Keyword คืออะไร พร้อมแนะนำเครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดใช้งานฟรี!

Keyword คือ คำ วลี หรือประโยคสำคัญที่ผู้ใช้งานใช้ค้นหาสิ่งที่ต้องการบนหน้าค้นหาหรือระบบ Search Engine พูดง่าย ๆ คือ อยากรู้หรืออยากได้อะไรก็แค่พิมพ์ลงไป อาจพิมพ์เป็นชื่อหัวข้อ คำถาม รายละเอียดอย่างย่อของสิ่งที่ต้องการสืบค้น

โดย Keyword คือสิ่งที่คนทำธุรกิจหรือทำเว็บไซต์ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะนี่คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เว็บฯ หรือสินค้าของคุณถูกลูกค้าเซิร์ชเจอจากที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ยิ่งในตอนนี้ ที่ลูกค้าส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรมหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตก่อนตัดสินใจซื้อ Keyword ยิ่งสำคัญมากขึ้นไปอีก เพราะหากแบรนด์หรือธุรกิจใช้คีย์เวิร์ดได้อย่างมีประสิทธิภาพจนทำให้ร้านค้าหรือสินค้าโชว์ในหน้า Search Engine เป็นอันดับแรก ๆ ได้ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าจากร้านของเราได้มากขึ้นตามไปด้วย

เพื่อให้บริษัทการตลาด เอเจนซีทำ SEO รวมไปถึงผู้ที่ต้องการขยายตลาดในช่องทางออนไลน์สามารถใช้ “คีย์เวิร์ด (Keyword)” เป็นตัวช่วยให้หน้าเว็บฯ สินค้า หรือวิดีโอของคุณปรากฏในผลลัพธ์เวลาลูกค้าค้นหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้เราจะมาแชร์ทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับ Keyword ไขข้อสงสัยทั้ง Keyword คืออะไร แล้วจะนำใช้กับการทำ SEO และ SEM อย่างไรจึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าอยากรู้ก็มาหาคำตอบพร้อมกันที่บทความนี้!

Keyword คืออะไร

Keyword คืออะไร สำคัญอย่างไร

เวลาคุณอยากรู้คำตอบอะไรบางอย่าง คุณพิมพ์อะไรลงในช่องค้นหาบ้าง? สิ่งนั้นแหละเรียกว่า “คีย์เวิร์ด (Keyword)”

Keyword คือคำที่เราใช้ค้นหา ไม่ว่าจะบน Search Engine หรือการเลือกคำมาใช้ใน Google Ads ใน YouTube ใน Shopee Lazada หรือช่องค้นหาในฐานข้อมูลใด ๆ ก็ตาม ซึ่งอาจมีตั้งแต่คำสั้นไปจนถึงวลีและประโยค โดยเมื่อใช้คำนั้น ๆ ป้อนลงบนช่องค้นหา ผลลัพธ์การค้นหาก็จะปรากฏขึ้นมาตามลำดับ

ตัวอย่าง Keyword เช่น หากคุณต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับ SEO ก็สามารถค้นหาด้วยคำว่า “SEO คืออะไร” ข้อมูลที่แสดงผลก็จะมีตั้งแต่การอธิบายความหมายของคำว่า “SEO คืออะไร” “SEO สำคัญอย่างไร” ไปจนถึงขั้นตอนการทำ SEO หรือหากคุณต้องการค้นหาผู้เชี่ยวชาญที่จะมาช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ดีขึ้นก็อาจค้นหาด้วยคำว่า “บริษัทรับทำ SEO” โดยผลลัพธ์ที่ปรากฏบนหน้าค้นหาก็จะเป็นเว็บไซต์ของผู้เชี่ยวชาญที่รับทำ SEO โดยตรง ไล่เรียงตามความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของ SEO ที่เว็บไซต์นั้น ๆ ทำได้

โดยหากต้องการให้ผลลัพธ์เจาะจงมากขึ้นก็อาจใส่รายละเอียดของ Keyword ให้ชัดเจนขึ้นได้ เช่น หากกำลังหาที่พักในหัวหินที่สามารถเดินลงทะเลได้เลยแบบไม่ต้องเดินทางอีก ก็สามารถพิมพ์คำว่า “โรงแรม หัวหิน ติดทะเล” ลงไปในช่องค้นหา เพียงเท่านี้ผลลัพธ์ก็จะปรากฏขึ้นมาตามความต้องการแล้ว

อย่างไรก็ดี สำหรับบทความนี้ เราจะโฟกัสที่คีย์เวิร์ดสำหรับการทำ SEO เป็นหลัก แต่สามารถใช้เป็นไอเดียสำหรับคีย์เวิร์ดบนช่องทางอื่น ๆ ได้เช่นกัน

keyword คืออะไร ประเภทของ keyword

Keyword มีกี่ประเภท?

