ส่องแนวโน้มเทรนด์ TikTok 2023 ที่คนทำคอนเทนต์ห้ามพลาด

เผลอแป๊บเดียว ปี 2023 ก็ดำเนินมาถึงเดือนมีนาคมแล้วอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่เร็วกว่าจนตามแทบไม่ทันก็คือเทรนด์โซเชียลมีเดียที่มีการอัปเดตอยู่ทุก ๆ ปี และเราในฐานะนักการตลาดก็จำเป็นต้องตามให้ทันเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับใครที่ใช้แอปพลิเคชันวิดีโอสั้นยอดฮิตอย่าง TikTokในการทำการตลาด ยิ่งต้องหมั่นติดตามแนวทางใหม่ ๆ ที่กำลังจะมาถึง เพราะในปีนี้ TikTok ถือเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่คาดว่าน่าจะมาแรงที่สุด ด้วยจุดเด่นที่สามารถสร้างความแปลกใหม่ ความเพลิดเพลิน และความน่าตื่นตาตื่นใจได้ภายในคลิปสั้น ๆ เพียงคลิปเดียว ตลอดจนอัลกอริทึมที่ได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานอยู่เป็นประจำ ทำให้แม้แต่ Facebook หรือ Instagram ก็ยังต้องนำฟีเจอร์บางอย่างของ TikTok มาปรับใช้กับแพลตฟอร์มของตนเองบ้างเพื่อรักษาผู้ใช้งานเก่า ๆ และดึงดูดผู้ใช้งานหน้าใหม่ไปพร้อม ๆ กัน

วันนี้ เราจึงได้รวบรวม TikTok Marketing Trend 2023 หรือเทรนด์ TikTok 2023 ที่น่าสนใจมาไว้ให้เหล่าแบรนด์และธุรกิจได้วางแผนทำการตลาดออนไลน์กันแบบปัง ๆ ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง !

TikTok Algorithm 2023

 

เทรนด์ TikTok 2023 ที่น่าจับตามอง

TikTok จะกลายเป็นแพลตฟอร์มหลักของคนยุคนี้

ดังที่ได้กล่าวไปว่า ในปี 2023 นี้ มีการคาดการณ์ว่า TikTok จะเป็นแพลตฟอร์มที่มาแรงที่สุด หากเป็นยุคก่อนหน้านี้ แอปพลิเคชันแรกที่เราเข้าหลังตื่นนอนคงจะเป็น Facebook, LINE หรือไม่ก็เช็กอีเมล แต่ปัจจุบัน พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียของผู้คนเปลี่ยนไปแล้ว สังเกตได้จากทุกครั้งที่ว่าง หลาย ๆ คนมักจะหยิบมือถือขึ้นมาไถฟีด TikTok กันตลอด เรียกได้ว่าการดูคลิปวิดีโอสั้นบนแพลตฟอร์มนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราเลยทีเดียว

เมื่อคนใช้เวลาบน TikTok มากขึ้น ระยะเวลาการไถฟีดก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น นักการตลาดที่ต้องการโปรโมตแบรนด์ในแพลตฟอร์มนี้จะต้องเตรียมสร้างสรรค์ไอเดียในการผลิตคอนเทนต์เอาไว้เยอะ ๆ ให้ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้ใช้งาน และเพื่อเพิ่มโอกาสให้ตนเองถูกมองเห็นมากที่สุด

อัปเกรดเครื่องมือให้ครีเอเตอร์และแบรนด์ทำธุรกิจง่ายขึ้น

ช่วงหลังมานี้ เมื่อการตลาดออนไลน์เริ่มเข้ามามีบทบาทในโซเชียลมีเดียมากขึ้น แพลตฟอร์มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, YouTube หรือแม้แต่ TikTok เอง ต่างก็พากันออกนโยบายและอัปเดตเครื่องมือใหม่ ๆ ที่สนับสนุนการสร้างคอนเทนต์ของเหล่าธุรกิจให้ง่ายขึ้น ด้วยการส่งเสริมฟังก์ชันดังต่อไปนี้

พัฒนา Creative Center ให้แบรนด์สามารถอัปเดตเทรนด์ได้ทั่วโลก

Creative Center คือ เครื่องมือที่ครีเอเตอร์หรือแบรนด์สามารถเข้ามาอัปเดตกระแสความนิยมของแฮชแทก เพลงที่กำลังมาแรง และคลิปวิดีโอ TikTok ที่มีชื่อเสียงได้ในที่เดียว โดยสามารถเลือกส่องเทรนด์ต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มได้ทั่วโลก และเลือกประเทศที่ต้องการดูได้ตั้งแต่อันดับ 1-100 หรือจะเลือกเป็นช่วงเวลาอย่างเมื่อวาน 30 วันที่แล้ว หรือ 120 วันที่แล้ว เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลและดูแนวโน้มได้เช่นกัน

