เพิ่มยอดขายให้มากขึ้นด้วย 10 เทคนิควิธีขายของในไอจีแบบเบสิก

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมมากในขณะนี้คงหนีไม่พ้น “อินสตาแกรม (Instagram)” ซึ่งหลาย ๆ ธุรกิจก็หันมาใช้แพลตฟอร์มนี้ในการทำการตลาด ทั้งยังเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นขายของออนไลน์ด้วย แต่เมื่อมีคู่แข่งจำนวนมาก ปัญหาที่ตามมาคือ เราจะทำอย่างไรให้แบรนด์ของตัวเองมีความโดดเด่นมากกว่าแบรนด์อื่น ๆ ดังนั้น บทความนี้จะมาบอก 12 เทคนิคง่าย ๆ ในการโปรโมท IG เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น รวมถึงเพิ่มยอดขายให้ปังแบบไม่มีตก!

การโปรโมท IG ทำยังไง

1. เปลี่ยนบัญชีไอจีจาก Personal เป็น Business

สำหรับคนที่กำลังจะเริ่มต้นขายของใน IG ควรเริ่มจากการเลือกใช้บัญชีธุรกิจ (Business Account) แต่ถ้าหากใครที่มีไอจีอยู่แล้วและไม่อยากสร้างใหม่ ก็สามารถใช้อันเดิมได้เลย เพียงแต่เปลี่ยนจากบัญชีส่วนบุคคล (Personal Account) มาเป็นบัญชีธุรกิจก็พอ เพราะบัญชีธุรกิจนั้นถูกออกแบบมาเพื่อการทำธุรกิจโดยเฉพาะ จึงทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายกว่าบัญชีส่วนบุคคลทั่วไป ซึ่งมีข้อดีคือ ทำให้ไอจีของเรามีความน่าเชื่อถือและความเป็นมืออาชีพมากขึ้น เปรียบเสมือนกับเป็นการยืนยันตัวตนและความโปร่งใสของร้านค้าในเบื้องต้น นอกจากนี้ บัญชีธุรกิจยังมีฟีเจอร์พิเศษแตกต่างจากบัญชีทั่วไป ดังนี้

  • สามารถเชื่อมลิงก์ร้านค้าเข้ากับไอจีสตอรี (Stories IG) ได้ 
  • บัญชีธุรกิจจะมีปุ่ม Shop ซึ่งสามารถซื้อ-ขายสินค้าบนไอจีได้โดยตรง ไม่ต้องพึ่งแอปฯ อื่น
  • สามารถดูข้อมูล Insight ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของลูกค้า จำนวนผู้เข้าชม ยอดคลิก หรือความสำเร็จของโพสต์ เป็นต้น ซึ่งเราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์เพื่อวางแผนทำการตลาดต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

2. สร้างโปรไฟล์ที่น่าเชื่อถือ

สิ่งสำคัญที่สุดในการขายของออนไลน์คือความน่าเชื่อถือ เพราะลูกค้าไม่มีทางรู้ได้เลยว่าร้านไหนมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ ฉะนั้นแล้ว การสร้างโปรไฟล์ธุรกิจอย่างเดียวบางทีอาจจะยังไม่พอ แต่เรายังต้องสร้างความน่าไว้วางใจให้มากกว่านั้น โดยวิธีการดังต่อไปนี้

  • ตั้งรูปโปรไฟล์เป็นรูปที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ของตนเอง หรือจะให้ดีที่สุดก็คือ มีโลโกแบรนด์เป็นของตัวเองไปเลย เพื่อสร้างการจดจำแก่กลุ่มเป้าหมาย
  • ตั้งชื่อแบรนด์และชื่อบัญชีให้อ่านง่ายแต่มีความเป็นทางการ ไม่ควรยาวเกินไป หรือใส่อักขระพิเศษจนทำให้อ่านยาก เพื่อให้ลูกค้าหาชื่อไอจีของเราเจอได้ง่ายกว่า
  • เขียนข้อมูลลงบนคำอธิบายโปรไฟล์ หรือ “ไบโอฯ” ให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ชื่อแบรนด์หรือชื่อธุรกิจ ประเภทของธุรกิจ (หากใช้โปรไฟล์ธุรกิจ จะมีตัวเลือกให้กดเลือกได้เลย เช่น Clothing, Food & Drink, Accessories ฯลฯ) และลิงก์เว็บไซต์หรือช่องทางการติดต่ออื่น ๆ เช่น Facebook, Shopee, Lazada, LINE OA, เบอร์โทร หรือพิกัดหน้าร้าน (ถ้ามี)
  • ใส่ข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็น เช่น หากเป็นร้านพรีออร์เดอร์ ควรระบุให้ชัดเจนว่าลูกค้าจะต้องรอสินค้าประมาณกี่วัน เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดว่าเป็นของพร้อมส่ง

เมื่อบัญชีของเราดูมีความน่าเชื่อถือแล้ว ก็จะช่วยดึงดูดกลุ่มคนให้เข้ามาดูโปรไฟล์ของเราได้มากขึ้น และมีโอกาสเพิ่มยอดผู้ติดตามในไอจีเพื่อสร้างฐานลูกค้าที่มากกว่าเดิมได้อีกด้วย

 

3. รูปภาพสินค้าสวยงาม แต่ต้องตรงปก!

