เพิ่มยอดขายด้วย 6 กลยุทธ์การตลาดออนไลน์อสังหาริมทรัพย์

นับวัน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะโครงการใหญ่หรือเล็ก ก็ล้วนมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้การแข่งขันสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรากำลังเข้าสู่การตลาดยุค 5.0 ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีที่ทันสมัย (Digital Transformation) การตลาดแบบเดิม ๆ ก็อาจไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพเท่าไรนัก

หากเราต้องการประสบความสำเร็จและนำหน้าเทรนด์อยู่เสมอ “การตลาดออนไลน์” ก็ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ผู้ประกอบการธุรกิจทุกประเภทพลาดไม่ได้ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม เพราะการตลาดลักษณะนี้จะช่วยกระจายการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ทำให้ธุรกิจของเราเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ในทางตรงกันข้าม หากวันนี้ ธุรกิจของเรายังไม่ได้ก้าวเข้าสู่การทำการตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง ก็บอกได้คำเดียวว่า เรากำลังช้ากว่าคู่แข่งไปแล้วหลายก้าว!

ดังนั้น บทความนี้จะมาเผย “6 กลยุทธ์การตลาดออนไลน์อสังหาริมทรัพย์ให้ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาฯ ทุกท่านได้ศึกษาและทำความเข้าใจ เพื่อความก้าวหน้าและยั่งยืนในการทำธุรกิจ

แผนการตลาดบ้านจัดสรร

ทำ Lead Generation

การทำ Lead Generation คือ การใช้เครื่องมือการตลาดออนไลน์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่สนใจในสินค้าและบริการของเราจริง ๆ โดยสามารถทำได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูลจากหน้า Landing Page การทำแถบเมนู “ติดต่อเรา (Contact Us)” เพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลติดต่อกลับ หรือการใช้ Facebook Page เพื่อทำคอนเทนต์โปรโมตแบรนด์และเป็นสื่อกลางในการติดต่อกับลูกค้า

การเก็บข้อมูลลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเรานั้น จะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์และวางแผนทำการตลาดออนไลน์ให้แก่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเจาะกลุ่มลูกค้าได้ตรงจุด ด้วยวิธีที่เหมาะสมกับคนแต่ละกลุ่ม ตลอดจนช่วยให้สามารถปิดการขายได้เร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

ซื้อพื้นที่โฆษณา (ยิง Ads)

เรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ฮอตฮิตที่สุดแห่งยุคเลยก็ว่าได้ กับการซื้อพื้นที่โฆษณา หรือที่เรามักเรียกกันสั้น ๆ ว่า “ยิง Ads” เพราะสมัยนี้ใคร ๆ ก็ใช้โซเชียลมีเดียกัน การซื้อพื้นที่โฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็จะช่วยทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเรามีตัวตนและเกิดการรับรู้ในหมู่กลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยสามารถทำได้ทั้งใน Facebook, Instagram, YouTube, LINE หรือ Google ที่รู้จักกันอีกชื่อว่าเป็นการทำ PPC (Pay Per Click) ซึ่งเราจะต้องจ่ายค่าพื้นที่โฆษณาให้แก่ Google เมื่อมีผู้ใช้งานคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์ของเรา

ส่วนกลยุทธ์ในการยิง Ads นั้น จะขึ้นอยู่กับ Buyer Persona ของกลุ่มเป้าหมายว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร โดยหากเรากำหนดได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากยิ่งขึ้น

 

ทำแคมเปญอีเมล (Email Marketing)

อาจดูเป็นวิธีการดั้งเดิม แต่แท้จริงแล้ว การทำแคมเปญอีเมล หรือ Email Marketing นั้นยังคงใช้กับธุรกิจได้ทุกยุคยุคสมัย เพราะเป็นช่องทางที่ดูเป็นมืออาชีพและมีความเป็นสากล นอกจากนี้ อีเมลยังถือเป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าในการเชื่อมต่อความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าใหม่ รวมถึงรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเก่าได้เป็นอย่างดีด้วย

