เพิ่มจำนวนผู้ติดตามและสร้างผลกำไรด้วย Instagram Marketing

เพิ่มจำนวนผู้ติดตามและสร้างผลกำไรด้วย Instagram Marketing

แอปพลิเคชัน Instagram นั้นมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนแทบจะมีประสิทธิภาพทรงพลังเทียบเท่ากับบริษัทแม่อย่าง Facebook เลยทีเดียว ซึ่งในแง่ของการทำ Digital Marketing นั้น แอปฯ Instagram เองแสดงให้เห็นอยู่แล้วไม่ว่าจะลงโฆษณาบน IG รูปแบบไหนก็สามารถเป็นไปได้ทั้งสิ้น ที่ผ่านมา Instagram ได้รันแคมเปญที่ประสบความสำเร็จ สามารถเผยแพร่ชื่อเสียงของแบรนด์ให้กลายเป็นที่รู้จักระดับโลกในหมู่ผู้ใช้งานแอปฯ ที่อัปโหลดรูปภาพกว่า 60 ล้านภาพในทุกๆ วัน ทำให้การใช้งานบนแอปพลิเคชันนี้ขยายไปได้ไกลเกินฐานลูกค้าอย่างรวดเร็ว ในประเทศไทยเองก็มีผู้ใช้งานมากกว่า 14 ล้านคน ทำให้การเผยแพร่เนื้อหาใดๆ ผ่าน Instagram กลายเป็นอีกหนทางหนึ่งในการทำให้ธุรกิจคุณประสบความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น ซึ่ง Primal เองก็มีประสบการณ์ในด้านการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียมานาน สามารถนำเสนอการรันแคมเปญผ่าน Instgram ในแบบระดับเฟิร์สคลาส เพื่อให้ธุรกิจของลูกค้าสามารถบรรลุเป้าหมายได้ตามที่ตั้งไว้ได้

เช่นเดียวกับ Facebook และแอปพลิเคชันอื่นๆ บนโซเชียลมีเดีย การยิงโฆษณาผ่าน Instagram นั้นมีส่วนช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น สร้างความเป็นที่สุดของตัวแบรนด์ใน Instagram ซึ่งในแพลตฟอร์มของตัวแอปฯ เองก็อนุญาตให้นักการตลาดโพสต์ภาพที่ได้รับการสนับสนุน (Sponsored) และเพื่อเพิ่มโอกาสในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับตัวแบรนด์ ด้วยตัวกลยุทธ์เองที่ตั้งเป้าหมายสำหรับคน, เวลาที่ใช่เอาไว้อยู่แล้วตั้งแต่แรกเริ่ม ดังนั้นการทำ Instagram Marketing หรือการตลาดผ่าน Instagram จึงเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งในการสร้างการรับรู้ให้กับตัวแบรนด์ (Brand Awareness), ช่วยเพิ่มยอดผู้เข้าชมหน้าเว็บไซต์ (Website Traffic), นำมาซึ่งว่าที่ลูกค้าคุณภาพในอนาคต (Leads) และมีส่วนในการผลักดันลูกค้าให้เข้าสู่กระบวนการซื้อในที่สุด เหนือสิ่งอื่นใดการตลาดบน Instagram นั้นเป็นวิธีที่ได้ผลอย่างดีเยี่ยม สังเกตได้จากเรื่องง่ายๆ เมื่อผู้ใช้งานต้องการจะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าสักชิ้น กว่า 60% ของจำนวนผู้ใช้งานมักจะเปิด Instagram เพื่อค้นหาสินค้าก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็จะมีผู้ใช้งานปัจจุบันอีก 75% ที่ตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นการเข้าไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมต่อบนหน้าเว็บไซต์ แสวงหาช่องทางในการซื้อ ตลอดไปจนถึงเริ่มติดต่อกับแบรนด์โดยตรง ทั้งหมดล้วนเริ่มต้นจาก Instagram ทั้งสิ้น

เข้าใจกระบวนการทำงานของ Instagram

เข้าใจกระบวนการทำงานของ Instagram

จุดขายสำคัญสำหรับทั้งตัวเอเจนซี่ที่ทำโฆษณาผ่าน Instagram, บริษัทส่วนตัว หรือบริษัทที่ทำโฆษณาเฉพาะบุคคลบนแอปฯ Instagram คือการที่บริษัทเหล่านี้สามารถศึกษาข้อมูลของกลุ่มผู้ใช้งาน (Data) จากแอปฯ Facebook เพื่อตั้งเป้าหมายให้กับโฆษณาของตนเอง อย่างไรก็ตาม Instagram เองยังมีกระบวนการทำงานที่แตกต่างจาก Facebook อยู่ดีในแง่ของโครงสร้างและฟังก์ชันการทำงานของตัวโฆษณา ทั้งนี้เนื่องจากมุมมองของ Instagram ที่แตกต่างกันออกไปจากแอปฯ อื่นๆ ประกอบไปด้วยแพลตฟอร์ม 6 รูปแบบในการวางแผนเพื่อทำสื่อโฆษณา 4 แพลตฟอร์มแรกเรียกว่า Instagram Feed Ads หรือหน้าฟีดโฆษณา ส่วนอีก 2 แพลตฟอร์มหลังเรียกว่า Instgram Stories Ads หรือที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีภายใต้ชื่อ Instagram Stories ดังนั้นแบรนด์ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า ROI (Return of Investment) หรือยอดขายที่เคยได้รับมาจากการทำโฆษณาผ่าน Insagram จริงหรือไม่ เพียงแค่ร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านการตลาดบนสื่อโซเชียลมีเดียอย่างเรา Primal รายล้อมไปด้วยทีมงานมืออาชีพในด้านการทำโฆษณาอินสตาแกรมโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงทราบเป็นอย่างดีว่าวิธีการทำโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร เพื่อให้สามารถเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้กลายเป็นยอดขายได้อนาคต

โดยธรรมชาติแล้ว กลยุทธ์ของการทำการตลาดผ่าน Instagram นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลากหลายประการด้วยกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละธุรกิจ และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของแคมเปญที่ตั้งเอาไว้แล้วนั้น ตัวแบรนด์เองจะต้องพิจารณาด้วยว่างบประมาณกับทรัพยากรที่มีอยู่ในมือนั้นจะสร้างสรรค์ให้ออกมาเป็นผลกระทบทั้งแง่ลบและแง่บวกได้อย่างไรบ้าง เมื่อคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ได้แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมนั่นก็คือระหว่างการทำโฆษณา IG ผ่าน Feed Ads หรือ Stories Ads อันไหนเหมาะสมกับแบรนด์คุณมากที่สุด เนื่องจากคุณไม่สามารถโพสต์วิดีโอโฆษณาลงในฟีเจอร์ทั้งสองแบบพร้อมกันได้ โดยฟีเจอร์ Instagram Feed Ads นั้นแบ่งแยกออกเป็นอีก 4 หมวดหมู่ตามที่กล่าวไปแล้วในข้างต้น ได้แก่: Photo Ads (โฆษณาแบบรูปภาพ), Video Ads (โฆษณาแบบวิดีโอ), Carousel Ads และ Slide Show Ads ซึ่งจาก 4 หมวดหมู่ที่กล่าวไปแล้วนั้นอาจจะมีความซับซ้อนอยู่บ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ตามไม่ต้องกังวลไป เพราะ Facebook Ads Manager หรือผู้จัดการโฆษณาผ่านเฟซบุ๊คเองจะทำหน้าที่แนะนำไซส์ของรูปภาพและวิดีโอที่ถูกต้องและเหมาะสมแก่การโฆษณาในแต่ละหมวดหมู่ให้แก่แบรนด์คุณเอง

สำรวจการตลาดบน Instagram แบบง่ายๆ

สำรวจการตลาดบน Instagram แบบง่ายๆ

เมื่อกล่าวถึงการพัฒนาแคมเปญการตลาดบน Instagram ที่มีประสิทธิภาพสำหรับผลิตภัณฑ์ในแต่ละตัวของแบรนด์แล้วนั้น อย่างไรก็ตามระหว่าง Feed Ads และ Stories Ads ก็ยังมีความแตกต่างอยู่บ้างในบางมุม ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่แบรนด์ควรรับทราบและจดจำ ยกตัวอย่างเช่น นักการตลาดออนไลน์หลายท่านเชื่อว่า Stories Ads จะช่วยให้บรรดาผู้ติดตามได้รับประสบการณ์ร่วมไปกับแบรนด์ ซึ่งประเภทของการโพสต์ลง Instagram ลักษณะนี้เป็นการโพสต์แบบวิดีโอ ความยาวประมาณ 120 วินาที นับเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่แบรนด์จะมีโอกาสได้ส่งสาระสำคัญที่ต้องการจะบอกกับผู้ที่ผ่านมาเห็นวิดีโอนี้ และด้วยความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) อย่าง Primal บริษัทรับทำโฆษณา IG ที่สามารถการันตีได้เลยว่าในทุกๆ การตัดสินใจของธุรกิจและการเลือกทำโฆษณาผ่าน Instagram จะเป็นไปอย่างถูกต้อง อีกทั้งยังให้คุณสามารถเน้นย้ำคุณค่าและความเป็นตัวแบรนด์ได้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ยังสามารถเน้นย้ำไปที่ข้อดีของผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าจะได้รับหลังจากตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณกลับไปใช้

ในขณะที่บางแบรนด์ที่ทำโฆษณาผ่าน Instagram แล้วได้รับผลตอบรับดีเกินคาดจากการเลือกใช้ฟีเจอร์ Stories Ads เพื่อปรับทิศทางการตลาดให้กับแบรนด์ตนเอง แต่แบรนด์อื่นๆ ก็อาจจะประสบความสำเร็จกับการเลือกใช้ฟีเจอร์ Feed Ads ในการทำโฆษณาก็เป็นได้ ทั้งนี้หลายๆ แบรนด์ที่มีชื่อเสียงเรื่องอุตสาหกรรมอาหารฟาสต์ฟู้ดและอุตสาหกรรมยานยนต์อาจจะมองว่า Feed Ads คือฟีเจอร์ที่ดีและเหมาะสมที่สุดในการสร้างสรรค์เนื้อหาโฆษณาและส่งต่อไปยังผู้ชม ด้วยตัวธุรกิจเองนั้นเป็นที่รู้จักของลูกค้าทั่วทุกมุมโลกอยู่แล้ว ดังนั้นแบรนด์จึงสามารถเลือกใช้ฟีเจอร์ Feed Ads ในการโปรโมทตัวผลิตภัณฑ์และเผยแพร่ประสบการณ์ใหม่ๆ จากแบรนด์ได้มากกว่าการผลิตเนื้อหาโฆษณาเพียงเพื่อสร้าง Brand Awareness หรือทำให้ผู้ชมรู้จักตัวแบรนด์เหมือนในช่วงแรกเริ่ม จึงเป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ว่าทำไมแบรนด์น้องใหม่หลายเจ้ามักเลือกที่จะใช้ฟีเจอร์ Stories Ads ในการโปรโมทเสียเป็นส่วนใหญ่ อันเนื่องมาจากจุดประสงค์ที่กล่าวไปแล้วในข้างต้น คือการแนะนำตัวแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในฐานลูกค้าใหม่ๆ และในขณะเดียวกัน Stories Ads ก็ยังเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมในการเผยแพร่เนื้อหาที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ หรือการใช้ในเชิงทดลองต่างๆ

