึงกลุมลูกค้ามากที่สุด
การที่บริษัท E-commerce จะประสบความสำเร็จในการตลาดท้องถิ่นได้นั้น คุณต้องรู้เสียก่อนว่าจะสามารถไปเจอลูกค้าตัวต่อตัวได้ที่ไหน ด้วยการศึกษาจากลูกค้าของคุณ และค้นหาว่าพื้นที่ของพวกเขาโดยส่วนใหญ่อยู่ที่ไหน คุณอาจจะจัดร้านค้าแบบ Pop-up หรือโปรโมชันอื่น ๆ ที่จะช่วยดึงดูดลูกค้าได้ ด้วยความเข้าใจในสินค้าที่คนสนใจอย่างละเอียด การทำแคมเปญที่คิดมาอย่างดีจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีเยี่ยม และหากคลังสินค้าบริษัท E-commerce ของคุณตั้งอยู่ในตัวเมือง คุณยังสามารถเสนอทางเลือกให้กับลูกค้ามารับสินค้าหรือลดราคาค่าส่งได้อีกด้วย และด้วยแผนการตลาดที่ชาญฉลาดในพื้นที่ของคุณเช่นนี้ คุณก็จะสามารถสานสัมพันธ์กับลูกค้าและสร้างผลกำไรได้ในขณะเดียวกัน
เพียงเพราะร้านค้าออนไลน์ของคุณทำยอดขายได้ถึงเป้า ไม่ได้หมายความว่าคุณควรหยุดอยู่แค่นั้น ซึ่งในความจริงแล้ว ช่วงเวลานี้ควรถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้าแต่ละคนด้วยซ้ำ ยอดขายของธุรกิจที่มากกว่า 65% นั้นมาจากลูกค้าประจำ จึงเป็นเรื่องง่ายกว่ามากในการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเอาไว้ เมื่อเทียบกับกลยุทธ์การตลาดเพื่อเรียกลูกค้าใหม่ นอกจากนี้ การพัฒนากลยุทธ์การตลาด E-commerce ในเรื่องการรักษาลูกค้านั้นยังใช้งบประมาณน้อยกว่าการเรียกลูกค้าใหม่ประมาณ 5 - 25 เท่า แต่คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าลูกค้าเหล่านั้นจะกลับมาหาคุณอีกครั้ง? ยังมีลูกเล่นการตลาด E-commerce อีกมากมายที่จะทำให้ลูกค้านึกถึงแบรนด์ของคุณ และทำให้พวกเขากลับมาสนใจสินค้าของคุณอีกครั้งหนึ่ง
กลยุทธ์หนึ่งที่ได้ผลดีเยี่ยมคือการทำปฏิทินการตลาดด้านความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างละเอียด โดยการแยกผู้รับสารเป็นกลุ่มด้วยกิจกรรมล่าสุดที่พวกเขามีการตอบสนองกับธุรกิจของคุณ โดยคุณสามารถสร้างลิสต์อีเมลของกลุ่มคนที่ควรได้รับข่าวสารเพื่อเป็นการย้ำเตือนถึงการมีอยู่ของสินค้า ด้วยปฏิทินดังกล่าวยังสามารถช่วยรักษายอด Engagement รวมถึงโน้มน้าวให้ลูกค้ากลับเข้ามาเยี่ยมชมเพื่ออัพเดทสินค้าล่าสุดได้อีกด้วย อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว กลยุทธ์การตลาด E-commerce เช่นระบบอ้างอิง โปรแกรมสานสัมพันธ์ลูกค้า และการตลาดบนโซเชียลมีเดียนั้นสามารถทำให้ลูกค้าขาประจำกลับมาช็อปแบรนด์ของคุณยาวนานหลายปี หากคุณเลือกทำงานกับ Primal ทีมการตลาด E-commerce ของเราสามารถทำแคมเปญการตลาดดิจิทัลที่หลากหลายและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใน Engagement จากลูกค้าของคุณได้ และยังจะส่งผลต่อการเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้กับแบรนด์ของคุณด้วย
ผู้คนมากถึง 2 พันล้านคนทั่วโลกซื้อสินค้าออนไลน์ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง การเตรียมพร้อมสำหรับยุคดิจิทัลในอนาคตจึงเป็นสิ่งสำคัญในการความสำเร็จในระยะยาว แต่ด้วยวิธีมากมายในการสร้างแคมเปญที่สร้างสรรค์ และอุปกรณ์หลากหลายที่ต้องเลือกใช้ ทำให้การสร้างระบบการตลาดแบบดิจิทัลที่ดีได้นั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย นั่นเป็นเหตุผลที่หลาย ๆ แบรนด์ชั้นนำต้องใช้เอเจนซี่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด E-commerce โดยเฉพาะ อย่าง Primal ซึ่งเป็นดิจิทัลเอเจนซี่ชั้นนำ คุณจะสามารถมั่นใจได้ว่า ผลตอบแทนที่จะกลับมาจะสร้างความคุ้มค่า เพราะในปัจจุบันการใช้ชีวิตของผู้คนต่างให้ความสนใจกับเข้ากระแส E-commerce จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่คุณต้องโดดเด่นอยู่เหนือแบรนด์คู่แข่ง