แน่นอนว่าไอจีที่น่าติดตามคือไอจีที่ลงรูปภาพสวย ๆ โดยหากเราอยากเป็นร้านค้าที่ได้รับความนิยมบนแพลตฟอร์ม หนึ่งในวิธีการโปรโมท IG ที่ดีที่สุดก็คือ การลงทุนลงแรงกับการถ่ายภาพสักนิด ด้วยวิธีการ ดังนี้

  • จัดองค์ประกอบรูปภาพให้สวยงาม กล่าวคือ พยายามจัดวางสินค้าให้มีความสมดุลกัน เพื่อที่เวลาถ่ายภาพออกมาแล้วจะได้ดูดี น่ามอง โดยอาจหาดูตัวอย่างตามเพจ เว็บไซต์สินค้า หรือนิตยสารต่าง ๆ ได้
  • จัดหาพร็อพฯ สวย ๆ น่ารัก ๆ มาประกอบฉากเพื่อเพิ่มกิมมิก แต่ไม่ควรเด่นกว่าตัวสินค้า
  • ใช้นางแบบ/นายแบบ โดยเฉพาะร้านขายเสื้อผ้า หรือเครื่องประดับ การเลือกใช้นางแบบหรือนายแบบที่มาสวมใส่สินค้านั้น ๆ ให้ดูจะน่าสนใจกว่าการใช้ภาพเสื้อใส่ไม้แขวนธรรมดา เพราะจะทำให้ลูกค้าเห็นภาพชัดขึ้นว่าเวลาใส่สินค้าจริง ๆ แล้วจะเป็นแบบใด
  • คิดคอนเซปต์ใหม่ ๆ ในการถ่ายภาพเพื่อสร้างอัตลักษณ์ให้แก่แบรนด์ของตัวเอง

แต่ในขณะเดียวกัน ไม่ว่าภาพจะสวยขนาดไหน สิ่งสำคัญคือต้องอย่าลืมว่าภาพนั้น ๆ ต้องเหมือนหรือใกล้เคียงสินค้าจริงมากที่สุด หรือที่เรียกว่า “ตรงปก” ด้วย! เพราะถ้าหากเราแต่งสีเพี้ยนจากความเป็นจริงไปมากจนไม่เหลือเค้าเดิม ก็มีสิทธิ์โดนลูกค้าต่อว่าได้ว่าขายสินค้าไม่ตรงปก และเมื่อเกิดการบอกต่อไปเช่นนั้น สินค้าของเราก็อาจจะขายไม่ได้อีก และอย่าลืมใส่ลายน้ำหรือโลโกของแบรนด์ลงไปในภาพ เพื่อป้องกันการนำภาพไปใช้ต่อในทางที่ผิดด้วยนะ!

 

4. ใส่ข้อมูลในแค็ปชันให้ครบถ้วน

สิ่งสำคัญของวิธีขายของในไอจีคือการใส่ข้อมูลสินค้าให้ครบถ้วนและชัดเจน เพราะส่วนนี้จะช่วยอธิบายได้ว่าสินค้าของเราคืออะไร ซึ่งควรเขียนให้กระชับ เข้าใจง่ายมากที่สุด เพราะถ้าหากยาวเกินไปก็อาจทำให้ลูกค้าเลื่อนผ่านไปโดยที่ไม่อ่าน หรือถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ โอกาสที่จะขายได้ก็แทบเป็นศูนย์เลยทีเดียว โดยสิ่งที่ควรใส่ในแค็ปชัน ได้แก่

  • ชื่อสินค้า รุ่น ยี่ห้อ
  • ราคา (สำคัญมาก ต้องใส่ทุกครั้ง ห้ามปกปิดเด็ดขาด)
  • รายละเอียดสินค้า เช่น ขนาด สี ความจุ ฯลฯ
  • สถานะของสินค้า (พร้อมส่ง หรือพรีออร์เดอร์)
  • ช่องทางการสั่งซื้อ
  • โปรโมชัน ของแถม ส่วนลด
  • ค่าจัดส่ง