ใช้ Instagram เป็นโปรไฟล์ในการโปรโมทธุรกิจ

ใช้ Instagram เป็นโปรไฟล์ในการโปรโมทธุรกิจ

สำหรับธุรกิจที่เริ่มเข้าสู่พื้นที่การตลาดผ่าน Instagam แล้วนั้น ขอให้แน่ใจว่าบัญชีผู้ใช้งาน Instagram ของคุณนั้นเป็นโปรไฟล์ที่ใช้ในเชิงธุรกิจ ฟังดูแล้วอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็ก่อให้เกิดความแตกต่างในบางประการขึ้นได้ หากวันหนึ่งตัวแบรนด์ต้องการที่จะขยายฐานลูกค้า เพิ่มจำนวนผู้ติดตามและเจาะกลุ่มตลาดได้อย่างแม่นยำมากขึ้นโดยอาศัยแพลตฟอร์ม Instagram เมื่อคุณสามารถเข้าถึงรายละเอียดกลุ่มผู้ใช้งานที่มีความจำเป็นแก่การตลาดบน Instagram แล้วนั้น การเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในลำดับถัดมาก็คือ แบรนด์สามารถปรับปรุงยอด Conversion Rate ได้ ผู้ติดตามคุณจะเห็นปุ่ม 'กดเพื่อติดต่อ' บนหน้าโปรไฟล์ และเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ติดตามจะสามารถค้นหาโปรไฟล์แบรนด์คุณเจอบน Instagram สามารถเข้าถึงแบรนด์คุณได้อย่างแน่นอน จากคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมานั้นก็ถือว่าเป็นเหตุผลมากพอที่ควรจะเปลี่ยนไปใช้โปรไฟล์แบบธุรกิจ จากนั้นก็มาร่วมค้นหาเครื่องมือใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นบน Instagram ไปพร้อมๆ กัน

การที่แบรนด์มีโปรไฟล์ Instagram ในเชิงธุรกิจนั้นถือว่าเป็นวิธีที่ดีและเหมาะสมที่สุดในการปรับปรุงภาพลักษณ์ตนเองบนโลกออนไลน์ และเนื่องจากในตอนนี้คุณจะได้รับสิทธิและประโยชน์จาก Instagram ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากสถิติผู้ใช้งานได้ด้วยตนเอง เรียกได้ว่าตอนนี้คุณมีแหล่งข้อมูลที่ดีเยี่ยมและเพียงพอในการประเมินประสิทธิภาพก่อนที่จะสร้างโพสต์ขึ้นมาโปรโมทแบรนด์ตัวเองสักอันหนึ่ง จากการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติผู้ใช้งานอันได้แก่ อายุ, เพศ, สถานที่ตั้ง ตัวแบรนด์เองสามารถนำเอามาใช้เพื่อตั้งเป้าหมายแคมเปญการตลาดที่กำลังจะรันต่อไปในอนาคต คุณจะได้รับข้อมูลหรือสถิติแบบเชิงลึกว่าผู้ติดตามคุณใช้งาน Instagram บ่อยที่สุดในช่วงวันและเวลาใด นอกจากนี้แบรนด์ยังสามารถเข้าไปเจาะข้อมูลเชิงลึกในโพสต์เก่าๆ ที่เคยสร้างเอาไว้เพื่อเปรียบเทียบเทรนด์ความนิยมทั้งในอดีตและปัจจุบันว่าแตกต่างกันอย่างไร เรียกได้ว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มฟรีอย่าง Instagram ในแง่ของธุรกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั่นเอง

กำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณ

กำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณ

การรันแคมเปญการตลาดบนแพลตฟอร์ม Instagram จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนโดยเฉพาะกับธุรกิจที่บริหารงานได้อย่างทั่วถึงในทุกภาคส่วน แต่ในขณะเดียวกันแพลตฟอร์ม Intagram เองอาจจะยังไม่สามารถรับประกันความสำเร็จในการรันแคมเปญการตลาดกับในบางธุรกิจ ทั้งในแง่ของการวางแผนแคมเปญและการมีศิลปะดึงดูดกลุ่มเป้าหมายอย่างเหมาะสมและถูกวิธี ซึ่งหนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ทำให้แคมเปญการตลาดไม่ประสบความสำเร็จนั่นก็คือ แบรนด์มองข้ามการเข้าถึงและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายของตนเอง ถือเป็นปัญหาหลักโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจเกิดใหม่ที่ยังไม่มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่จะมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดบนโซเชียลมีเดียอย่าง Primal ผู้รับทำโฆษณาบน Instagram เข้ามาเพิ่มความมั่นใจให้คุณว่าจะสามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่จะเป็นลูกค้าของแบรนด์นั้นๆ ได้ในอนาคตและยังมีส่วนช่วยทำให้ในทุกๆ โพสต์ของแบรนด์เป็นที่สนใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อแบรนด์ค่อยๆ เริ่มมีทักษะทางด้านการตลาดบน Instagram เริ่มทราบแนวทางว่าเนื้อหาประเภทไหนที่โพสต์ออกไปแล้วจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งก็มีหลากหลายวิธีในการค้นหาและตอบรับข้อมูลเชิงลึกจนทำให้ทราบว่าธุรกิจอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับแบรนด์เรามีทักษะการเข้าถึงลูกค้าอย่างไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น การค้นหาผ่านแฮชแท็ก (#) ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์คุณ จากนั้นตรวจสอบโดยคร่าวๆ ว่าแบรนด์อื่นๆ มีลักษณะหรือจุดเด่นในการโพสต์โปรโมทไปในทิศทางไหน มีธีมหรือสไตล์การสร้างเนื้อหาอย่างไร เพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบรับของแบรนด์ที่ดีเยี่ยมในลำดับถัดไป ทั้งนี้ต้องอย่าลืมว่าคุณยังสามารถค้นหาได้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่ติดตามแบรนด์คู่แข่งคุณนั้นมีปฏิกิริยาหรือมีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์มนี้อย่างไร สถิติของโปรไฟล์ธุรกิจคุณนั้นเป็นข้อมูลที่ถูกจัดทำขึ้นโดยอ้างอิงจากสถานที่ตั้งและการใช้งาน Instagram ของกลุ่มผู้ติดตามเป็นหลัก เมื่อใดก็ตามที่คุณสามารถสร้าง Stories หรือโพสต์ได้ประสบความสำเร็จและเข้าใกล้จุดมุ่งหมายแล้ว หากคุณตัดสินใจร่วมงานเป็นพาร์ทเนอร์กับ Primal บริษัทรับลงโฆษณา Instagram ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้แบรนด์ลูกค้าระบุกลุ่มเป้าหมายที่บน Instagram รวมไปถึงช่วยสร้างเนื้อหาในการโปรโมทที่ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มผู้ติดตามให้ประสบความสำเร็จและเข้าใกล้จุดมุ่งหมายมากยิ่งขึ้นไปอีก

เพิ่มประสิทธิภาพให้กับบัญชีผู้ใช้งาน Instagram ของคุณ

เพิ่มประสิทธิภาพให้กับบัญชีผู้ใช้งาน Instagram ของคุณ

Search Engine Optimization หรือ SEO นั้นเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในแวดวง Digital Marketing ในขณะเดียวกันก็กลายเป็นเรื่องท้าทายเมื่อแบรนด์หันมาใช้ Instagram เป็นแพลตฟอร์มในการโปรโมทธุรกิจ แล้ว SEO ที่สามารถเข้าไปอยู่ร่วมกับแพลตฟอร์มอื่นๆ บนอินเทอร์เน็ตมาแล้วนับไม่ถ้วนจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโปรโมทในลักษณะนี้ได้อย่างไร ไอเดียใหม่ที่เกิดขึ้นหลังจากประสบกับความท้าทายนี้ก็คือ การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับบัญชีผู้ใช้งาน Instagram ในเชิงธุรกิจของคุณ ทำให้โปรไฟล์ Instagram คุณเป็นที่ค้นหาได้อย่างง่ายขึ้นบนโลกอินเทอร์เน็ต อาจจะแปะป้ายด้วยคำว่า First Rate Experience หรือรีวิวจากประสบการณ์ตรงของผู้ใช้งานก็ได้ นอกจากนี้มาดูกันว่าเทคนิคพื้นฐานต่างๆ ที่เข้ามาช่วยยกระดับและทำให้เห็นว่าผู้ใช้งาน Instagram มีปฏิสัมพันธ์กับโปรไฟล์จะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนแพลตฟอร์มได้อย่างไร เพื่อเป็นการทำให้แน่ใจว่าตัวแบรนด์นั้นกำลังใช้ Instagram อย่างถูกวิธี เริ่มต้นง่ายๆ จากการเลือกภาพโปรไฟล์ให้มีความสะดุดตา ชื่อยูสเนมที่ใช้ค้นหาเป็นที่จดจำง่าย ในขณะเดียวกันก็อย่าลืมแทรกลิงก์หน้าเว็บไซต์ของแบรนด์ไว้บนหน้า Bio เพื่อใช้เก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้งานจริง

ในฐานะผู้ใช้งาน Instagram บอกเลยว่าไม่มีสิ่งไหนน่าหงุดหงิดเท่ากับการค้นหาแบรนด์ที่ต้องการแล้วไม่พบ จึงเป็นหน้าที่ของแบรนด์ที่ต้องจับคู่ชื่อธุรกิจของคุณเข้ากับคำหลัก (Keyword) ที่ถูกค้นหามากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจและกำลังเปิดร้านกาแฟชื่อ Lola's ชื่อผู้ใช้งานที่จะสามารถค้นหาได้ง่ายมากที่สุดอันดับต้นๆ ควรจะเป็น "@lolascafe" อันเป็นวิธีที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าที่เข้ามาค้นหาแล้วจะพบแล้วกดติดตาม ให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงไม่ยาก และในขณะเดียวกันตัวแบรนด์เองก็ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในส่วนของ Bio บนหน้าโปรไฟล์คุณให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น อาจจะเป็นการใส่คีย์เวิร์ดสำคัญที่เกี่ยวกับแบรนด์ เรื่องง่ายๆ เกี่ยวกับธุรกิจคุณที่อยากให้ลูกค้ารับทราบและจดจำ ยกตัวอย่างเช่น Vegan Speciality Coffee เป็นต้น รวมไปถึงตำแหน่งที่ตั้งและรายละเอียดอื่นๆ ที่ใช้ในการติดต่อก็เช่นเดียวกัน หากทำตามวิธีที่กล่าวไปทั้งหมดข้างต้นก็มั่นใจได้เลยว่าโปรไฟล์ Instagram ของแบรนด์คุณจะถูกค้นหาเจอในกลุ่มคนทั่วไปอย่างแน่นอน เรียงลำดับจากแฟนตัวยงของแบรนด์ไปยังบุคคลทั่วไปที่อาจจะกำลังมองหาแบรนด์สินค้าทั่วๆ ไป แบบเป็นวงกว้างเช่นคุณ