ในปี 2020 มีการคาดการณ์ว่าแบรนด์ E-commerce จะมียอดขายทั้งหมด 15.5% ของการค้าปลีกทั้งหมด ด้วยเปอร์เซนต์การเติบโตในอัตราดังกล่าว ทำให้หลาย ๆ บริษัทเริ่มสนใจเข้าสู่ตลาดออนไลน์เพราะผู้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างทั่วถึง การสร้างแคมเปญโฆษณาที่ได้ผลและทำให้สินค้าหรือบริการของคุณโดดเด่นถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการใช้กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่หลากหลาย ตั้งแต่โปรแกรมสานสัมพันธ์ลูกค้า การตลาดทางอีเมล และการออกแบบเว็บไซต์ที่เน้นการใช้บนมือถือ ธุรกิจของคุณก็จะพร้อมกับการเข้าสู่ยุคดิจิทัล หากเราได้มีโอกาสทำงานอย่างใกล้ชิดกับแบรนด์ของคุณ เพื่อทำความเข้าใจถึงสินค้าของคุณในเชิกลึก รวมถึงรู้ถึงข้อดีและข้อด้อย Primal ในฐานะเอเจนซี่ที่มีชื่อในด้านการตลาด E-commerce สามารถการันตีได้ว่าแคมเปญของคุณจะสร้าง ROI ที่ยากจะเอาชนะได้
ในขณะที่หลาย ๆ ธุรกิจเริ่มสร้างตัวบนแพลตฟอร์ม E-commerce บริษัทของคุณควรดึงเอาเทคนิคการตลาดมากมายมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อร้านค้าออนไลน์ของคุณมากที่สุด ยิ่งถ้าหากคุณเลือกร่วมงานกับทีมการตลาดที่มีความเชี่ยวชาญของเรา เราจะศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลของแบรนด์คุณอย่างละเอียด เพื่อค้นหาแพลตฟอร์มที่เหมาะในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และด้วยคำแนะนำของเรา คุณสามารถมั่นใจได้ว่า ธุรกิจของคุณจะได้ประโยชน์จากหลาย ๆ ด้าน ทั้งจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงยังจะได้กลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มในการซื้อสินค้า และคอนเวอร์ชั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีเพิ่มยอดขายออนไลน์ที่ตอบโจทย์ในยุคปัจจุบัน และเมื่อเราเริ่มใช้วิธีที่หลากหลายในการดึงดูดและโน้มน้าวลูกค้าให้ซื้อสินค้า คุณจะสังเกตเห็นถึงความแตกต่างได้ในทันที
เพื่อให้แน่ใจว่าแคมเปญของเราจะทำให้บริษัทของคุณได้เปรียบท่ามกลางคู่แข่งมากมาย เรายังมีการทำรายงานที่แสดงให้เห็นถึงกลไกภายในของกลยุทธ์ E-commerce ของเรา โดยปกติแล้วเรามักจะบันทึกความคืบหน้าและปรับปรุงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ การทำงานพร้อมกับการวิเคราะห์ไปด้วยนั้น จะทำให้เราสามารถเปลี่ยนแผนต่าง ๆ เพื่อให้เข้ากับเทรนด์ที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้นได้อย่างเหมาะสม เพราะในโลกออนไลน์ที่มีคนเข้ามาใช้งานเพิ่มทุกวัน ทีมงานมากประสบการณ์ของ Primal จะสามารถช่วยให้บริษัทของคุณสร้างอาวุธที่แข็งแกร่งได้ นอกจากนี้บริษัทของเรายังตั้งอยู่ในทำเลใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร ทำให้เรารู้ถึงภูมิทัศน์ทางดิจิทัลยิ่งกว่าใครในภูมิภาคเดียวกัน
ผู้ประกอบการหรือผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อเราวันนี้ เพื่อให้เราออกแบบวิธีที่จะใช้ในการทำการตลาด E-commerce ที่ดีที่สุดให้กับแบรนด์ของคุณ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน
Results-Driven In-House Experts
Brand Partners
Regional Offices