นอกจากนี้ เราอาจเพิ่มเติมข้อมูลอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น จุดเด่นของสินค้า แบรนด์ของเราต่างจากแบรนด์อื่นอย่างไร เป็นต้น และสามารถใส่อิโมจิประกอบข้อความเพื่อทำให้ดูน่าอ่านมากขึ้นได้อีกด้วย

 

5. ใช้แฮชแทกที่เกี่ยวข้องกับสินค้าในการโปรโมท IG

อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในแค็ปชัน คือการใส่ “แฮชแทก (#)” โดยเฉพาะร้านค้าออนไลน์ที่เพิ่งเปิดใหม่ ยอดผู้ติดตามยังไม่มากนัก แฮชแทกที่เกี่ยวข้องกับสินค้าจะช่วยให้โพสต์ของเราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น โดยแฮชแทกที่ใช้ควรเป็นคำสั้น ๆ หรือคีย์เวิร์ดที่คนมักใช้ค้นหา และต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราขายด้วย เช่น หากเรากำลังขายเคสมือถือ แฮชแทกที่ควรมีก็คือ #เคสมือถือ #เคสไอโฟน #เคสซัมซุง เป็นต้น ในส่วนนี้อาจจะต้องมีการรีเซิร์ชกันบ้าง แต่รับประกันว่าการใช้แฮชแทกที่ถูกต้องนั้นเห็นผลจริงอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น เราอาจสร้างแฮชแทกสำหรับร้านค้าของเราเองเพื่อใช้จัดหมวดหมู่สินค้าเอาไว้ด้วยก็ได้ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าหาสินค้าในร้านได้ง่ายขึ้น เช่น ใส่แฮชแทกชื่อร้านแล้วตามด้วยคำว่า “พร้อมส่ง” เป็นแฮชแทกสำหรับรวบรวมโพสต์สินค้าพร้อมส่ง ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ทั้งลูกค้าและคนขายไปพร้อม ๆ กัน

 

6. โพสต์ให้ถูกเวลา

อีกเทคนิควิธีขายของในไอจีคือการโพสต์ให้ถูกเวลา โดยช่วงเวลาที่คนมักเล่นอินสตาแกรมคือช่วงตื่นนอน 07:00-09.00 น. ช่วงพักเที่ยง 11.00-12.00 น. และช่วงหลังเลิกงาน 17.00 น. เป็นต้นไป และแนะนำว่าให้โพสต์วันธรรมดา เพราะวันเสาร์-อาทิตย์มักจะได้ยอดการมีส่วนร่วม (Engagement) น้อยกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ควรยึดจากสถิติผู้เข้าชมโปรไฟล์ของเราเอง ว่าส่วนมากแล้วผู้ชมมักเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับบัญชีของเราในวันไหนและเวลาใดมากที่สุด เพื่อที่จะได้กำหนดเวลาโพสต์ให้ตรงกับเวลาที่กลุ่มเป้าหมายเข้ามาเล่นนั่นเอง

 

7. โพสต์รีวิวและฟีดแบ็กจากลูกค้า

เวลาที่มีลูกค้าโพสต์รูปที่มีสินค้าของเราอยู่ในนั้นแล้วแท็กไอจีมาหาร้าน เราสามารถขออนุญาตลูกค้าเพื่อนำรูปดังกล่าวมารีโพสต์ได้ หรือแชร์ลงสตอรีแล้วเก็บรวบรวมไว้เป็นไฮไลต์ เพราะรีวิวและฟีดแบ็กจะยิ่งช่วยทำให้ลูกค้าคนอื่น ๆ ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แล้วยังมีโอกาสเพิ่มจำนวนผู้ติดตามได้อีกด้วย

 

8. ใช้โฆษณาบน Instagram

ปัจจุบันนี้ ร้านขายของใน IG หลายร้านก็ใช้ฟังก์ชันโฆษณาบน Instagram หรือ Instagram Ads เข้ามาช่วยในการโปรโมท IG ร้านให้ดีขึ้น เพราะข้อดีคือเราสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เลือกงบประมาณ และจำนวนวันที่อยากโปรโมทได้ด้วยตนเอง ทั้งยังเป็นการขายของแบบที่มืออาชีพเขาทำกันด้วย ดังนั้น ถ้าหากอยากได้การมองเห็นเพิ่มในระยะเวลาที่รวดเร็วและเห็นผลจริง แนะนำให้หันมาลงทุนกับการซื้อโฆษณาบนไอจีจะดีกว่า โดยโฆษณาจะมีให้เราเลือกโปรโมทได้หลากหลายรูปแบบ ดังนี้