เพิ่มจำนวนการเข้าถึง ด้วย Instagram Ads และ Promoted Content

เพิ่มจำนวนการเข้าถึง ด้วย Instagram Ads และ Promoted Content

เนื่องจาก Instagram คือแพลตฟอร์มที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นจนกลายเป็นหนึ่งในโซเชียลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัวโฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าฟีดหรือใน Stories กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไป และด้วยช่องโหว่ที่มีอยู่มากมายมหาศาลจึงทำให้ Instagram กลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีการแข่งขันสูงมากแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หากคณต้องการดึงดูดความสนใจจากลูกค้าให้ได้มากที่สุดแล้วละก็จะต้องใส่ใจรายละเอียดให้ได้มากกว่าธุรกิจเจ้าอื่นๆ เช่นกัน หากเป็นบนแพลตฟอร์ม Instagram นั่นหมายความว่าแบรนด์สามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้โดยการโปรโมทผ่านโพสต์หรือซื้อสื่อโฆษณา (Ads) ผ่านโปรไฟล์ธุรกิจของคุณ โดยสถิติจาก Facebook พบว่าผู้ใช้งาน Instagram ประมาณ 83% ต่างค้นพบผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ จากแพลตฟอร์มออนไลน์นี้ เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ Instagram เริ่มกลายเป็นช่องทางสำคัญของหลายๆ แบรนด์ในการขยายธุรกิจ เป็นช่องทางในการเพิ่มยอดขาย เป็นแหล่งในการโปรโมทผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจของคุณจะยังคงตามทันคู่แข่งอยู่เสมอ เริ่มต้นค้นหาไปด้วยกันแล้วมาดูว่า Instagam จะมีส่วนช่วยสร้างความแตกต่างให้ผู้ติดตามสามารถเข้าถึงแบรนด์คุณได้อย่างไร

ถือเป็นเรื่องโชคดีที่กลยุทธ์การทำโฆษณาที่มีประสิทธิภาพบน Instagram นั้นสามารถทำได้ง่ายๆ ถ้าหากแบรนด์รู้จักติดตามแคมเปญการตลาดของตนเองผ่าน Facebook Ads Manager อยู่เสมอ อย่างไรก็ตามแต่อาจจะยังคงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการรันแคมเปญให้มีประสิทธิภาพ ยังไม่สามารถเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้กลายมาเป็น Return of Investment (ROI) ได้ จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะอย่าง Primal IG Ads เอเจนซี่เข้ามาให้ความช่วยเหลือแบรนด์เล็กๆ กำหนดวัตถุประสงค์ที่เหมาะสมกับแคมเปญ ตั้งกลุ่มเป้าหมายบน Instagram โดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูล (Data-Driven) ที่มี ทำความเข้าใจกลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์ อย่างเช่น อายุ, เพศ, สถานที่ตั้ง และความสนใจ จากการที่ Primal เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องการตลาดบน Instagram ให้กับแบรนด์คุณ ก็เพื่อเป็นการส่งมอบ ROI อันเป็นผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมกลับคืนสู่ธุรกิจของคุณนั่นเอง

แคปชันที่สมบูรณ์แบบที่สุดบน Instagram

แคปชันที่สมบูรณ์แบบที่สุดบน Instagram

เมื่อจะกล่าวถึงการสร้างเนื้อหาบน Instagram สุดทึ่งที่คล้ายคลึงกับความต้องการของผู้ติดตาม คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่ารูปภาพที่เผยแพร่บน Instagram นั้นจะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของเรื่องทั้งหมดแต่แท้จริงแล้วรูปภาพที่แบรนด์เผยแพร่ลงไปนั้นอาจจะกลายเป็นแค่สิ่งดึงดูดและผ่านสายตาลูกค้าไปเฉยๆ ก็ได้ ดังนั้นแคปชันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยดึงดูดความสนใจให้ลูกค้าตามเข้ามาคลิกดูรายละเอียดบนหน้าเว็บไซต์และตัดสินใจซื้อในที่สุด อย่างไรก็ตามหลายธุรกิจก็ยังคงมองข้ามความสำคัญของการเขียนแคปชันบน Instagram อยู่ดี มองดูอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็เป็นแนวทางในการดึงดูดใจลูกค้าที่ได้ผลที่สุด แถมยังเป็นการเพิ่ม Conversion Rate ไปด้วยในตัว ดังนั้นหากตัวแบรนด์สามารถลงมาให้รายละเอียดและความสำคัญกับการเขียนแคปชัน พัฒนาสาระสำคัญของสิ่งที่แบรนด์กำลังจะส่งออกไป (Brand Voice) และบอกเล่าเรื่องราวที่คิดว่าเป็นผลดีแล้วละก็ รับรองว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้นๆ รวมไปถึงตัวแบรนด์จะได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมและได้ผลประโยชน์กลับคืนมาอย่างแน่นอน

เพื่อเป็นการขยายบัญชีผู้ใช้งาน Instagram ให้กับธุรกิจของคุณ รวมไปถึงสร้างความเป็น Brand Loyalty ให้แก่บรรดาผู้ติดตามแล้วนั้น ทุกๆ แบรนด์จำเป็นต้องแสวงหาความโดดเด่นในตัวเอง หากว่าแบรนด์คุณมีการโปรโมทเนื้อหาผ่านแพลตฟอร์มอื่นๆ ไปด้วยในเวลาเดียวกันก็ขอให้มั่นใจว่าเนื้อหาที่ใช้เผยแพร่ในแพลตฟอร์มอื่นๆ จะต้องไม่ซ้ำกัน เนื่องจากบางรายละเอียดอาจจะไม่เหมาะสมกับผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม Instagram ก็เป็นได้ นอกจากนี้หลายๆ แบรนด์คงจะทราบดีว่าเนื้อหาที่ใช้โปรโมทในแคปชันจะต้องไม่ยาวเกินไปเพราะอาจจะทำให้ลูกค้าหรือผู้ติดตามรู้สึกเบื่อแล้วเลื่อนผ่านไปเลยก็ได้ แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพียงแค่กับลูกค้าบางรายเท่านั้น แบรนด์เองต้องอย่ากลัวหรือกังวลที่จะทดลอง ขอเพียงแค่ความยาวตัวอักษรไม่เกินที่แพลตฟอร์มกำหนดไว้ก็เพียงพอ และเพื่อให้ได้มาซึ่งแคปชันบน Instagram ที่ส่งผลกระทบในเชิงบวกแก่ผู้ติดตาม สามารถดึงดูดกลุ่มผู้ติดตามให้เข้าถึงแบรนด์และสนใจในตัวผลิตภัณฑ์ ไว้ใจให้ Primal เอเจนซี่รับทำโฆษณาบนอินสตาแกรมดูแลแพลตฟอร์มออนไลน์ให้กับธุรกิจคุณ เพื่อผลตอบรับที่ดีเยี่ยม เหมาะกับธุรกิจทุกประเภทและทุกขนาด

เพิ่มยอดการเข้าถึงด้วยแฮชแท็กที่มีประสิทธิภาพ

เพิ่มยอดการเข้าถึงด้วยแฮชแท็กที่มีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันแฮชแท็ก (Hashtag) กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญไปเสียแล้วเวลาค้นหาข้อมูลใดๆ ก็ตามบนโลกอินเทอร์เน็ต ถูกใช้งานบนโซเชียลมีเดียทุกๆ แพลตฟอร์ม แฮชแท็กมีไว้เพื่อทำหน้าที่เน้นย้ำเนื้อหาและความโดดเด่นในกิจกรรมนั้นๆ ตั้งแต่แบรนด์แฟชันไปจนถึงเรื่องตลก หรือการอ้างอิงใดๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องวัฒนธรรม หากแบรนด์ธุรกิจคุณตัดสินใจที่จะใช้แฮชแท็กอย่างเต็มประสิทธิภาพแล้วละก็ สามารถใช้ในการดึงดูดลูกค้า ทำให้ลูกค้าเข้ามายังหน้าโปรไฟล์ Instagram ได้อย่างง่ายดาย และด้วยตัวฟีเจอร์พิเศษของ Instagram เองที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถกดติดตามแฮชแท็กเฉพาะเรื่องที่สนใจ ใช้ค้นหาเรื่องราวใดๆ ที่เกี่ยวกับแบรนด์คุณโดยผ่านคีย์เวิร์ดสำคัญที่แบรนด์ใส่เอาไว้ในแฮชแท็ก เป็นการดึงดูดกลุ่มผู้ติดตามให้เข้ามาพบเจอผลิตภัณฑ์หรือข้อมูลที่ตนเองสนใจจากการค้นหานั่นเอง

ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่เพิ่มแฮชแท็กที่เป็นคีย์เวิร์ดใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวแบรนด์เอาไว้ท้ายโพสต์ แต่นั่นก็ไม่ใช่ตัวการันตีว่าทำเพียงครั้งเดียวแล้วจะประสบความสำเร็จ ผู้ติดตามสามารถเห็นแฮชแท็กและโพสต์ของแบรนด์คุณแล้วจบ ซึ่งแท้จริงแล้วอาจมีอะไรมากกว่านั้น ให้คิดอย่างรอบคอบในแง่ของการใช้งาน ไม่ใช่เพียงแค่การโพสต์เนื้อหาลง Instagram แล้วจบ แต่สิ่งที่โพสต์ลงไปยังสามารถกลายเป็นเทรนด์ อีกทั้งยังสามารถแปลงไปเป็นลูกค้าได้ในอนาคตอีกด้วย แต่ก็ยังคงอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่สามารถติดแฮชแท็กได้เพียงแค่ 30 คำ ต่อการโพสต์ 1 ครั้ง ดังนั้นแบรนด์เองควรสรรหาคีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงกับทั้งความเป็นแบรนด์และเกี่ยวข้องกับความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด เพื่อให้แบรนด์สามารถการันตีได้ว่าลูกค้าจะสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของแบรนด์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตัวแบรนด์เองมาพร้อมกับแฮชแท็กที่สามารถใช้งานได้จริง เกิดประโยชน์สูงสุด สามารถเรียกบรรดาผู้ติดตามให้เข้ามามีส่วนร่วม เกิดปฏิสัมพันธ์หรือเกิดบทสนทนากันระหว่างตัวแบรนด์และลูกค้าในท้ายที่สุด

เข้าถึงบรรดาผู้ติดตามด้วย Branded Hashtags (แฮชแท็กที่มีชื่อแบรนด์)

เข้าถึงบรรดาผู้ติดตามด้วย Branded Hashtags (แฮชแท็กที่มีชื่อแบรนด์)