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการค้นหาด้วยคำสั้นเพียงคำเดียว อาจกินความหมายกว้างและไม่สามารถมอบคำตอบอย่างชัดเจนตามที่ต้องการได้ ด้วยเหตุนี้ บางครั้งผู้ใช้อาจเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ยาวหรือเฉพาะเจาะจง หรือเป็นประโยคชัดเจนเพื่อให้ผลลัพธ์การค้นหาตอบโจทย์ความต้องการมากกว่า อย่างไรก็ดี คีย์เวิร์ดสำหรับการค้นหาก็อาจแบ่งได้หลายประเภท ดังนี้

Head Keyword หรือ Seed Keyword

  • เป็นคำกว้าง ๆ หรือคำโดดเพียงคำเดียวที่เกี่ยวข้องกับสินค้า บริการ หรือหัวข้อที่ต้องการค้นหา
  • Head Keyword มีปริมาณการค้นหาสูงและเป็นองค์ประกอบของคีย์เวิร์ดคำอื่นที่เกี่ยวข้องกับคำคำนี้ แต่มี Conversion ต่ำ เนื่องจากไม่มีคำที่ระบุจุดประสงค์ในการค้นหาที่จะมาช่วยตีวงแคบให้กลุ่มเป้าหมายได้คำตอบที่ต้องการ
  • ตัวอย่าง Keyword ประเภทนี้ เช่น
    • รองเท้า
    • สมาร์ตโฟน
    • เฟอร์นิเจอร์
    • ประกันรถยนต์

อย่างไรก็ดี แม้จะมีปริมาณการค้นหาสูง แต่ Head Keyword ก็ตามมาด้วยการแข่งขันสูงจนทำให้ทำการตลาดออนไลน์ยากเช่นกัน ดังนั้นนี่จึงอาจเหมาะเป็น Keyword ตั้งต้นสำหรับการหากลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ต่อไปมากกว่า

Niche Keyword (Medium Tail Keyword)

  • Niche Keyword คือคำหรือวลีที่มีความยาวกว่า Head Keyword ขึ้นมาเล็กน้อย โดยจะมี Head Keyword เป็นองค์ประกอบหลักอยู่ และเพิ่มคำที่เฉพาะเจาะจงหรือบอกจุดประสงค์ในการค้นหาเพิ่มเติมเข้าไป
  • ตัวอย่าง Niche Keyword เช่น
    • ซื้อรองเท้ากีฬา
    • สมาร์ตโฟน ราคา
    • เฟอร์นิเจอร์ มือสอง
    • ประกันรถยนต์ ชั้น 1
  • จะเห็นว่าคำที่เรานำไปเติม Head Keyword นั้นเป็นคำที่ช่วยขยายความหรือบอกวัตถุประสงค์ เช่น “ประกันรถยนต์ ชั้น 1” จะช่วยให้ Google รู้ว่าเราต้องการหาประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่ใช่ชั้น 2 หรือ 3

Long Tail Keyword

  • ส่วน Long Tail Keyword คือ Keyword ที่มีลักษณะเป็นวลีหรือประโยคยาว ๆ ซึ่งถึงแม้จะมีปริมาณการค้นหาต่ำ แต่แสดงรายละเอียดเฉพาะเจาะจงและสะท้อนสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการได้ดีที่สุด จึงมี Conversion สูง
  • ตัวอย่าง Long Tail Keyword เช่น
    • ซื้อรองเท้ากีฬา nike ออนไลน์
    • สมาร์ตโฟน ราคาไม่เกิน 5000 กล้องสวย
    • ซื้อเฟอร์นิเจอร์มือสองที่ไหนดี
    • ประกันรถยนต์ ชั้น 1 ผ่อน 0% ไม่ใช้บัตรเครดิต