  • Photo Ads คือ โฆษณาในรูปแบบการโพสต์ภาพนิ่ง
  • Video Ads คือ โฆษณาในรูปแบบการโพสต์วิดีโอความยาวไม่เกิน 1 นาที เหมาะสำหรับการพรีวิวสินค้าหรือคอลเล็กชันใหม่
  • Carousel Ads คือ โฆษณาในรูปแบบอัลบั้มรูปภาพ ซึ่งจะลงได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอในโพสต์เดียว เหมาะสำหรับเวลาที่ต้องการนำเสนอความหลากหลายและดีเทลของสินค้า
  • Stories Ads คือ โฆษณาในรูปแบบไอจีสตอรี โดยโฆษณาประเภทนี้เป็นที่นิยมมาก เพราะมีความสะดุดตาและดึงดูดลูกค้าได้มากที่สุด แล้วยังสามารถแท็กร้านค้าหรือใส่ลิงก์บัญชีธุรกิจของร้านให้ลูกค้าเข้ามาติดตามต่อได้ง่าย ๆ อีกด้วย
  • Reels Ads ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดบนอินสตาแกรมที่จะช่วยให้การขายของใน IG มีลูกเล่นที่น่าสนใจ และดึงดูดคนที่เลื่อนฟีดผ่านไปผ่านมาได้เห็นคลิปวิดีโอสั้น ๆ 30 วินาที โดย Reels จะมีฟังก์ชันต่าง ๆ ให้เลือกใช้มากมายไม่ว่าจะเป็นการใส่เพลง (Background Music) แบบไม่ติดลิขสิทธิ์ การตัดต่อ การเร่งความเร็ว เพื่อเพิ่มความเป็นมืออาชีพให้ขายของได้ปังกว่าเดิม

 

9. ใช้ Influencer ในการช่วยโปรโมทสินค้า

การที่มีเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ หรือบล็อกเกอร์ที่มีผู้ติดตามมาก ๆ บนอินสตาแกรมมาช่วยโปรโมทสินค้าให้เรา จะช่วยให้ร้านค้าไปถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ที่อาจไม่เคยรู้จักเรามาก่อนได้มากขึ้น เพราะการโปรโมทในลักษณะนี้จะทำให้เราสามารถเข้าถึงจำนวนผู้ติดตามของอินฟลูเอนเซอร์หรือบล็อกเกอร์เหล่านั้น แต่ก็ต้องมั่นใจด้วยว่าคนกลุ่มดังกล่าวตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เราต้องการ ไม่เช่นนั้นก็อาจจะเป็นการลงทุนแบบเสียเปล่า แต่ถ้าหากทำถูกวิธี ยอดขายก็จะเพิ่มสูงขึ้นได้ง่าย ๆ วิธีนี้จึงนับว่าเป็นวิธีขายของใน IG ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน

 

10. ปิดการขายให้เร็วที่สุด

เมื่อมีคนสนใจเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดสินค้า เราก็ควรที่จะต้องตอบกลับไปให้ไวที่สุด อย่าทิ้งไว้นานหลายชั่วโมงหรือข้ามวันเด็ดขาด เพราะการตัดสินใจซื้อของลูกค้าสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ถ้าหากเราตอบกลับช้า ก็อาจจะทำให้พลาดโอกาสในการขายสินค้าไปเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น เราต้องอย่าลืมว่าลูกค้ามีตัวเลือกมากมาย ซึ่งเขาสามารถเปลี่ยนใจไปเลือกซื้อสินค้ากับคู่แข่งเราแทนได้เช่นกัน หรือถ้าหากว่าเรามีแชทที่ต้องตอบมากเกินไป ก็อาจใช้บริการแชทบอทเข้ามาช่วยตอบข้อความลูกค้า เพื่อให้การซื้อ-ขายเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

 

สรุป

ทั้ง 10 วิธีนี้เป็นวิธีเบสิกที่ตอบโจทย์สำหรับพ่อค้า-แม่ค้าที่อยากจะเริ่มใช้อินสตาแกรมในการทำการตลาด แต่ยังไม่รู้ว่าจะขายของในไอจียังไงให้ปัง ก็สามารถนำเทคนิคข้างต้นนี้ไปปรับใช้กับธุรกิจของตนเองได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงขั้นตอนเริ่มต้นในการขายของเท่านั้น เพราะยังมีกลยุทธ์อีกมากมายที่เราจะต้องเรียนรู้ต่อไป เพื่อให้ธุรกิจที่ทำอยู่เกิดประสิทธิภาพและยอดขายสูงสุด หากใครต้องการคำปรึกษาในการทำการตลาดออนไลน์ ทาง Primal มีผู้เชี่ยวชาญในการทำโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และพร้อมผลักดันให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตไปอีกขั้น!