หนึ่งในกลยุทธ์การตลาดบน Instagram ที่ทำให้หลายๆ แบรนด์ประสบความสำเร็จมาแล้วเป็นส่วนใหญ่ก็คือการผูกติดชื่อแบรนด์เอาไว้กับแฮชแท็ก (Hashtag) นับเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการดึงดูดผู้ติดตามให้เข้ามามีส่วนร่วมหรือออกไอเดียความคิดสร้างสรรค์บนหน้า Feed ของแบรนด์ และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาไปด้วยกัน จากกรณีศึกษาพบว่าแฮชแท็กที่ได้รับความนิยมกว่า 70% บน Instagram นั้นถูกสร้างขึ้นโดยแบรนด์ หากคุณสามารถชักนำให้ลูกค้าเข้ามากลายเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญการตลาดของแบรนด์คุณได้แล้วละก็ ผู้ติดตามเหล่านี้จะมีส่วนในการช่วยโปรโมท Instagram ของแบรนด์คุณไปโดยปริยาย อย่างไรก็ตาม คำพูดง่ายกว่าการกระทำเสมอ การสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดใดๆ ก็แล้วแต่ที่กระทำอย่างชาญฉลาดนั้นจะช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างคอมมูนิตี้หรือฐานแฟนๆ ที่รู้จักและชื่นชอบในตัวแบรนด์ได้

เป็นเรื่องง่ายสำหรับแบรนด์ที่ต้องการจะคิดกลยุทธ์ทางการตลาดบน Instagram โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของแฮชแท็กที่ใช้ประจำตัวแบรนด์ อย่างไรก็ตามตัวแบรนด์เองควรยึดติดอยู่กับหลักการใดๆ ก็ตามที่จะทำให้ผู้คนจดจำได้ง่าย อย่างเช่น ชื่อแบรนด์หรือชื่อผลิตภัณฑ์ แม้ว่าแฮชแท็กที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนแบรนด์ในรูปแบบของคีย์เวิร์ดสั้นๆ ไม่ได้นิยามความหมายอะไรมากมาย แต่ย่อมส่งผลกระทบกับแบรนด์คุณทางใดทางหนึ่งแน่นอน ในลำดับถัดไปก็เป็นเรื่องของแบรนด์ในการตัดสินใจว่าจะใช้แฮชแท็กแบบไหนเพื่อสร้างผลกระทบในเชิงบวกให้ได้มากที่สุด ยกตัวอย่างเช่นคุณสามารถสร้างแคมเปญจากโพสต์ที่ผู้ติดตามสร้างขึ้นและติดแฮชแท็กของแบรนด์เพื่อหวังจะได้รับการโปรโมทของแบรนด์ ซึ่งแบรนด์เองก็สามารถเริ่มต้นโปรโมทจากโพสต์เหล่านั้นได้ หรืออาจจะริเริ่มสร้างแคมเปญที่มีส่วนในการสร้างแรงบันดาลใจ เนื้อหาที่เกี่ยวกับเบื้องหลังการทำงานของแบรนด์ เลือกวางแผนอย่างชาญฉลาด เพื่อให้แฮชแท็กของแบรนด์สามารถโลดแล่นอยู่บนแพลตฟอร์ม Instagram ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

สร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้มีอิทธิพลบน Instagram

สร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้มีอิทธิพลบน Instagram

เพิ่มความโดดเด่นให้กับโปรไฟล์ Instagram ของคุณด้วยการสร้างแคมเปญที่ทำร่วมกับ Influencer หรือผู้มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ในแนวทางที่ครอบคลุม จะเห็นได้ว่าปัจจุบัน Digital Marketing ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ได้ผลมากๆ บนโซเชียลมีเดีย และ Instagram ก็เป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมในการริเริ่มทำแคมเปญโฆษณาบน Instagram ข้อเท็จจริงนี้ได้รับการสนับสนุนจากข้อมูลสถิติจาก Instagram ที่เสนอให้บริษัทต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วม (Engagement Rate) อยู่ที่ 3.21% หากเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ อย่าง Facebook หรือ Twitter ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานเข้ามามีส่วนร่วมเพียงแค่ 1.5% แล้วตัวเราจะทำการตลาดโดยผ่านตัว Influencer ได้อย่างไร? เริ่มต้นง่ายๆ จากการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับบรรดาเซเลบบริตี้หรือบุคคลสำคัญที่ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมแขนงต่างๆ อาศัยให้ Influencer โปรโมทแบรนด์และผลิตภัณฑ์ผ่านโปรไฟล์ Instagram ของ Influencer ท่านนั้นๆ ผู้ใช้งานจะไว้วางใจ Influencer มากน้อยแค่ไหน จำนวนผู้ติดตาม (Followers) จะสามารถบ่งบอกได้เป็นอย่างดี ไม่ว่า Influencer จะแสดงความคิดเห็นสิ่งใดออกไปก็จะสามารถโน้มน้าวใจของผู้ติดตามให้เชื่อถือในความคิดเห็นนั้นๆ ถือเป็นตัวช่วยในการสร้างการรับรู้ให้กับตัวแบรนด์ (Brand Awareness), เพิ่มยอด Conversion Rate ให้กับธุรกิจนั้นๆ ในทางอ้อมได้เช่นกัน

จากที่หลายๆ บริษัทเริ่มหันมาใช้แอปฯ Instagram เป็นแพลตฟอร์มในการทำแคมเปญร่วมกับ Influencer สำหรับหลายๆ แบรนด์อาจจะมองว่าเป็นอะไรที่มากกว่าการเป็นเพียงหุ้นส่วน ร่วมกันคิดค้นคอนเทนท์ให้ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จเพียงเท่านั้น หากแต่หนทางที่ดีที่สุดในการกำหนดแนวคิด ทำให้แคมเปญการตลาดเป็นไปตามค่านิยม 3 ประการของการเป็น Influencer นั่นก็คือ ความข้องเกี่ยวสัมพันธ์ (Relevance), การเข้าถึง (Reach), และเสียงสะท้อนกลับ (Resonance) โดยพื้นฐานแล้ว Influencer ท่านที่คุณขอความร่วมมือให้มาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของแบรนด์นั้นควรมีฐานผู้ติดตามที่มีความสนใจข้องเกี่ยวกับคุณลักษณะเฉพาะของแบรนด์คุณด้วยจึงจะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัด นอกจากนี้แบรนด์ควรพิจารณาด้วยว่ากลุ่มผู้ติดตามของ Influencer ท่านนั้นๆ ที่คุณกำลังตัดสินใจร่วมงานด้วยมีความสนใจในเนื้อหา/โพสต์ ที่ Influencer เผยแพร่ลงบนแพลตฟอร์มมากน้อยเพียงใด หากว่า Influencer ท่านที่คุณเลือกจะร่วมงานด้วยมีจำนวนผู้ติดตามหลักล้าน แต่มียอด Engagement หรือความสนใจจากบรรดาผู้ติดตามในจำนวนที่ต่ำ แนะนำให้ไปลงทุนร่วมงานกับ Influencer ท่านที่อาจจะได้รับความนิยมน้อยลงมาหน่อย แต่มีฐานแฟนๆ หรือจำนวนผู้ติดตามที่ให้ความสนใจในเนื้อหาที่ Influencer ท่านนั้นๆ เผยแพร่ เข้ามามีปฏิสัมพันธ์เวลาแสดงความคิดเห็นอยู่เสมอก็จะช่วยขยายการรับรู้ของแบรนด์ได้ผลและไปได้ไกลกว่า

สร้างผลกำไรจากโพสต์ Instagram ที่สามารถซื้อขายได้

สร้างผลกำไรจากโพสต์ Instagram ที่สามารถซื้อขายได้

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของแอปพลิเคชัน Instagram นั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2018 เมื่อตัวแพลตฟอร์มเริ่มเปิดให้ใช้ฟีเจอร์ Shopable Posts นั่นหมายความว่าแบรนด์ธุรกิจต่างๆ ที่ทำการตลาดผ่าน Instagram สามารถเริ่มที่จะโปรโมทแบรนด์ตนเองได้อย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมามากยิ่งขึ้น และการเปิดใช้บัญชีผู้ใช้งาน Instagram for Business ร้านค้าหรือแบรนด์สามารถติดแท็กผลิตภัณฑ์ได้สูงสุดถึง 5 รายการต่อ 1 ภาพโพสต์ และเมื่อสินค้าถูกติดแท็กเอาไว้เพื่อบอกรายละเอียดต่างๆ อย่างครบถ้วนแล้วผู้ติดตามก็สามารถกดเพื่อเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือราคาผลิตภัณฑ์ได้หลังจากนั้น นอกจากนี้แบรนด์ยังสามารถแทรกลิงก์เอาไว้ให้ลูกค้าในกรณีที่ต้องการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ได้อีกด้วย ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่เป็นมิตรต่อการทำธุรกิจ E-Commerce เป็นอย่างมาก ตัวแบรนด์เองสามารถสร้างโพสต์พิเศษขึ้นมาเพื่อสร้างยอดขายได้โดยตรง ซึ่งแน่นอนว่าคุณสมบัติของฟีเจอร์ต่างๆ เหล่านี้มักจะไปปรากฏอยู่บนหน้า Feed โดยทันทีเมื่อกดติดตามแบรนด์ธุรกิจนั้นๆ การพิจารณาร่วมงานเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดบนโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะอย่างเรา Primal จะทำให้แบรนด์ต่างๆ สามารถมั่นใจได้เลยว่าฟีเจอร์ Shoppable Posts จะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในอนาคตได้อย่างแน่นอน

ยกระดับบัญชีผู้ใช้งาน Instagram ให้แก่ธุรกิจคุณด้วยการพัฒนาเนื้อหาที่ใช้โพสต์บนฟีเจอร์ Shoppable Posts ในตอนนี้แบรนด์ต่างๆ มีโอกาสโชว์คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ รวมไปถึงยังมีส่วนในการกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้า (Call-To-Action) ได้อย่างเต็มที่ ทำให้การค้าขายผ่าน Instagram เป็นเรื่องที่เข้าถึงง่ายและสร้างมูลค่าให้กับแบรนด์ได้มหาศาล อย่างไรก็ตามแบรนด์เองควรระมัดระวังเรื่องของการสลับเนื้อหาระหว่างกลยุทธ์เนื้อหาที่ใช้ในการโปรโมทแบรนด์กับเนื้อหาที่ใช้สำหรับการโปรโมทสินค้าแบบ Hard-Sell ไปยังผู้ติดตามโดยเฉพาะ ขอให้แน่ใจว่าเนื้อหาที่ใช้สำหรับฟีเจอร์ Shppable Posts เป็นเนื้อหาที่ทำให้คุณสามารถจำหน่ายสินค้าได้สำเร็จ มิเช่นนั้นแล้วการเผยแพร่เนื้อหาใดๆ ที่ไม่มีศิลปะมากเพียงพอก็จะทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายในการเสพก็เป็นได้ โดยกลยุทธ์การตลาดบน Instagram ที่ได้ผลคือการรู้จักพิจารณาว่าคุณจะสามารถจับคู่ฟีเจอร์ Shoppable Posts ให้เข้ากับการทำแคมเปญโดยใช้ Influencer เพื่อให้ได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายอย่างไร