ต่อยอด WooCommerce เพื่อ TikTok Commerce

WooCommerce คือ เครื่องมือ Open Source ที่ช่วยให้แบรนด์สามารถใช้เทคโนโลยี AI ประกอบกับอัลกอริทึมต่าง ๆ ให้สินค้าของตนเองกลายเป็นไวรัลได้ ด้วยการนำเครื่องมือมาซิงก์กับร้านค้าหรือแค็ตตาล็อกสินค้าบน TikTok พร้อมเครื่องมือการสร้าง In-Feed Ads หรือโฆษณาที่ขึ้นบนหน้าฟีด และ Lead Gen Ads ที่ช่วยยิงโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

เน้นการเซิร์ชเพื่อ Gen Z โดยเฉพาะ

จากการศึกษาพบว่า กลุ่มคนที่ใช้เวลาไปกับแอปพลิเคชัน TikTok มากที่สุด คือ กลุ่ม Gen Z อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีบทบาทในการสร้างความเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกด้วย ส่งผลให้ TikTok เริ่มหันมาโฟกัสกับการเป็น Search Engine แข่งกับ Google แต่จะเน้นปรับปรุงและพัฒนาการเซิร์ชเพื่อกลุ่ม Gen Z โดยเฉพาะ

เซิร์ชจากคอมเมนต์ง่ายกว่าเซิร์ชจากแฮชแทก

ปัจจุบัน เวลาที่ผู้คนจะเซิร์ชหาอะไรนั้น การมีแค่ข้อมูลให้อาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะใคร ๆ ต่างก็ชอบให้มีความเป็นวิชวลประกอบ อย่าง TikTok กับ Instagram ก็นับว่าตอบโจทย์ของการเป็น Search Engine ยุคใหม่ แต่ TikTok จะล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการเพิ่มการเซิร์ชจากคอมเมนต์ โดยเราสามารถคลิกที่คำบนคอมเมนต์ที่ต้องการค้นหา เพื่อค้นหาไปยังคำตอบอื่น ๆ จากคลิป หรือครีเอเตอร์คนอื่นที่มีคีย์เวิร์ดเดียวกันได้

ทำ SEO ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายรายบุคคล

นอกจากนี้ TikTok ยังมีสิ่งที่เหนือกว่าทุกแพลตฟอร์ม นั่นก็คือ การเป็นตัวนำเทรนด์โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียเวลาเซิร์ชหาด้วยตนเอง เพราะอัลกอริทึมของ TikTok มีการพัฒนา SEO ด้วยการเสิร์ฟคอนเทนต์ตามความชอบและความสนใจของผู้ใช้งานแต่ละราย และบางครั้ง เราอาจจะเจอสิ่งที่เราตามหาโดยอัตโนมัติ หรือแม้แต่ค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าเราต้องการสิ่งนี้โดยบังเอิญ ดังนั้น การไถฟีด TikTok ที่เหมือนถูกออกแบบมาเพื่อเราโดยเฉพาะจึงกลายเป็นเรื่องสนุกที่หยุดไม่ได้

ทริคทำการตลาดบน TikTok

คอนเทนต์ Local จะเพิ่มมากขึ้น

เมื่อ TikTok เริ่มก้าวเข้าสู่สนาม Search Engine อย่างเป็นทางการ ความเป็นท้องถิ่น (Local) หรือคอนเทนต์ “Nearby” ก็จะเริ่มมีมากขึ้นตามมา กล่าวคือ ผู้ใช้งานจะได้เห็นคอนเทนต์จากครีเอเตอร์ที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงกันมากขึ้น อีกทั้งในอนาคตอันใกล้ เรายังจะสามารถหาสถานที่ท่องเที่ยว หรือร้านอาหารตามสถานที่ที่ไปง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเสียเวลาเซิร์ชเลย

เตรียมขยาย Creator Licensing ในการโฆษณา

เมื่อผู้ใช้งานหันมาเสพคอนเทนต์วิดีโอสั้นบน TikTok เยอะขึ้น และบางส่วนก็ผันตัวมาเป็นครีเอเตอร์ สิ่งที่ตามมาอย่างแน่นอนคือ “โฆษณา” แต่ TikTok มีนโยบายว่าจะไม่ทำให้โฆษณากลายเป็นเรื่องน่ารำคาญสำหรับผู้ใช้งาน จึงคิดค้นฟังก์ชัน In-Feed Ads ขึ้นมา เพื่อให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด ไม่ต้องยิงโฆษณาแบบหว่านแหโดยที่ไม่รู้ว่าผู้พบเห็นเป็นกลุ่มเป้าหมายของตนเองจริงหรือไม่