นอกจากนี้ ยังสามารถใช้คีย์เวิร์ดที่สื่อถึงคำนิยาม และคีย์เวิร์ดบอกโลเคชัน เพื่อช่วยทำให้คำคำนั้นเฉพาะเจาะจง ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น เช่น “ประกันรถยนต์คืออะไร” หรือ “ร้านขายเฟอร์นิเจอร์มือสอง นนทบุรี” เป็นต้น

Keyword สำคัญอย่างไร ทำไมคนทำเว็บไซต์ต้องให้ความสำคัญ

Keyword คือตัวช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเจอเว็บไซต์ของคุณ

ท่ามกลางหน้าเว็บฯ มากมายที่อาจพูดถึงเรื่องเดียวกัน จะมีวิธีไหนบ้างที่ช่วยให้เว็บฯ คุณโดดเด่นออกมาอยู่อันดับบน ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าคลิกมากที่สุด? สิ่งนั้นก็คือการเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม ทั้งในแง่ของเนื้อหาและสถิติการค้นหา

เพราะการซื้อของแบบออฟไลน์ ลูกค้ายังมีโอกาสผ่านไปมาตามสถานที่ต่าง ๆ แล้วเห็นร้านคุณ แต่ในโลกออนไลน์ การที่คนจะเจอเว็บไซต์ของคุณไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะลูกค้าจะไม่พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ของคุณเพื่อค้นหาโดยตรง ดังนั้น จึงต้องอาศัยคีย์เวิร์ดเป็นทั้งป้ายบอกทางและตัวกรอง เพื่อให้ลูกค้าเจอร้านของเราง่ายขึ้น

Keyword คือตัวช่วยในการวางแผนทำคอนเทนต์ที่ดี

นอกจากจะเป็นตัวเชื่อมให้ลูกค้ารู้จักเว็บไซต์แล้ว คีย์เวิร์ดยังช่วยเป็นตัวตั้งต้นในการเริ่มทำคอนเทนต์และการโปรโมตทั้งการเขียนบล็อกหรือทำหน้าเว็บฯ ใหม่ด้วยเช่นกัน โดยแนะนำว่าอาจเลือกหัวข้อคอนเทนต์โดยเน้นให้เชื่อมโยงกับคีย์เวิร์ดที่ต้องการ เพียงเท่านี้ก็จะเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยดึงลูกค้ามาเจอธุรกิจของเราได้

 

Keyword Tool โปรแกรมหา Keyword ฟรีที่เรารวบรวมมาให้!

Keyword Tool คือเครื่องมือที่ช่วยให้การค้นหา Keyword ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยจะทำให้รู้ว่าผู้ใช้ปัจจุบันใช้คำอะไรค้นหาข้อมูลบน Search Engine ซึ่งโดยทั่วไปจะให้ข้อมูลสำคัญอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น แสดงปริมาณผู้ใช้ที่ค้นหาแต่ละ Keyword, ความยากง่ายในการทำ SEO ของแต่ละ Keyword, ประเมินราคาในการประมูลซื้อ Search Ads รวมไปถึงช่วยวิเคราะห์เว็บไซต์ เช่น อันดับ การแชร์ จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ เป็นต้น

โดยโปรแกรมค้นหา Keyword ยอดนิยมที่เราอยากแนะนำ มีดังนี้

Ahrefs

Ahrefs เป็นเครื่องมือทำ SEO ที่มีสารพัดฟีเจอร์ช่วยวิเคราะห์และปรับแต่งเว็บไซต์ SEO ของคุณให้ดีขึ้น โดยสำหรับการหาคีย์เวิร์ดนั้น นักทำ SEO ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ใน Ahrefs ที่ชื่อว่า Keyword Explorer ช่วยค้นหาคีย์เวิร์ดในการทำ SEO ได้ โดยสามารถเลือกกรอก Keyword เลือกแพลตฟอร์มที่ต้องการค้นหาคีย์เวิร์ดนั้น เช่น Google, Youtube, Amazon, Bing, Yahoo เลือก Location เป็นประเทศไทย จากนั้นกด Find Keyword ไอเดียของคีย์เวิร์ดก็จะปรากฏออกมามากมายทั้ง Search Volume, Keyword Difficulty, Traffic Potential, Global volume, Keyword ideas ไปจนถึง Position history