ใช้ประโยชน์จากเนื้อหาที่ถูกสร้างโดยผู้ใช้งานท่านอื่นๆ

ใช้ประโยชน์จากเนื้อหาที่ถูกสร้างโดยผู้ใช้งานท่านอื่นๆ

หากจะเปรียบเทียบการตลาดบนแอปพลิเคชัน Instagram เป็นการทำงาน ก็คงจะเรียกว่าเป็นงานประจำแบบเต็มเวลาเลยก็ว่าได้ ดังนั้นถ้าหากคุณพยายามดูแลบล็อกที่ใช้โปรโมทเนื้อหาของแบรนด์, ช่อง YouTube และแพลตฟอร์มโซเชียลอื่นๆ ให้แอคทีฟมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วละก็ คงเป็นเรื่องที่ท้าทายอยู่มากพอสมควรในการออกแบบหรือสร้างเนื้อหาเอาไว้เผยแพร่บนแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้อย่างทั่วถึงในเวลาเดียวกัน นี่จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้บริโภคกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของการวางแผนกลยุทธ์การตลาดบนโซเชียลมีเดีย ไม่ใช่เพียงแค่การคิดค้นเนื้อหามาเพื่อเรียกยอด Engagement และยอดการเข้าถึง (Reach) เพียงเท่านั้น แต่ยังมีส่วนในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพแบบไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อเป็นการกระตุ้นให้แพลตฟอร์ม Instagram ของธุรกิจคุณมีอัตราการเติบโตตลอด 24 ชั่วโมง การปล่อยให้ผู้ใช้งานท่านอื่นๆ โพสต์เนื้อหาใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของคุณแล้วเผยแพร่ไปยังผู้ติดตามท่านๆ อื่นๆ จะช่วยขยายฐานแฟน กระตุ้นให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จัก และเพื่อเป็นการสนับสนุนกลยุทธ์การตลาดบน Instagram ของคุณมากยิ่งขึ้นไปอีก

สำหรับบริษัทไหนที่กำลังมองหาโอกาสสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ (Brand Awareness) ต้องการเพิ่ม Conversion Rate ต้องการสร้างแนวทางการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ทั้งหมดล้วนมีแนวทางการเข้าถึงแคมเปญที่มีประสิทธิภาพโดยการใช้แฮชแท็กของแบรนด์ หนึ่งในเทคนิคที่สามารถดึงดูดให้ผู้ติดตามเข้ามามีส่วนร่วมที่ได้ผลมากที่สุด นอกจากนี้หลายๆ แบรนด์ยังค้นพบวิธีนำพาแบรนด์ไปสู่ความสำเร็จโดยการจัดการแข่งขันเล็กๆ ขึ้นในบัญชีผู้ใช้งาน Instagram ของตนเอง ดึงดูดผู้ติดตามให้เข้ามามีส่วนร่วมและเป็นผู้ชนะในการแข่งขันนั้น ในทุกๆ ครั้งที่แบรนด์แชร์เนื้อหาบนหน้า Instagram Feed หรือแชร์บน Stories แบบซ้ำๆ คุณเองก็มีส่วนในการสร้าง Conversion Rate ให้กับแบรนด์ตนเองไปในตัว เพื่อเป็นการส่งมอบเนื้อหาที่มีมูลค่าและดีที่สุดไปยังผู้ติดตาม รวมไปถึงยังสามารถรักษาระดับ Instagram ของแบรนด์ให้อยู่ในแถวหน้าเสมอ

ใช้ประโยชน์ของการเข้าถึง (Reach) ด้วยไอเดีย 'Instagram Takeovers'

ใช้ประโยชน์ของการเข้าถึง (Reach) ด้วยไอเดีย 'Instagram Takeovers'

ที่ถูกเรียกว่า 'Instagram Takeovers' นั้นก็เพราะว่าเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นับว่าเป็นแนวทางเดียวกันกับ Influencer Marketing หรือการตลาดที่ใช้ผู้มีอิทธิพลในโลกโซเชียลในด้านต่างๆ มาดูแลหน้า Instagram Feed ของเรา โดยที่ผู้ดูแลสามารถโพสต์เนื้อหาใดๆ ก็ได้ไปยังกลุ่มผู้ชมของคุณ กลยุทธ์นี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างกลุ่มผู้ติดตามของ Influencer บวกเข้ากับกลุ่มผู้ติดตามของตัวแบรนด์เอาไว้ด้วยกัน นำมาซึ่งอัตราการเติบโตของกลุ่มลูกค้าผู้สนใจในตัวผลิตภัณฑ์, ช่วยเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ (Brand Awareness) อย่างดีเยี่ยมและมีประสิทธิภาพ กับไอเดีย 'Instagram Takeovers' ที่นำเสนอวิธีทางการตลาดแบบ Win-Win ให้กับทั้งแบรนด์และตัว Influencer สำหรับแคมเปญนี้จะมีส่วนช่วยในการเพิ่มยอดจำนวนผู้ติดตาม อีกทั้งยังทำให้แบรนด์มั่นใจว่าที่ผ่านมาตัวแบรนด์กำลังพัฒนาความน่าเชื่อถือ (Credibility) ให้กับตนเอง แต่ถ้าหากแบรนด์ของคุณกำลังวางแผนที่จะทำงานกับกลุ่มเป้าหมายขนาดเล็กแล้วละก็ จะสามารถนำเอาไอเดีย 'Instagram Takeovers' นี้มาปรับใช้หรือพัฒนาบัญชีผู้ใช้งาน Instagram ของแบรนด์ได้อย่างไร

เช่นเดียวกันกับการทำแคมเปญการตลาดร่วมกับ Influencer ทั่วๆ ไป ความสำเร็จของไอเดียการ 'Takeover' นั้นจะขึ้นอยู่กับว่า ตัว Influencer ที่แบรนด์ตัดสินใจร่วมงานด้วยนั้นเป็นใคร แม้ว่าจะเป็นการร่วมงานกับ Influencer ที่มียอดผู้ติดตามในมือเป็นจำนวนมหาศาล แต่ก็อยากให้แบรนด์คิดทบทวนอย่างรอบคอบถึงผลประโยชน์ที่ผู้ติดตามของทั้งสองฝ่ายจะได้รับจากการร่วมงานกันในครั้งนี้ด้วย โดยอาจจะเป็นในกรณีที่ Influencer ระดับเล็กกลับสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ติดตามได้เป็นจำนวนมาก นำมาซึ่งผลตอบรับที่ดีเยี่ยมเกินจำนวนผู้ติดตามในมือก็เป็นได้ และเพื่อเป็นการทำให้แน่ใจว่าแคมเปญของคุณจะตอบโจทย์ตรงกับความต้องการแล้วนั้น แนะนำให้ร่างเป้าหมายที่จำเป็นรวมไปถึงไอเดียของเนื้อหาที่ต้องการจะไปถึงเป้าหมายนั้นๆ ไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้คุณอาจจะมีการพิจารณาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแฮชแท็กที่ในพาร์ทเนอร์แต่ละเจ้าของคุณควรใช้เวลารันแคมเปญ Takeover เพื่อให้เหมาะกับแพลตฟอร์มและตรงกับความชอบของผู้ติดตาม

สร้างเรื่องราวที่น่าสนใจผ่าน Instagram Stories

สร้างเรื่องราวที่น่าสนใจผ่าน Instagram Stories

รู้จักใช้ประโยชน์ของ Instagram อย่างเต็มศักยภาพ ด้วยวิธีการสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจผ่าน Instagram Stories ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 400 ล้านคนต่อวันที่ใช้ฟีเจอร์นี้ในการถ่ายทอดเรื่องราวที่พบเจอในชีวิตประจำวัน เรียกได้ว่าเป็นฟีเจอร์ยอดนิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้งานที่เปิดแอปฯ Instagram เป็นประจำทุกวัน และก็เป็นธรรมดาที่แบรนด์ธุรกิจหลายๆ แบรนด์ต่างก็หันมาปรับเนื้อหาที่ใช้ในการโฆษณาผ่าน Instagram ให้มีความน่าสนใจและเข้ากับฟังก์ชันนี้มากขึ้น อย่างไรก็ตามฟังก์ชันนี้ถูกหยิบมาใช้ทำโฆษณาในระดับ Side Content หรือเนื้อหาโฆษณารองเพียงเท่านั้น และเพื่อเป็นการทำให้รูปภาพหรือวิดีโอในฟังก์ชัน Stories มีความสมบูรณ์แบบ คุณสามารถเพิ่มข้อความ แทรกรูปภาพเพิ่มเติม ใส่สติกเกอร์ที่บ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ได้มากขึ้น เมื่อใดก็ตามที่แบรนด์เผยแพร่เนื้อหาโฆษณาผ่าน Stories ผู้ติดตามจะได้รับการแจ้งเตือนที่บริเวณด้านบนของแอปฯ ผู้ติดตามสามารถรับการอัปเดตและเนื้อหาใหม่ๆ จากแบรนด์ เปิดโอกาสให้เข้ามามีส่วนร่วมกับบัญชีผู้ใช้งานของแบรนด์มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ฟีเจอร์ Instagram Stories ถูกแบ่งเนื้อหาจากลำดับการโพสต์ เรียงจากก่อนไปหลังในทุกๆ ครั้งที่คุณเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ เข้าไป ทั้งนี้อีกหนึ่งคุณสมบัติของ Instagram คือสามารถแบ่งแยกประเภทของเนื้อหาให้เข้าสู่หมวดหมู่ต่างๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น เนื้อหาเกี่ยวกับการศึกษาจะได้รับความนิยมเมื่อเผยแพร่ผ่านฟีเจอร์ Stories แต่ถ้าหากคุณเป็นนักรีวิวอาหารผ่านนิตยสารคุณก็สามารถสร้างวิดีโอแบบสั้นๆ เน้นกระบวนการทำอาหารทีละขั้นตอน ไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายที่เป็นการโปรโมทผลิตภัณฑ์ของตนเอง นอกจากนี้แบรนด์ยังสามารถใช้ฟีเจอร์ Stories ในการเผยแพร่เนื้อหาไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของแบรนด์คุณได้อีกด้วย ตามวิธีทั้งหมดที่กล่าวไปทำให้แบรนด์สามารถพูดคุยกับแฟนๆ ที่จงรักภักดีในตัวแบรนด์ได้โดยตรง ตัดสินใจเป็นพาร์ทเนอร์กับเรา Primal เอเจนซี่รับลงโฆษณาใน IG ได้แล้ววันนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าโปรไฟล์ธุรกิจบน Instagram ของคุณนั้นจะสามารถดำเนินไปอย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เปิดใช้งานเนื้อหาบนหน้าโปรไฟล์ Instagram ของคุณ

