AI คืออะไร นำไปประยุกต์ใช้อย่างไรเพื่อผลลัพธ์ที่ดีต่อธุรกิจ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างแพร่หลายในหลากหลายประเทศ ทั้งการสร้างหุ่นยนต์ AI เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวแทนมนุษย์ หรือการนำ AI มาช่วยวิเคราะห์แผนการทำงาน หรือแม้แต่ใช้เป็นเครื่องมือสำคัญภายในโรงงานอุตสาหกรรม 

สำหรับในประเทศไทยก็ได้มีการนำ AI เข้ามาปรับใช้กับการทำงานเช่นกัน ที่เห็นกันอย่างแพร่หลายก็คือ การนำ AI มาใช้เสิร์ฟอาหารในร้านอาหารชื่อดังหลาย ๆ ร้าน ที่ไม่เพียงช่วยให้งานด้านบริการเป็นไปอย่างราบรื่นเท่านั้น แต่บางครั้งความฉลาดของ AI ก็ยังสามารถความประทับใจให้กับลูกค้า เพราะสามารถโต้ตอบกับมนุษย์ จนสร้างเสียงหัวเราะให้กับกลุ่มลูกค้าอีกด้วย

ในวงการตลาดออนไลน์ก็เช่นกัน! เพราะผู้ประกอบการหลาย ๆ รายเริ่มนำระบบ AI มาใช้ทำการตลาดกันมากขึ้น ทั้งการใช้วางแผนกลยุทธ์และอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค ดังจะเห็นได้จากการที่หลายแบรนด์ดังเริ่มใช้ AI ช่วยตอบข้อความลูกค้าอัตโนมัติในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการนำ AI เข้ามาปรับใช้เท่านั้น เพราะตอนนี้ ChatGPT ที่กำลังเป็นไวรัลและได้รับความนิยามสุด ๆ เนื่องจากความสามารถของ ChatGPT ที่มีความล้ำหน้าในการช่วยสืบค้นข้อมูลได้อย่างรอบด้าน แถมยังสามารถเขียนบทความได้อย่างไม่มีสะดุด จนนักการตลาดหลาย ๆ คนต้องนำมาช่วยทำ SEO เพื่อให้ติดหน้าแรก ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็โดดเด่นไม่น้อยเลย 

เมื่อ AI มีบทบาทต่อโลกยุคใหม่ขนาดนี้ วันนี้เราจึงจะพาทุกคนย้อนไปทำความรู้จักว่า AI คืออะไร และเจ้าสิ่งนี้จะช่วยให้เราทำการตลาดอย่างไรได้บ้าง

 

AI คืออะไรในโลกศตวรรษที่ 21?

เริ่มแรกมาดูคำนิยามกันก่อนว่าเจ้า AI ที่ว่านี้คืออะไรกันแน่?

AI ย่อมาจากคำว่า Artificial Intelligence ในที่นี้ก็คือปัญญาประดิษฐ์หรือ “ความฉลาดที่ถูกสร้างขึ้น” แต่จริง ๆ แล้ว มุมมองการให้ความหมายของคำนี้อาจต่างออกไปตามความเข้าใจของคนในแต่ละวงการ แต่หากจะหานิยามที่ครอบคลุมความหมายทั้งหมด AI ก็คือชุดของ Algorithm ที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้คล้ายคลึงกับมนุษย์ เพื่อให้สามารถรับรู้ เรียนรู้ ให้เหตุผล แก้ไขปัญหาต่าง ๆ รวมถึงเปิดมุมมองได้อย่างอิสระ พร้อมสร้างผลลัพธ์ออกมาเองได้โดยไม่ต้องสอน

AI แบ่งออกเป็นหลายระดับ โดยจะวัดจากความสามารถในการให้เหตุผล การพูด และทัศนคติของ AI ตัวนั้น ๆ เมื่อเทียบกับมนุษย์อย่างเรา

ai กับการตลาด

ประเภทของ AI เพราะความฉลาดต่างกันดังนั้นจะมาเป็น AI เหมือนกันไม่ได้!

แม้จะเป็นชุดเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อให้คิดและแสดงออกแบบมนุษย์ได้เหมือนกัน แต่หากจะใช้เกณฑ์เรื่องความสามารถหรือความฉลาดวัด ก็อาจแบ่ง AI ได้เป็น 2 ประเภท

1.   ปัญญาประดิษฐ์เชิงแคบ (Narrow AI)

เป็น AI ที่มีความสามารถเฉพาะทางหรือเก่งในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ สามารถช่วยตัดสินใจ คอยแนะนำหรือคาดการณ์สิ่งต่าง ๆ จากสถิติ ซึ่ง AI ประเภทนี้ก็คือ AI ที่เราเห็นกันในโลกยุคปัจจุบันและถูกใช้ในหลาย ๆ วงการ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือเฉพาะด้านในวงการแพทย์อย่าง AI ช่วยผ่าตัด หรือในอุตสาหกรรมคมนาคม เช่น ระบบการขับรถอัตโนมัติ (Autonomous Vehicles) วงการไอที เช่น ระบบ Siri จาก Apple และระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) หรือแม้แต่วงการการตลาดที่นำแชตบอตมาช่วยตอบคำถามลูกค้าอัตโนมัติ รวมถึงการใช้แชตบอต AI ช่วยทำ SEO และคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดีย เป็นต้น