นอกจากนี้ เมื่อ TikTok เล็งเห็นว่าผู้ใช้งานหลายคนติดตามครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์ม เพราะชอบความคิดสร้างสรรค์และความครีเอทิฟในคอนเทนต์ TikTok จึงนำสิ่งนี้มาใช้กับการโฆษณา ด้วยการมี “Creator Licensing” หรือก็คือเป็นการลงโฆษณาบนแอ็กเคานต์ของครีเอเตอร์ คล้าย ๆ กับการทำ Influencer Marketing แต่ Creator Licensing จะเป็นคอนเทนต์จากทางแบรนด์ ที่นำไปลงในช่องของครีเอเตอร์ ซึ่งจะทำให้ได้ยอดการมีส่วนร่วม (Engagement) ดีกว่าการลงในช่องทางของแบรนด์เอง เพราะผู้ชมจะรู้สึกเหมือนครีเอเตอร์ที่ตนเองกำลังติดตามมาพูดคุย บอกต่อสิ่งดี ๆ กับตนเอง ถือเป็นการกระตุ้นการดูโฆษณาของแบรนด์ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งหากโฆษณามีความน่าสนใจ สามารถดึงดูดผู้ชมให้ดูได้จนจบ แบรนด์ก็แทบไม่ต้องลงแรงอะไรเลย นอกจากเลือกครีเอเตอร์มาให้เหมาะสมกับแบรนด์เท่านั้น

หลายอุตสาหกรรมจะเริ่มเติบโตบน TikTok

ตั้งแต่ช่วงที่เกิดโรคระบาดเป็นต้นมา นอกจาก TikTok จะเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยมอบความสนุก เพลิดเพลิน และเป็นจุดกำเนิดความคิดสร้างสรรค์ของคนทั่วโลกแล้ว ธุรกิจหลาย ๆ อุตสาหกรรมก็ยังเติบโตมากขึ้นที่แพลตฟอร์มนี้ ผ่านการสร้างแคมเปญ หรือชาเลนจ์ (Challenge) ต่าง ๆ ให้คนเล่นตาม จนสามารถสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น

  • อุตสาหกรรมความงาม (Beauty) : เครื่องสำอาง บิวตีบล็อกเกอร์ นับเป็นหนึ่งในเทรนด์ TikTok 2023 ที่กำลังมาแรง และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
  • อุตสาหกรรมอาหาร (RecipeTok) : หากพูดถึง TikTok จะขาดเรื่องการทำอาหารไปไม่ได้เลย เพราะคนหลายกลุ่มชอบที่จะดูคลิปทำอาหาร หรือเรียนรู้สูตรอาหารต่าง ๆ ที่สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ที่บ้าน
  • คอมมิวนิตีของคน Gen Z : หลายคอมมิวนิตีบน TikTok เริ่มมีการจับกลุ่มใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคน Gen Z ที่มีความสนใจเฉพาะกลุ่มที่หลากหลาย และเป็นกลุ่มคนที่ใช้งาน TikTok มากที่สุด
  • คอมมิวนิตีคนรักหนังสือ (BookTok) : คอมมิวนิตีนี้ ในไทยอาจจะยังไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก แต่ในต่างประเทศนั้นมีทั้งชาเลนจ์และแคมเปญมากมายที่สนับสนุนคอมมิวนิตีนี้อยู่ เช่น การถ่ายคลิปรีวิวร้านหนังสือหรือห้องสมุด เป็นต้น

ปี 2023 คือยุคทองของไมโครอินฟลูเอนเซอร์

ในขณะที่ปี 2022 นับว่าเป็นยุคทองของอาชีพอินฟลูเอนเซอร์แล้ว ปี 2023 นี้ “ไมโครอินฟลูเอนเซอร์” จะยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก กล่าวคือ ไม่ต้องเริ่มจากการมีฐานแฟนคลับจำนวนมากเหมือนแต่ก่อน เพราะทุกวันนี้ใคร ๆ ก็สามารถเป็นครีเอเตอร์ได้ เพียงแค่มีไอเดียแปลกใหม่ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้ดูน่าสนใจ ก็สามารถกลายมาเป็นไวรัลหรือผู้นำเทรนด์บางอย่างได้ภายในชั่วข้ามคืน และหลังจากการสร้างฐานผู้ชมได้บางส่วนแล้ว การลงคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยให้มีผู้ติดตามมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้อีกด้วย

 

สรุปเทรนด์ TikTok 2023

ทั้งหมดนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการคาดการณ์เทรนด์ TikTok 2023 ที่มีแนวโน้มว่าจะแข่งขันกันดุเดือดขึ้น เนื่องจาก TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มที่มาแรงอันดับหนึ่งแซงทุกโซเชียลฯ ในขณะนี้ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยครีเอเตอร์หน้าใหม่ แบรนด์ใหม่ และเทรนด์ใหม่เกิดขึ้นไม่ซ้ำกันอยู่แทบทุกวัน

ทว่าสิ่งที่น่ากลัวอาจไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่เป็นการที่ยังไม่ลงมือทำมากกว่า หากใครสนใจทำการตลาดบน TikTok แต่ยังไม่มีไอเดียว่าจะทำแบบไหนดี Primal Digital Agency บริษัทรับทำการตลาดแบบครบวงจรชั้นนำของไทย ยินดีให้ความช่วยเหลือในทุกแง่มุมของการตลาด เพื่อให้ธุรกิจของคุณถูกมองเห็นมากยิ่งขึ้น และมีโอกาสเพิ่มยอดขายได้มากกว่าที่เคย ติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาได้เลยวันนี้