เปิดใช้งานเนื้อหาบนหน้าโปรไฟล์ Instagram ของคุณ

ในขณะที่หลายๆ แบรนด์ส่วนใหญ่พิจารณาเอาว่ากลยุทธ์การตลาดผ่าน Instagram ที่ประสบความสำเร็จจะนำมาซึ่ง ยอดไลค์, ยอดผู้เข้าชมหน้าเว็บไซต์จำนวนมาก เป็นผลพวงมาจากการโพสต์เผยแพร่เนื้อหาเพื่อโปรโมทแบรนด์ อย่างไรก็ตามแบรนด์ควรวางแผนการรันแคมเปญแบบระยะยาวและควรพิจารณาอีกทีหนึ่งว่าจะสามารถสร้างฐานแฟนๆ ที่ชื่นชอบในตัวแบรนด์ตนเองให้กลายเป็นคอมมูนิตี้ได้อย่างไร ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดที่จะบรรลุเป้าหมายที่กล่าวไปแล้วในข้างต้นคือการทำให้โปรไฟล์ Instagram มีการอัปเดตข้อมูลใหม่ๆ สร้างความครึกครื้นอยู่ตลอดเวลา อาจจะเป็นการสร้างบทสนทนาเล็กๆ ใต้คอมเมนท์ของโพสต์ พูดคุยกันระหว่างแบรนด์และผู้ติดตาม จริงๆ แล้วการโพสต์รูปภาพหรือวิดีโอเป็นประจำทุกวันก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี อย่างไรก็ตามในแต่ละโพสต์ก็ควรมีลูกเล่นหรือความน่าสนใจที่แตกต่างกันออกไปเพื่อใช้ในการดึงดูดกลุ่มผู้ชมให้เข้ามาสนใจ แต่ก็ยังคงต้องสามารถรักษามาตรฐานของสิ่งที่แบรนด์ต้องการจะสื่อสารเอาไว้ด้วย

ตามปกติแล้วประเภทของเนื้อหาโปรโมทธุรกิจที่ได้ผลดีที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ แต่การทดลองผ่านไอเดียที่หลากหลายก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่ไม่น้อย เนื่องจากเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ทดลองว่ากลุ่มเป้าหมายชอบที่จะเห็นเนื้อหาแบบไหนมากกว่ากัน ยกตัวอย่างเช่น การเปิดห้องให้บุคคลภายนอกได้มีโอกาสเข้ามาสอบถามเรื่องที่อยากรู้จากผู้บริหารแบรนด์โดยตรง ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ติดตามหรือแฟนตัวยงของแบรนด์ได้เข้ามาทำความรู้จักบุคคลที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ และในขณะเดียวกันทางแบรนด์ก็ยังมีโอกาสได้แสดงความจริงใจต่อลูกค้าอีกด้วย หากแบรนด์มั่นใจว่าได้เผยแพร่สิ่งที่น่าสนใจผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปยังลูกค้าแล้ว หลังจากนั้นอาจจะเปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้ามาแสดงความคิดเห็น หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่เพิ่งจะเผยแพร่ออกไป เพื่อรับเอาคำติชมหรือข้อคิดเห็นจากบุคคลภายนอกเข้ามาปรับปรุง ทำให้แน่ใจว่าทิศทางของแบรนด์ที่กำลังวางแผนจะเดินไปนั้นถูกทางและเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง

ธุรกิจแบบ B2B ที่ยังคงมีอยู่ใน Instagram

ธุรกิจแบบ B2B ที่ยังคงมีอยู่ใน Instagram

หลายคนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าธุรกิจประเภท B2B หรือ Business to Business นั้นมีรายได้เพียงเล็กน้อยจากการรันแคมเปญโฆษณาการตลาดบน Instagram สาเหตุอาจจะเป็นในเรื่องของสไตล์เนื้อหาที่ใช้ในการเผยแพร่ ตลอดไปจนถึงกลุ่มเป้าหมายธุรกิจ B2B ที่ไม่ค่อยได้ใช้เวลาในการเสพข่าวหรืออัปเดตข้อมูลผ่าน Instagram เท่าไหร่นัก ทำให้นักการตลาดประเภท B2B อาจปิดใจที่จะมองหาโอกาสในการพัฒนาศักยภาพแพลตฟอร์มออนไลน์ให้แก่ธุรกิจประเภทนี้ อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้วการตลาดบน Instagram ของธุรกิจประเภทนี้ไม่อาจสามารถทำให้แตกต่างไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว ถ้าหากนักการตลาดไม่รู้จักมองหาหนทางการเติบโตผ่านโลกดิจิทัล ทางที่ดีอย่ามองข้ามแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Instagram และก็ถือเป็นเรื่องโชคดีอย่างยิ่งที่ Primal เอเจนซี่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดแบบดิจิทัล (Digital Marketing) ผู้ที่รู้วิธีการออกแบบและรันแคมเปญออนไลน์ สามารถนำพาธุรกิจ B2B สู่ความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าเอาไว้แน่นอน

จากงานค้นคว้าวิจัยของ Instagram เองพบว่าในแต่ละวันที่ผู้ใช้งานเข้าชมโปรไฟล์แบบธุรกิจมากกว่า 200 ล้านโปรไฟล์ นั่นหมายความว่าในแต่ละวันทุกแบรนด์ย่อมมีโอกาสในการแสดงศักยภาพและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ให้แก่กลุ่มผู้ชมได้อย่างหลากหลาย และหนทางสู่ความสำเร็จของธุรกิจ B2B หลายแห่งคือการเปิดเผยข้อมูลเบื้องหลังของธุรกิจ ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับรากฐานวัฒนธรรมของบริษัท และในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมที่จะเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการว่าจ้างพนักงานใหม่, กิจกรรมภายในบริษัท ตลอดไปจนถึงเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานทั่วไปในบริษัทด้วย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ ความโปร่งใสที่องค์กรมีต่อบุคคลภายนอก ทั้งยังเป็นการสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าในอนาคตได้อีกด้วย Primal ขอเป็นอีกหนึ่งส่วนร่วมในการเข้ามานำพาแคมเปญธุรกิจ B2B ของคุณมุ่งหน้าไปสู่ความสำเร็จ ดึงดูดลูกค้าและเพิ่มยอดการเข้าถึงมากยิ่งขึ้นไปอีก

เริ่มต้นการเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดี เพื่อสิ่งดีๆ จะได้ตามมา

เริ่มต้นการเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดี เพื่อสิ่งดีๆ จะได้ตามมา

แอปพลิเคชัน Instagram นั้นคือแพลตฟอร์มสุดเจ๋งที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมตลอดมาอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ให้แก่แบรนด์คุณ ตามหลักการโดยทั่วไปแล้วธุรกิจเองย่อมต้องการที่จะดึงดูดให้ลูกค้าหันมาสนใจผลิตภัณฑ์อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่เนื่องจากการตลาดผ่าน Insagram ที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจนว่าต้องการเพิ่มมูลค่าของสินค้าที่จะโปรโมท ใส่รายละเอียดที่ลูกค้าต้องการได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องทำโฆษณาแฝง แถมผลลัพธ์ที่ได้กลับมายังไม่แตกต่างอะไรกับการทำโฆษณาแฝงทั่วไปอีกด้วย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นแล้วแบรนด์อาจจะพิจารณาว่าสามารถใช้แพลตฟอร์มในการโปรโมทองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรแต่ก็ยังมีความข้องเกี่ยวกับแบรนด์ได้หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นแล้วถือว่าเป็นพาร์ทเนอร์ซึ่งกันและกัน นำพาเข้าสู่สถานการณ์ที่จะได้รับผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย (Win-Win Situation) เพื่อเป็นการคืนสิ่งดีๆ สู่สังคมและโซเชียลมีเดีย อีกทั้งยังสามารถสร้างชื่อเสียงกลับคืนสู่แบรนด์ได้อีกด้วย

ไม่ว่าคุณจะต้องการโปรโมทแบรนด์ผ่านหน้า Feed หรือ Stories ก็ตามแต่ คุณเองสามารถสร้างเนื้อหาที่มีความน่าสนใจและดึงดูดกลุ่มผู้ชมได้ อย่างไรก็ตามแต่ อันดับแรกแนะนำให้ติดต่อกับองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่คุณเลือกเสียก่อน พิจารณาดูว่าคุณสามารถนำเสนอไอเดียในการทำแคมเปญเพื่อโปรโมทกิจกรรมให้แก่องค์กรนั้นๆ ในรูปแบบไหนได้บ้าง โดยอาจจะมาในรูปแบบของการกล่าวถึงองค์กรหรือกองทุนนั้นๆ แบบง่ายๆ ผ่านโพสต์ของคุณหรืออาจจะสร้างแคมเปญเพื่อช่วยระดมทุนให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามแต่การกระตุ้นด้วยการโพสต์ผ่าน Instagram นั้นถือเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรงถ้าหากแบรนด์รู้จักกลุ่มเป้าหมายของตนเองเป็นอย่างดี โดย Primal เองสามารถนำเสนอแนวคิด หรือไอเดียในการทำแคมเปญใหม่ๆ ที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนและกระตุ้นการตัดสินใจ (Call-To-Action) ให้แก่แบรนด์คุณได้เป็นอย่างดี

ดึงดูดความสนใจจากผู้ติดตามด้วยฟีเจอร์ IGTV

ดึงดูดความสนใจจากผู้ติดตามด้วยฟีเจอร์ IGTV

การแสดงเนื้อหาผ่านวิดีโอยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าสู่แวดวง Digital Marketing รวมไปถึงแอปฯ Instagram เองก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอเนื้อหาแบบวิดีโออย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าผู้ใช้งานสามารถโพสต์เนื้อหาที่เป็นวิดีโอได้ทั้งในหน้า Feed และ Stories มาได้หลายปีแล้ว และกับฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่เพิ่มเข้ามานั่นก็คือ IGTV ตัวละครสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงสัญญาณการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเลยก็ว่าได้ แม้ว่าตัวฟีเจอร์ IGTV เองจะเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดเป็นแอปพลิเคชันแยก แต่การใช้งานโดยส่วนใหญ่ก็ยังคงถูกนำมารวมเข้ากับแพลตฟอร์มปกติทั่วไป เหมือนกับ YouTube สำหรับการตลาดผ่าน IGTV เองนั้นมีคุณสมบัติเด่นๆ เลยนั่นก็คือสามารถอัปโหลดวิดีโอที่มีความยาวได้สูงสุดถึง 1 ชั่วโมง แบรนด์ต่างๆ สามารถมั่นใจได้เลยว่าหากต้องการเผยแพร่เนื้อหาที่มีความยาวเป็นพิเศษ IGTV คือฟีเจอร์ที่เหมาะสมในการเริ่มต้นเป็นอย่างยิ่ง