2.   ปัญญาประดิษฐ์แบบเต็มรูปแบบ (Strong AI)

เป็น AI ที่สามารถทำงานที่มีความซับซ้อนได้ และมีความคิดเป็นของตนเอง บางครั้งความฉลาดอาจมีเหนือกว่ามนุษย์จนถึงขั้นสามารถตัดสินใจเองได้ ปัจจุบัน AI ประเภทนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง มีเพียงแต่ในหนังเท่านั้น

 

ผลลัพธ์ทางการตลาดดิจิทัลจะดีได้ถ้าให้ AI ช่วย

เมื่อรู้แล้วว่า AI คืออะไร ก็จะเห็นได้ว่า AI มีบทบาทสำคัญอย่างมากในหลาย ๆ อุตสาหกรรม รวมถึงในภาคธุรกิจต่าง ๆ และเพื่อให้นักการตลาดสามารถนำเครื่องมือ AI ไปปรับใช้กับแผนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เราขอรวบรวมประโยชน์ดี ๆ ที่ AI จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโต แถมอาจช่วยลดต้นทุนได้อีกด้วย

1.   ใช้ AI ทำโฆษณา

นักการตลาดใช้ AI ช่วยปรับแต่งโฆษณาได้! ตอนนี้ระบบ Learning Machine ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้รับการพัฒนาจนสามารถวิเคราะห์ความสนใจ สิ่งที่จะสื่อสาร รวมถึงคำนวณงบประมาณจนสามารถ Optimize โฆษณาให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด ภายใต้ต้นทุนที่ต่ำที่สุดได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเห็นได้จาก Case study ของแบรนด์ Subway ที่จับมือกับ IBM Watson ที่ใช้ระบบ AI ในชื่อ WEATHERfx Football with Watson ปรับแต่งการซื้อโฆษณาออนไลน์ตามข้อมูลสภาพอากาศ ยอดขาย และยอดลูกค้าเข้าร้านในแต่ละช่วงเวลา จนในที่สุดก็มียอดลูกค้าเพิ่มสูงขึ้นถึง 31% และลดค่าโฆษณาไปได้ถึง 53% ช่วยเพิ่มรายได้และลดต้นทุนไปพร้อม ๆ กัน 

2.   ใช้ AI ทำภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัย

AI ช่วยสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัยขึ้นได้! ทั้งในแง่ของการใช้ AI ออกแบบหน้าเว็บฯ ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานและสวยงามน่าดึงดูด ใช้ AI วิเคราะห์และแนะนำการสร้าง Landing Page ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้ใช้งาน พร้อมกันนั้น ยังสามารถนำเรื่องที่แบรนด์ใช้ AI ไปปรับปรุง Branding และต่อยอดในการทำคอนเทนต์โปรโมต เพื่อแสดงให้เห็นว่าแบรนด์ของเราก้าวล้ำทันสมัยและพร้อมปรับตัวให้เข้ากับทุกการเปลี่ยนแปลงของโลก 

3.   ใช้ AI ช่วยทำ SEO

SEO ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ผลลัพธ์การตลาดดีขึ้นได้ โดยนักการตลาดสามารถใช้เครื่องมือ AI ช่วยวิเคราะห์องค์ประกอบการทำ SEO ในขั้นตอนต่าง ๆ เช่น ใช้ Google Keyword Planner วิเคราะห์คีย์เวิร์ด โดยสามารถใช้วิเคราะห์ทั้ง Volume, ความถี่ที่ปราฏในเว็บฯ ของคู่แข่ง, ความสามารถของคีย์เวิร์ดในการขึ้นแสดงผลหน้าแรก ฯลฯ ใช้เครื่องมือช่วยปรับแต่งหน้าเว็บฯ ทั้ง On-page และ Off-page หรือแม้แต่ใช้ AI ช่วยประเมินผลลัพธ์การจัดอันดับ นอกจากนี้นักการตลาดที่อยากได้คำแนะนำปรับแต่งคอนเทนต์ SEO ของตนเองให้มีคุณภาพ ก็ยังสามารถสืบค้นข้อมูลการปรับแต่งคอนเทนต์ SEO จากแชตบอต AI เช่น ChatGPT เพราะเจ้า AI ตัวนี้ได้รับการการันตีว่าสามารถให้ข้อมูลได้อย่างครบถ้วนและสามารถพาเว็บฯ ของนักการตลาดหลาย ๆ คนขึ้นหน้าแรกได้จริง