ทั้งนี้ จุดเด่นของการทำแคมเปญอีเมล คือการเข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพราะโดยปกติแล้ว ที่มาของรายชื่ออีเมลจะได้รับมาจากคนที่เป็นลูกค้าหรือคนที่อาจเคยสนใจในสินค้าและบริการของเราโดยตรง ดังนั้น เมื่อเราส่งอีเมลโปรโมชัน แนะนำสินค้า โปรโมตอิเวนต์ต่าง ๆ ฯลฯ ไปหาคนกลุ่มนี้ ก็มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะกลับมาซื้อซ้ำ

 

สร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย

กลยุทธ์การตลาดออนไลน์อสังหาริมทรัพย์อีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ การสร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย หลายคนอาจเคยเจอประสบการณ์แย่ ๆ เกี่ยวกับการใช้งานบางเว็บไซต์มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ต้องรอโหลดนาน เว็บไซต์ใช้งานยาก หรือมีปุ่มโฆษณาพ็อปอัปเด้งขึ้นมาเต็มไปหมดจนสร้างความรำคาญ และต้องปิดแท็บทิ้งไปในที่สุด หากเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากให้ลูกค้าทำเช่นนั้นกับเราแน่ ดังนั้น เราจึงต้องมีผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ โหลดไว ใช้งานง่าย และที่สำคัญ ต้องเหมาะกับการใช้งานบนมือถือด้วย เพราะสมัยนี้ คนส่วนใหญ่มักใช้มือถือในการทำทุกอย่าง แม้แต่การท่องเว็บฯ ก็ตาม ซึ่งถ้าหากเว็บไซต์ของเราไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่าง ๆ แล้ว กลุ่มเป้าหมายก็จะไม่สามารถเข้าชมเว็บไซต์เราได้อย่างสะดวกสบาย นั่นหมายถึงการได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีไปจากเว็บฯ อันจะส่งผลต่อการจัดอันดับ SEO (Search Engine Optimization) เป็นอย่างมาก

ในการทำการตลาดออนไลน์กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เว็บไซต์ควรมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

  • รายการของอสังหาริมทรัพย์ที่ลงประกาศใหม่ทั้งหมด
  • เนื้อหาที่แนะนำรายละเอียดต่าง ๆ ตลอดจนกระบวนการซื้อ
  • ลิงก์ไปยังหน้าบริการที่เกี่ยวข้องกับสินค้า เช่น ทนายความ คนขนย้าย ผู้ตรวจบ้าน เป็นต้น

นอกจากนี้ เว็บไซต์ยังควรมีโปรแกรมตอบแชตอัตโนมัติ (Chatbot) เอาไว้ตอบคำถามที่พบบ่อยด้วย เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มักมีลูกค้าเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เราจึงควรทำตัวให้พร้อมเสมอเวลาที่ลูกค้าเกิดคำถาม ซึ่งการลงทุนใช้ซอฟต์แวร์แชตจะช่วยให้เราสามารถบริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วทันใจตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ไม่ต้องตอบเอง และสามารถเอาเวลาในส่วนนี้ไปโฟกัสกับการทำธุรกิจส่วนอื่น ๆ ได้เลย

 

สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณค่า

ในการทำการตลาดออนไลน์ทุกประเภทจำเป็นต้องมีการสร้างคอนเทนต์ โดยเฉพาะกับธุรกิจอสังหาฯ ที่ลูกค้าทุกคนต้องคิดอย่างหนักก่อนตัดสินใจซื้อ ไม่ว่าลูกค้าเหล่านั้นจะเป็นผู้ซื้อครั้งแรกหรือเคยผ่านกระบวนการซื้อมาก่อนแล้ว พวกเขาก็มักจะมีคำถามและข้อกังวลมากมาย โดยหน้าที่ของเราคือการให้ข้อมูล และสนับสนุนทุกข้อสงสัยของลูกค้าผ่านการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณค่า คำว่ามีคุณค่า หมายถึง ก่อนเราจะคิดคอนเทนต์อะไรขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง ให้ลองแทนตัวเองเป็นผู้บริโภค แล้วจินตนาการว่าเราคาดหวังจะได้เห็นคอนเทนต์อะไร แล้วสิ่งนั้นมีประโยชน์ต่อเรามากน้อยแค่ไหนในการนำมาประกอบการตัดสินใจซื้อ

สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในวงการมาระยะหนึ่งแล้ว ก็คงจะจับทางถูกแล้วว่าส่วนมากลูกค้ามักจะถามอะไร หรือต้องการความช่วยเหลือในรูปแบบใด ก็ให้หยิบยกข้อมูลในส่วนนั้นมาสร้างคอนเทนต์ที่มีประโยชน์แก่ผู้อ่านได้เลย แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่มั่นใจว่าคอนเทนต์ควรเป็นไปในทิศทางใด ให้ดูว่าคู่แข่งของเราชอบทำคอนเทนต์แนวไหน จากนั้นก็สร้างสรรค์ออกมาให้โดดเด่นและแตกต่าง เพื่อดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายให้ได้

 

ทำวิดีโอทัวร์สถานที่จริง

แน่นอนว่ากลยุทธ์การตลาดออนไลน์อสังหาริมทรัพย์ต้องมีคอนเทนต์วิดีโอพาทัวร์สถานที่จริง! โดยจากสถิติพบว่าคอนเทนต์ประเภทนี้ทำให้ธุรกิจอสังหาฯ ประสบความสำเร็จมาก ทั้งยังสร้างรายได้เร็วกว่าผู้ที่ไม่ได้ทำคอนเทนต์วิดีโอมากถึง 49% เลยทีเดียว เนื่องจากวิดีโอทัวร์จะทำให้ลูกค้ามองเห็นภาพชัดมากขึ้นว่า พวกเขาจะได้รับอะไรจากการตัดสินใจซื้อครั้งนี้บ้าง

เทคนิคการทำคอนเทนต์วิดีโอ คือการทำให้ “เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่าย” สำหรับลูกค้า เช่น

  • การใช้ภาพจริงของบ้านเทียบกับภาพจำลอง
  • การทำวิดีโอทัวร์ให้เป็นแบบอินเทอร์แอ็กทิฟและตอบสนองในทุกอุปกรณ์ที่ใช้รับชม เช่น อุปกรณ์เคลื่อนที่ต่าง ๆ และเดสก์ท็อป
  • ทำวิดีโอแบบ 3D เพื่อความเสมือนจริง ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่คล้ายกับอยู่ในสถานที่จริงมากที่สุด

 

สรุป

ในยุคที่ธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเข้าสู่ความเป็นดิจิทัลเช่นนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตลาดออนไลน์กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นของที่มาคู่กัน เพราะลูกค้าอสังหาริมทรัพย์เองก็เริ่มมีการหาข้อมูลทางออนไลน์มากขึ้นเรื่อย ๆ และเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เราควรต้องเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความทันสมัย ด้วยการนำกลยุทธ์การตลาดออนไลน์อสังหาริมทรัพย์ข้างต้นไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับแนวทางการทำธุรกิจของตนเอง ไม่เช่นนั้น ธุรกิจของเราอาจล้าหลังกว่าคู่แข่งได้

อย่างไรก็ตาม การมีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์และความสามารถในการวางกลยุทธ์การตลาด วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนการยิงโฆษณา ก็จะช่วยให้สามารถทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลลัพธ์สูงสุด หากใครยังไม่มั่นใจในแผนงานของตนเอง สามารถติดต่อทีมงานของ Primal เพื่อรับคำปรึกษาได้เลย!