ทีมผู้ผลิตเนื้อหาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ จาก Primal จะเข้ามาตรวจสอบผลิตภัณฑ์และทำหน้าที่พัฒนาให้ออกมากลายเป็นวิดีโอในการโปรโมทแคมเปญทางการตลาดที่ได้ผล จากการพิจารณาพบว่าผู้คนส่วนใหญ่กว่า 54% ต้องการรับชมเนื้อหาวิดีโอที่มาจากธุรกิจที่ตนเองให้ความสนใจและติดตาม และในขณะที่อีก 72% ชอบที่จะรับชมเนื้อหาเป็นวิดีโอมากกว่าการอ่านข้อมูลผลิตภัณฑ์จากบทความเพียงอย่างเดียว สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์นั้นควรบรรจุเนื้อหาที่เป็นวิดีโอรวมเอาไว้ด้วย ในขณะเดียวกันถ้าหากแบรนด์สร้างเนื้อหาที่เป็นวิดีโอความยาวประมาณหนึ่งเอาไว้สำหรับเผยแพร่บน YouTube ก็สามารถนำวิดีโอเหล่านั้นมาโพสต์ซ้ำอีกครั้งบน Instagram ผ่านฟีเจอร์ IGTV เพื่อสร้างผลกระทบในเชิงบวกบนโลกโซเชียลให้ได้มากที่สุด จากการเผยแพร่ข้อมูลในเชิงให้ความรู้ อธิบายรายละเอียดต่างๆ ตลอดไปจนถึงบอกเล่าจุดแข็งของตัวผลิตภัณฑ์เป็นเรื่องราวผ่านเนื้อหาแบบวิดีโอบน IGTV จะช่วยสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ทำให้เนื้อหาที่เผยแพร่นั้นสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งาน Instagram ได้มากขึ้นกว่าเดิม

แสดงความเป็นที่สุดผ่าน Instagram Live

แสดงความเป็นที่สุดผ่าน Instagram Live

พลังของการ Streaming Live หรือการถ่ายทอดสดจะเป็นอะไรที่ไม่สามารถมองข้ามได้อีกต่อไป หากเปรียบเทียบกับปัจจุบันที่แพลตฟอร์มออนไลน์เกิดใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ใช้งานสามารถถ่ายทอดสดได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดสดผ่าน Facebook, YouTube, Twitch ตลอดไปจนถึงแพลตฟอร์มอื่นๆ จะเห็นได้ว่าการถ่ายทอดสด (Live-Streaming) นั้นกลายมาเป็นช่องทางที่แบรนด์สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ พูดคุย ถาม-ตอบกับกลุ่มผู้ชมหรือผู้ติดตามได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้แบรนด์ยังสามารถใช้ช่องทางการถ่ายทอดสดในการเพิ่มยอดการเข้าถึง ทำให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ก็ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่ไม่แน่ใจว่าจะสามารถถ่ายทอดสด Live Streaming ให้ได้ผลตอบรับที่ดีที่สุดได้อย่างไร หากว่าสามารถจับจุดและหาแนวทางเฉพาะของตนเองเจอแล้วละก็ รับรองว่าแบรนด์จะสามารถดึงดูดผู้ใช้งานให้เข้ามาสนใจการถ่ายทอดสดและแซงหน้าคู่แข่งไปในที่สุด

หากแบรนด์ตัดสินใจที่จะใช้ฟีเจอร์ Instagram Live ในการเผยแพร่ข้อมูลแล้วละก็ มีโอกาสอีกมากมายในการสร้างเนื้อหาให้ดึงดูดและเป็นที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตามต้องวางแผนอย่างรอบคอบก่อนให้ดีเสียก่อนที่จะเข้ามาไลฟ์ หลักการที่ดีคือแบรนด์ไม่สามารถเข้ามาไลฟ์เมื่อใดก็ตามที่ตนเองรู้สึกอยากจะทำ หากคำนึงถึงยอดการเข้าถึงและการเป็นที่รู้จักของแบรนด์แล้วนั้นก็ขอให้แน่ใจว่าจุดประสงค์ของการไลฟ์ที่แบรนด์ต้องการนั้นคืออะไร แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากให้ผู้รับชมไลฟ์รู้สึกเบื่อ หากแต่อยากจะสร้างความสนุก ความน่าตื่นเต้น ทำให้ผู้ชมรู้สึกสนใจอยากจะเข้ามาดูไลฟ์ในทุกๆ ครั้งที่เห็นการแจ้งเตือนจากแบรนด์ และทุกครั้งก่อนจะไลฟ์แบรนด์ควรแจ้งเตือนเป็นตารางที่แน่ชัดเอาไว้ทั้งใน Instagram Stories และโพสต์บนหน้า Feed จะดีกว่า นอกจากนี้แนะนำให้แบรนด์เตรียมตัวตอบคำถาม ในกรณีที่ผู้ชมอาจจะมีข้อซักถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับแบรนด์หรือตัวผลิตภัณฑ์เอาไว้ด้วย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเตรียมตัว

สร้างโพสต์ในเวลาที่เหมาะสม

สร้างโพสต์ในเวลาที่เหมาะสม

นับเป็นเรื่องที่ดีในการสร้างโพสต์หรือเนื้อหาคุณภาพเยี่ยมผ่าน Instagram แต่อย่างไรก็ตามหากว่าผู้ติดตามไม่ได้เปิดใช้งานแอปฯ ในขณะที่คุณเผยพร่เนื้อหาหรือรูปภาพก็คงจะเป็นเรื่องน่าเสียดาย เรียกได้ว่าเป็นปัญหายอดนิยมที่ทุกๆ แบรนด์ต้องประสบพบเจอ หากไปค้นหาบนอินเทอร์เน็ตก็จะพบว่าคำค้นหายอดนิยมจากแบรนด์ต่างๆ นั่นก็คือช่วงเวลาไหนจึงจะเหมาะสมที่สุดในการเผยแพร่เนื้อหา? หากเป็นเรื่องของช่วงเวลาแล้วนั้นก็คงเป็นสิ่งที่แบรนด์ต้องย้อนกลับมาดูที่หน้าสถิติของผู้ใช้งานและเป้าหมายที่แบรนด์ตั้งเอาไว้ ขอแค่จำเอาไว้ว่าทุกแบรนด์ล้วนย่อมต้องมีกลุ่มผู้ชมหรือกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป กลุ่มผู้ติดตามของแบรนด์หนึ่งอาจจะรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนอยู่ที่สถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ในไทม์โซนเดียวกัน แต่ในขณะเดียวกันกลุ่มผู้ติดตามของอีกแบรนด์หนึ่งอาจจะกระจายอยู่ที่มุมต่างๆ ของโลกที่มีไทม์โซนแตกต่างกันก็เป็นได้ จึงแนะนำให้อ้างอิงจากสถิติข้อมูลกลุ่มผู้ติดตามของแบรนด์ตนเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งเวลาในการสร้างโพสต์ที่เหมาะสมที่สุดกับบัญชีผู้ใช้งาน Instagram ของแบรนด์คุณนั่นเอง

โดยปกติแล้วแบรนด์คุณเองอาจจะต้องการพัฒนาตารางการสร้างโพสต์ให้ไปอยู่ในช่วงเวลาที่ดึงดูดกลุ่มผู้ชมให้ได้มากที่สุด โพสต์ที่เผยแพร่ออกไปอย่างน้อยๆ ต้องปรากฏในสายตาของกลุ่มผู้ติดตามที่กำลังใช้งาน Instagram อยู่ ณ ขณะนั้น เพื่อให้ได้มาซึ่งการมีปฏิสัมพันธ์ นำมาซึ่งผลลัพธ์อันดีเยี่ยมจากโพสต์นั้นๆ แม้ว่าการวิเคราะห์ข้อมูลจาก Instagram เองจะทำให้คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก ทราบว่าเวลาไหนที่เหมาะสมที่สุดในการเผยแพร่เนื้อหาหรือสร้างโพสต์ แต่ถ้าหากมีโอกาสแนะนำให้ทดลองโพสต์ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไปก็จะดี ไม่แน่ตัวแบรนด์เองอาจจะค้นพบว่าการสร้างโพสต์ในช่วงเวลาหนึ่งของวันอาจเป็นที่มาของการเข้ามามีส่วนร่วมหรือได้รับผลตอบรับจากบรรดาผู้ติดตามที่ดีเยี่ยมในระยะยาวก็เป็นได้ จากงานวิจัยหลากหลายที่บ่งบอกว่าในหนึ่งวันนั้นย่อมมีหลายเวลาที่เหมาะสมในการสร้างโพสต์หรือเผยแพร่เนื้อหา Primal เองยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแคมเปญการตลาดบน Instagram แพลตฟอร์มสุดคึกคักที่มีผู้ใช้งานแทบจะตลอดวันแบบ 24 ชั่วโมง

ปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณด้วยตารางการเผยแพร่เนื้อหา

ปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณด้วยตารางการเผยแพร่เนื้อหา

เพราะ Instagram นั้นคือแพลตฟอร์มที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการทำ Digital Marketng นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่น่าเหลือเชื่อ อย่างไรก็ตามแบรนด์ควรใช้แนวทางในเชิงกลยุทธ์ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่แบรนด์ตั้งเอาไว้ พิจารณาง่ายๆ ว่าในปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 25 ล้านแห่งที่เปิดบัญชีผู้ใช้งาน Instagram เพื่อจุดประสงค์เดียวกันกับคุณนั่นก็คือการใช้งานในเชิงธุริจ ดังนั้นคุณคงไม่ต้องการที่จะสร้างโพสต์แบบสุ่มๆ ขึ้นมาสักอันหนึ่งแล้วเผยแพร่ออกไปโดยไม่ได้คิดอะไรอย่างแน่นอน ดังนั้นการรู้จักวางแผนผ่าน Content Calendar หรือตารางการเผยแพร่เนื้อหาที่ชัดเจนจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้เพื่อให้คุณสามารถมองเห็นภาพรวมและพิจารณาโดยรอบได้ว่าในแต่ละเนื้อหาที่คุณตั้งใจจะเผยแพร่นั้นสามารถดึงดูดผู้ติดตามได้อย่างไรบ้าง สามารถสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ (Brand Awareness) ได้มากน้อยเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น การเลือกสีใดๆ ก็ได้ที่ทำให้ผู้คนเห็นแล้วจะนึกถึงแบรนด์คุณเป็นอันดับต้นๆ จะสอดแทรกเนื้อหาอย่างไรให้สอดคล้องกับแคมเปญที่เคยรันไปแล้วก่อนหน้านี้ เป็นต้น