keyword คืออะไร ค้นหา keyword ด้วย Ahrefs

Semrush

Senrush คือเครื่องมือทำ SEO แบบครบวงจรที่นักการตลาดสามารถใช้ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกในเว็บไซต์ได้ทั้งฝั่งของตนเองและคู่แข่ง โดยเครื่องมือตัวนี้มีฟีเจอร์สำหรับค้นหาคีย์เวิร์ดที่ชื่อว่า Keyword Research ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าคีย์เวิร์ดหลักของเว็บไซต์เราอยู่ในอันดับใด นอกจากนี้ เรายังสามารถเข้าไปดูคีย์เวิร์ดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดหลักของเรา เพื่อดูอัตราการแข่งขันกับเว็บไซต์อื่น ๆ ได้ด้วย

keyword คืออะไร ค้นหา keyword ด้วย Semrush

 Keywordtool.io

keywordtool.io คือโปรแกรมค้นหา Keyword ฟรีอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจุดเด่นที่สามารถแสดงคีย์เวิร์ดที่อาจถูกปิดการค้นหาเอาไว้ เครื่องมือตัวนี้ยังสามารถใช้ค้นหาคีย์เวิร์ดแบบ Long-tail keyword ได้มีคุณภาพ อีกทั้งยังสามารถใช้วิเคราะห์ค้นหาและวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่ถูกนำไปใช้กับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ เช่น Youtube, Bing, Amazon ได้อีกด้วย

keyword คืออะไร ค้นหา keyword ด้วย Keyword.io

Google Suggestion

หากต้องการค้นหา Keyword วิธีแรกที่ง่ายที่สุดคือการหาไอเดียจาก Google Suggestion หรือก็คือผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องที่โชว์ให้คุณเห็นตอนกำลังเซิร์ชคำใดคำหนึ่งลงไป ซึ่งทาง Google ก็จะแนะนำคำที่เกี่ยวข้องเป็นคีย์เวิร์ดเพิ่มเติมดังในภาพนี้

keyword คืออะไร วิธีการค้นหา keyword

นอกจากนี้ คุณยังสามารถดู Keyword เพิ่มเติมได้ที่ Related searches ในตำแหน่งท้ายสุดของหน้าผลลัพธ์การค้นหาก็ได้ ซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่คำ Keyword ที่เราค้นหาโดยตรง แต่ Google ก็จะแนะนำคำที่เกี่ยวข้องหรือมีผู้ใช้ค้นหาจำนวนมาก ตามตัวอย่างในภาพด้านล่างนี้

ตัวอย่างการทำ keyword research

Google Keyword Planner

Google Keyword Planner เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือช่วยค้นหาคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมผ่านฐานข้อมูลของ Google โดยตรง วิธีการใช้งาน คือ

  • สมัครและเข้าใช้งานบัญชี Google Ads จากนั้นจึงไปที่ Tools > Planning > Keyword Planner
  • เลือก Discover New Keywords โดยฟังก์ชันนี้จะช่วยให้คุณได้ไอเดียคีย์เวิร์ดใหม่ ๆ โดยสามารถป้อนคำค้นหาที่สนใจลงไป พร้อมเลือกโลเคชัน จากนั้น Google จะแสดงผลลัพธ์เป็น Keyword Ideas พร้อมผลการค้นหาและข้อมูลตัวเลขอื่น ๆ ที่ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกคีย์เวิร์ดได้ง่ายขึ้น

โดยผลลัพธ์จาก Google Keyword Planner สามารถใช้เป็นไอเดียทำ SEO หรือใช้เป็นข้อมูลประกอบเวลาต้องการวางงบประมาณทำ Google Ads ได้ เพราะโปรแกรมนี้จะมีการจัดกลุ่มของคีย์เวิร์ดในธีมเดียวกัน เพื่อให้คอนเทนต์ของคุณเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น