4.   ใช้ AI ช่วยสร้างคอนเทนต์โซเชียลมีเดียที่มีคุณภาพ

หากนักการตลาดท่านใดอยากทำคอนเทนต์ดี ๆ ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากที่สุด สามารถใช้ AI สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย พร้อมแนะนำเนื้อหาที่น่าสนใจได้ รวมถึงนักการตลาดยังสามารถใช้ AI ช่วยเปลี่ยนรูปแบบข้อมูลเพื่อเพิ่มการนำเสนอที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น เครื่องมือ AI ที่มีชื่อว่า Lumen5 สามารถเปลี่ยนจากรูปแบบคอนเทนต์ Blog post ให้กลายเป็นคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอ ช่วยให้นักการตลาดสามารถสื่อสารคอนเทนต์ได้หลากหลายรูปแบบและประหยัดเวลาในการสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ ด้วย 

5.   ใช้ AI ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์กับลูกค้า

นักการตลาดสามารถใช้แชตบอต AI หรือโปรแกรมตอบแชทอัตโนมัติเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าของตนเองได้! โดยแชตบอตที่สามารถนำมาใช้จะมีด้วยกัน 2 รูปแบบหลัก ๆ

  • รูปแบบที่โต้ตอบโดยตรงกับลูกค้า (Front-end chatbot) เป็นแชตบอตที่ใช้ AI ตอบคำถามทั่วไป โดยจะเป็นคำถามง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน ส่วนใหญ่แล้วแบรนด์จะนำมาติดตั้งกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อใช้บริการตอบคำถามลูกค้าที่ทักมาทางแพลตฟอร์มนั้น ๆ
  • รูปแบบช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการในบทสนทนา (AI assist customer service) เป็นรูปแบบที่ลูกค้าจะสนทนากับเจ้าหน้าที่โดยมี AI เป็นผู้ช่วยหาคำตอบที่เหมาะสมที่สุดให้กับเจ้าหน้าที่

ข้อดีของการใช้ AI คือผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องจ้างแอดมินมาแสตนบายด์เพื่อตอบลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังทำให้ลูกค้าได้รับคำตอบที่รวดเร็วทันใจภายในไม่กี่วินาที พร้อมกันนั้นยังเป็นคำตอบที่วางแพทเทิร์นไว้แล้วจึงไม่มีโอกาสผิดพลาด ทำให้สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่ากับการใช้มนุษย์เพียงอย่างเดียวในการให้บริการ 

6.   ใช้ AI ช่วยทำการตลาดแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย (Personalized Marketing)

การตลาดเจาะจงเฉพาะกลุ่ม (Personalized Marketing) คือกลยุทธ์การนำเสนอสินค้าหรือบริการที่เหมาะสมกับลูกค้ารายบุคคล ทำให้พวกเขารู้สึกพิเศษที่สินค้าออกแบบมาให้โดยเฉพาะ ส่งผลให้เกิดความประทับใจจนอยากซื้อสินค้านั้น ๆ ซึ่งนักการตลาดสามารถนำ AI มาช่วยทำการตลาดแบบเฉพาะกลุ่มเป้าหมายนี้ เพื่อสร้างผลลัพธ์ดีขึ้นได้

ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด คือกรณีของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งออนไลน์อย่าง Netflix ที่นำ AI มาใช้วิเคราะห์ประวัติการเลือกชม เวลาที่เข้าชม รวมถึงอุปกรณ์ที่ผู้ใช้งานเข้าชม เพื่อนำมาออกแบบอัลกอริทึมเนื้อหาที่เหมาะสมกับผู้ชมมากที่สุด ซึ่งการใช้ AI ไปช่วยวิเคราะห์นี้ทำให้ผู้ชมประหยัดเวลาการเลือกคอนเทนต์ ได้เห็นหน้าแสดงผลที่ตรงใจ จนรู้สึกประทับใจและอยากกลับเข้ามาใช้บริการแพลตฟอร์มบ่อยครั้งมากขึ้น

ai ใช้ทำการตลาด

สรุป

ได้รู้กันไปแล้วว่า AI คืออะไร และได้เห็นถึงประโยชน์ของ AI ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จจนกลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของนักการตลาดในยุคใหม่! อย่างไรก็ตาม การพัฒนา AI ก็คงไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ นักการตลาดเองก็ควรต้องติดตามเทรนด์อยู่เสมอ เพื่อที่จะสามารถหยิบข้อดีของ AI มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการทำธุรกิจ 

และหากผู้ประกอบการท่านใดสนใจนำเครื่องมือ AI มาใช้พัฒนาแผนธุรกิจของตนเอง สามารถติดต่อ Primal Digital Agency ของเราได้เลย เรามีผู้เชี่ยวชาญกว่า 150 คน ที่พร้อมใช้เครื่องมืออันทันสมัยออกแบบแผนการตลาดที่เหมาะสำหรับธุรกิจของคุณได้ พร้อมแล้วก็กรอกรายละเอียดเพื่อปรึกษาแผนการตลาดกับเราได้เลยวันนี้!