ในภาพรวมของกลยุทธ์การตลาดผ่าน Instagram นั้นมีหนทางการพิสูจน์ความสำเร็จอยู่มากมายเลยทีเดียว ทั้งหมดทั้งมวลก็ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งไหนที่เหมาะสมที่สุดกับแบรนด์คุณ อย่างไรก็ตามแนวทางการปฏิบัติก็ต้องสะท้อนคุณค่าความเป็นแบรนด์ตลอดไปจนถึงจะต้องเสริมคุณสมบัติหลักของผลิตภัณฑ์และการให้บริการไปด้วยในตัว ทั้งหมดล้วนเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความไว้วางใจให้แก่บรรดาผู้ติดตาม หากแบรนด์มีความประสงค์ที่จะพัฒนาผู้ติดตามเหล่านี้ให้กลายมาเป็นลูกค้าในอนาคต จากรายละเอียดต่างๆ ที่อยู่ในตารางการเผยแพร่เนื้อหาจะทำให้แบรนด์สามารถมองเห็นภาพรวมโดยคร่าวๆ ว่าเนื้อหาในแต่ละโพสต์จะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร เพื่อให้ดำเนินไปตามแผนการตลาดบน Instagram ทำให้แบรนด์สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้ได้

แคมเปญ Giveaway บน Instagram

แคมเปญ Giveaway บน Instagram

แคมเปญ Giveaway หรือการจำแนกแจกจ่ายของรางวัลออกไปให้แก่ผู้ติดตามนั้นถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การทำ Digital Marketing ที่ผ่านการทดสอบมาแล้วว่าให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบน Instagram สำหรับแบรนด์ไหนๆ ที่กำลังมองหาหนทางใหม่ๆ ในการดึงดูดกลุ่มผู้ติดตามหรือขยายการเข้าถึงให้มากขึ้นกว่าเดิมแล้วละก็ สามารถตอบโจทย์ความต้องการทั้งหมดด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบ อาจจะฟังดูเหมือนว่าแคมเปญ Giveaway หรือการแจกจ่ายของให้กับบรรดาผู้ติดตามนั้นเปรียบเสมือนเป็นการแจกจ่ายสินค้าทางเดียว แต่หลายๆ แบรนด์ก็คิดค้นวิธีที่จะทำให้ผู้ติดตามทำอะไรเป็นการแลกเปลี่ยนกลับคืนสู่แบรนด์ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ติดตามที่กดไลค์โพสต์หรือแท็กชื่อเพื่อนต่อกันไปเป็นทอดๆ ถือเป็นอีกหนึ่งทางอ้อมที่ช่วยการันตีได้บ้างว่าผู้ติดตามจะย้อนกลับมาดูหน้าโปรไฟล์ของแบรนด์และอาจจะกลายมาเป็นลูกค้าระยะยาวในอนาคตก็เป็นได้ เมื่อใดก็ตามที่แบรนด์เองตั้งเป้าหมายในกลยุทธ์การตลาดบน Instagram เอาไว้อย่างชัดเจนด้วยการทำ Giveaway อยู่เรื่อยๆ แล้วนั้น โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีสูงมากเช่นกัน

เมื่อแบรนด์ตัดสินใจจะโปรโมทแคมเปญ Giveaway ก็มีบางสิ่งที่คุณควรคำนึงถึงอีกเช่นกัน อันดับแรก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ระบุรายละเอียดแคมเปญการแข่งขันเอาไว้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น กติกาการเข้าร่วมสนุก ตลอดไปจนถึงระยะเวลาการแข่งขัน ฯลฯ เพื่อไม่ทำให้ลูกค้าผิดหวังหรือพลาดการเข้าร่วมสนุก เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง ลำดับถัดมาที่แบรนด์ต้องทำนั่นก็คือการสร้างอีกหนึ่งโพสต์แยกเพื่อสรุปผลกิจกรรมการแข่งขัน อีกทั้งยังเป็นการโปรโมทแคมเปญไปด้วยในตัว และเพื่อเป็นการดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ทำให้แบรนด์คุณยังคงอยู่ในความสนใจของตลาดอยู่เสมอๆ นั่นเอง

ลงทุนกับกลยุทธ์ที่คุ้มค่า ช่วยเพิ่มยอดการเข้าถึง (Reach)

ลงทุนกับกลยุทธ์ที่คุ้มค่า ช่วยเพิ่มยอดการเข้าถึง (Reach)

เมื่อใดก็ตามที่คุณสร้างโฆษณา (Ads) แล้วเสนอราคาที่ต้องการจะจ่ายโดยใช้ระบบเดียวกับ Facebook ไม่ว่าจะเป็นการเสนอราคาด้วยตนเองหรือด้วยระบบอัตโนมัติก็ตามแต่ เงินส่วนหนึ่งที่คุณจ่ายเอาไว้สำหรับเป็นค่าบริการจะถูกหักไปเพื่อใช้จ่ายให้กับแพลตฟอร์ม Instagram ทั้งนี้เนื่องจาก Facebook และ Instagram มีอัตราการชำระค่าบริการที่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการเสนอราคาและการแข่งขัน ณ ขณะนั้น แต่ถ้าหากแบรนด์กำหนดค่าใช้จ่ายเป็นแบบงบประมาณรายวันอย่างเช่น ตั้งไว้ที่วันละ 1,000 บาท ก็จะช่วยให้งบไม่บานปลายออกไปได้ ที่สำคัญผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็เป็นที่น่าพึงพอใจเลยทีเดียว ร่วมงานกับผู้มีประสบการณ์ด้าน Digital Marketing โดยตรงอย่าง Primal ผู้เชี่ยวชาญที่รับลงโฆษณาบน IG ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าเราจะสามารถสร้างโฆษณาผ่าน Instagram เพื่อโปรโมทแบรนด์คุณ พร้อมกับผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

เมื่อเริ่มต้นทำแคมเปญโฆษณาบน Instagram แน่นอนว่ามีสองตัวเลือกที่ต้องตัดสินใจ นั่นก็คือ Instagram Story Ads กับ Feed Ads แต่ต้นทุนของทั้งสองตัวเลือกนี้ก็ย่อมแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามธุรกิจส่วนใหญ่ต่างมีความเห็นว่าการลงทุนแบบเมื่อก่อนมีความคุ้มค่ามากกว่า แต่ก็ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัยด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเป้าหมาย, อุตสาหกรรม, เวลาและสถิติของกลุ่มผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นปัจจัยอันดับสุดท้ายที่จะกำหนดต้นทุนการทำโฆษณาผ่าน Instagram จะถูกหรือแพงก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง แต่ถ้าหากยอด CPC หรือ Cost Per Click นั้นอยู่ที่ราคา 20 บาท แต่นำมาซึ่งลูกค้าใหม่จำนวนทั้งหมด 1,000 คนที่อาจจะมีอัตราการใช้จ่ายสูง อาจจะพิจารณาได้ว่า CPC ราคา 20 นั้นนำมาซึ่ง ROI หรือ Return of Investment มหาศาล ดังนั้นจึงถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าแก่การลงทุน

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเอเจนซี่ชั้นนำที่ขึ้นชื่อเรื่องการโฆษณาผ่าน Instagram ของเมืองไทย

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเอเจนซี่ชั้นนำที่ขึ้นชื่อเรื่องการโฆษณาผ่าน Instagram ของเมืองไทย

Primal ประเทศไทย บริษัทดิจิทัลเอเจนซี่ที่ได้รับรางวัลและมีประสบการณ์มากมายในการทำแคมเปญโฆษณาบน Instagram เนื่องจากเรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่สามารถผลิตชิ้นงานคุณภาพเกินกว่าที่คุณคาดหวังเอาไว้ เพราะเรามีความเข้าใจเป็นอย่างยิ่งว่ากลยุทธ์การตลาดบน Instagram นั้นมีการพัฒนาอย่างไรในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเพื่อเป็นการประมวลผลเกี่ยวกับการเกี่ยวกับระบบการตลาดบน Instagram อีกทั้งในขณะเดียวกัน Primal เองก็สามารถเข้าถึงเครื่องมือจำนวนมาก เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าแคมเปญของเราจะนำมาซึ่งความสำเร็จในทุกๆ ครั้ง เลือก Primal เป็นตัวช่วยในการทำ Digital Marketing แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมเราจึงกลายเป็นดิจิทัลเอเจนซี่ที่โดดเด่นในเรื่องการทำโฆษณาบน Instagram อันดับต้นๆ ในประเทศไทย

หากยังไม่แน่ใจว่าแบรนด์ของคุณจะได้อะไรบ้าง เราสามารถแสดงให้คุณเห็นว่าทำไมคนทั่วโลกจึงมองว่าเป็นการทำการตลาดที่คุ้มค่า เพราะเราได้นำเสนอแคมเปญออนไลน์บน Instagram ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าเราจะสามารถเพิ่มยอดการเข้าถึง (Reach) และยอด Conversion Rate ได้เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ทีมงานมืออาชีพของเรายังสามารถให้คำแนะนำลูกค้าได้ในทุกแง่มุมของการทำแคมเปญออนไลน์ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากงบประมาณที่ลูกค้ามีอยู่ ติดต่อเรา Primal บริษัทรับทำโฆษณาบน IG มาดูกันว่าคุณจะสามารถบรรลุเป้าหมายทางการตลาดบน Instagram ให้กับธุรกิจคุณได้อย่างไร

150+ 60 ทีมงานคุณภาพ
ทีมงานคุณภาพ
300+ 100+ แบรนด์พาร์ทเนอร์
แบรนด์พาร์ทเนอร์
2 2 สาขาในเอเชีย
สาขาในเอเชีย

เราสามารถช่วยเพิ่มยอดขายผ่านการทำ Paid Media ได้ ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะอยู่ในอุตสาหกรรมไหน

“จะได้ผลลัพธ์ดีขนาดไหน ถ้ารวมนักการตลาดดิจิทัลผู้เชี่ยวชาญ เข้ากับเทคโนโลยีในการทำแคมเปญสุดล้ำ”


พบกับ SENTR™

คำถามที่พบบ่อย

โฆษณา Instagram คือตัวเลือกที่ให้คุณสามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายผ่านคอนเทนต์รูปแบบต่างๆ เช่น ภาพ วิดีโอ ข้อความ ลิงก์

ติดต่อเรา

ส่วนมากงบในการยิงโฆษณาที่แบรนด์จะต้องจ่ายจะมีช่วงกว้างๆ อยู่ที่ 6.5-650 บาท/1 คลิก หากใช้เป็น Cost per click (CPC) แต่หากคุณใช้เป็น Cost per mille (CPM) ก็จะอยู่ที่ประมาณ 170 บาท/ 1,000 impressions

ต่างกัน แต่คุณยังสามารถตั้งค่าและควบคุมผ่านฟีเจอร์เดียวกันอย่าง Facebook Business Manager ได้

โฆษณา Instagram จะแสดงให้คนๆ หนึ่งเห็นโดยพิจารณาจากสิ่งที่เขาติดตาม และ Like บน Instagram รวมไปถึงความสนใจตามที่แสดงบน Facebook และเว็บไซต์ที่เคยเข้าไปเยี่ยมชมด้วย

Instagram Stories ช่วยให้คุณแชร์รูปภาพหรือวิดีโอที่ความยาวไม่เกิน 15 วินาที โดยจะแสดงผลบน Story ของผู้ใช้นั้นประมาณ 24 ชม.

รับคำปรึกษาด้านกลยุทธ์ฟรี
Show Buttons
Hide Buttons