แล้วธีมคีย์เวิร์ดคืออะไร? ธีมคีย์เวิร์ดคือคำหรือวลีที่แทนกลุ่มคำที่คล้ายกันอีกหลายรายการ ซึ่งหากคุณเลือกให้โฆษณาของคุณแสดงผลเมื่อลูกค้าค้นหาคำใดคำหนึ่งในธีม เช่น “ร้านอาหาร” โฆษณาของคุณก็สามารถแสดงผลเมื่อลูกค้าค้นหาคำอื่นในธีม “ร้านอาหาร” ได้ด้วยเช่นกัน เช่น “ร้านอาหารใกล้ฉัน” “ร้านอาหาร ราคา”

keyword คืออะไร ค้นหา keyword ด้วย google trend

Google Trend

Google Trend ก็ใช้ทำ Keyword Research ได้เช่นเดียวกัน โดยคุณสามารถเซิร์ชคำที่สนใจ หรือดูผลการค้นหาที่กำลังเป็นเทรนด์ได้จากช่อง Recently trending

Ubersuggest

Ubersuggest เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดจาก Neil Patel ที่สามารถใช้งานได้ฟรี 3 ครั้งต่อวัน หรือหากซื้อแพ็กเก็จเพิ่มเติมก็จะปลดล็อกฟังก์ชันที่ช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยคุณสามารถใส่คีย์เวิร์ดหรือโดเมนที่ต้องการลงในช่องค้นหาเพื่อดู Search Volume, SEO Difficulty, Cost per Click และ Paid Difficulty ได้ (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Ubersuggest ได้ที่นี่

5 ลักษณะของ Keyword ที่ดีที่คุณควรเลือกใช้

เมื่อรู้วิธีค้นหาคีย์เวิร์ดไปแล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่าคำไหนควรเลือกมาใช้บ้าง? โดย Keyword ที่ดีคือคำที่มีคุณสมบัติเหล่านี้

1. มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์

หากหน้าเว็บฯ ของเราเป็นหน้าขายสินค้าประเภทโซฟา ก็ควรเลือกเฉพาะคำที่เกี่ยวข้อง หรือบอกคุณสมบัติ ประเภท ชื่อรุ่น เฉพาะของโซฟาเท่านั้น

2. แข่งขันได้

เป็นคำที่มีศักยภาพในการแข่งขันและเป็นคำที่คู่แข่งยังไม่ใช้หรือใช้ในปริมาณน้อย

3. มีประสิทธิภาพตามเวลาและงบประมาณ

เป็นคำที่สามารถทำให้หน้าเว็บฯ ติดอันดับได้จริง ๆ ตามเวลาและงบประมาณที่มี ไม่ใช่คำที่ยากเกินไป ดูเป็นไปไม่ได้ หรือไม่มีคนเซิร์ชจริง

4. Search Volume และ Search Intent สมดุลกัน

เลือกคำที่มีทั้งปริมาณการเซิร์ชและคำที่สื่อถึงจุดประสงค์ในการเซิร์ชชัดเจน เช่น จากเดิมคำว่า “โทรศัพท์ ซัมซุง” ที่มี Search Volume สูงอยู่แล้วก็อาจเพิ่ม Search Intent ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เป็น “ซื้อ โทรศัพท์ ซัมซุง” ก็จะช่วยเพิ่มความชัดเจนมากขึ้นว่าคนเซิร์ช “ต้องการซื้อ”

5. คีย์เวิร์ดช่วยเพิ่มยอดขาย

เลือกคีย์เวิร์ดที่มีศักยภาพในการดึงดูดลูกค้าและสร้างยอดขายได้ เช่น “ฝักบัว ราคาถูก” หรือคำที่เป็นผลดีต่อสินค้าและแบรนด์ในระยะยาว เช่น “กระเบื้องคุณภาพ

สรุป

จะเห็นได้เลยว่า Keyword ดีมีชัยด้าน SEO ไปกว่าครึ่ง ดังนั้น หากคุณเป็นผู้ประกอบการ เอเจนซี SEO หรือนักการตลาดที่รับทำ SEO โดยตรง การศึกษาเรื่อง Keyword Research ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย อย่างไรก็ดี หากคุณไม่รู้จะเริ่มอย่างไร หรือไม่รู้จะใช้โปรแกรมไหนถึงจะเหมาะกับธุรกิจขอบคุณมากที่สุด สามารถปรึกษา Primal Digital Agency ของเราได้เลย เราคือเอเจนซีการตลาดชั้นนำของประเทศไทย มีผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดกว่า 150 ท่านและที่สำคัญยังมีรางวัลด้าน SEO การันตีมากมายอีกด้วย ถ้าพร้อมแล้วก็กรอกแผนการตลาดเพื่อปรึกษาเราฟรีตอนนี้!