เข้าใจการตลาดยุคใหม่ ทำไมถึงควรใช้อิโมจิในการทำมาร์เก็ตติ้ง?

อิโมจิ (Emoji) เป็นสัญลักษณ์ที่นิยมใช้บนโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะปรากฏในหลากหลายรูปแบบ เช่น ใบหน้าที่แสดงถึงสีหน้าและกิริยาอาการต่าง ๆ วัตถุ สถานที่ ลมฟ้าอากาศ สัตว์ ธรรมชาติ เป็นต้น โดยอิโมจิจะเป็นตัวช่วยสื่ออารมณ์ของเราได้ดียิ่งขึ้นในแบบที่ตัวอักษรเพียงอย่างเดียวทำไม่ได้ และปัจจุบันนี้ การใช้อิโมจิไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่การใช้เพื่อความสนุกสนานบนโซเชียลมีเดียเท่านั้น แต่ยังแพร่หลายมาถึงวงการการตลาดออนไลน์ หรือ Social Media Marketing อีกด้วย! ดังนั้น บทความนี้จะกล่าวถึงเหตุผลที่เราควรใช้อิโมจิในการทำมาร์เก็ตติ้ง แต่อันดับแรก เรามารู้จักที่มาของคำว่า “อิโมจิ” กันก่อนดีกว่า

ธุรกิจแบบไหนควรใช้อิโมจิมาร์เก็ตติ้ง

อิโมจิคืออะไร?

Emoji คือ ไอคอนและรูปภาพขนาดเล็กที่ถูกสร้างขึ้นโดย Unicode โดยชื่อ “Emoji” มาจากการรวมกันของคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่น คำว่า e (絵) หมายถึง “ภาพ” และคำว่า moji (字) หมายถึง “ตัวอักษร” มีต้นกำเนิดมาจากโทรศัพท์มือถือของญี่ปุ่นในปี 1997 แต่หลังจากที่อิโมจิได้ถูกเพิ่มเข้าไปในระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์มือถือหลาย ๆ รุ่น การใช้อิโมจิก็เริ่มได้รับความนิยมไปทั่วโลกในปี 2010 และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยในปัจจุบัน มีอิโมจิมากกว่า 3,000 ไอคอนให้เราได้เลือกใช้

 

อิโมจิกับอิโมติคอนต่างกันอย่างไร?

ในยุคสมัยก่อนที่จะมีอิโมจิขึ้นมา เราอาจคุ้นเคยคำว่า “อิโมติคอน (Emoticon)” กันดี แต่พออิโมจิถือกำเนิดขึ้น คำว่าอิโมติคอนก็เริ่มจะเลือนรางไป แต่หลาย ๆ คนอาจยังสับสนว่าสองอย่างนี้เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

หากย้อนกลับไปในยุคที่อินเทอร์เน็ตเพิ่งเริ่มแพร่หลาย ผู้คนเริ่มติดต่อสื่อสารกันผ่านตัวอักษรมากขึ้น แต่เนื่องจากเพียงแค่ตัวอักษรอย่างเดียวนั้นไม่สามารถสื่ออารมณ์ของเจ้าของข้อความได้ทั้งหมด จึงเกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่า “อิโมติคอน” ซึ่งเกิดจากการรวมกันระหว่างคำว่า Emotion และคำว่า Icon ขึ้นมา โดยอิโมติคอนจะเป็นการใช้ตัวอักษรหรืออักขระพิเศษต่าง ๆ พิมพ์ประกอบกันให้ดูคล้ายหน้าตาแบบต่าง ๆ เพื่อใช้สื่อความรู้สึก เช่น : D ^^ -..- O_O

ส่วนอิโมจิ จะต่างจากอิโมติคอนตรงที่ไม่ได้เป็นตัวอักษรและอักขระพิเศษ แต่จะเป็นรูปภาพไอคอนเลย โดยในยุคแรก ๆ จะมีโปรแกรมแช็ตต่าง ๆ เช่น MSN หรือ ICQ ที่นำฟีเจอร์อิโมจิมาใช้ส่งหากัน และบางโปรแกรมมีระบบแปลงอิโมติคอนให้กลายเป็นรูปอิโมจิอัตโนมัติ เช่น หากพิมพ์ : D ก็จะออกมาเป็นอิโมจิรูปยิ้มปากกว้าง เป็นต้น

Emoji บน Smartphone

 

ทำไมจึงควรใช้อิโมจิในการทำมาร์เก็ตติ้ง?

เมื่อการใช้อิโมจิเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แถมในแต่ละปียังมีไอคอนใหม่ ๆ มาเพิ่มให้ใช้กันอย่างหลากหลาย ฉะนั้น นักการตลาดจึงไม่ควรมองข้ามความสำคัญของไอคอนเหล่านี้ไป เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความน่ารักให้ข้อความของเราแล้ว อิโมจิยังเป็นปัจจัยที่ช่วยดึงดูดคนอ่านให้รู้สึกสนใจในตัวคอนเทนต์ของเรามากขึ้นอีกด้วย โดยเหตุผลที่เราควรใช้อิโมจิในการทำมาร์เก็ตติ้ง มีดังนี้

  • ช่วยเพิ่มยอดการเข้าถึง (Reach) และการมีส่วนร่วม (Engagement) ของโพสต์

การใส่อิโมจิสามารถเพิ่มจำนวนการเข้าถึงและการมีส่วนร่วมของโพสต์ได้มากกว่าการไม่ใส่ โดยข้อมูลจาก Buffer พบว่า เมื่อทดลองทำแคมเปญโฆษณาแบบใส่อิโมจิแล้ว ผลลัพธ์ด้านการมีส่วนร่วมของโพสต์สูงกว่าแคมเปญที่ไม่ได้ใส่อิโมจิถึง 25.4% แล้วยังมี Cost Per Engagement หรือต้นทุนต่อโพสต์ต่ำกว่าโพสต์ที่ไม่ใส่อยู่ที่ 22.2%

นอกจากนี้ การศึกษาล่าสุดยังพบว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของแบรนด์ออนไลน์ที่ใส่อิโมจิในคอนเทนต์ของตัวเอง มีค่า Conversion Rate เพิ่มขึ้นถึง 9%

  • ช่วยทำให้ผู้อ่านเห็นภาพมากยิ่งขึ้น

อิโมจิสามารถสื่อความหมายในเชิงที่ตัวอักษรไม่สามารถทำได้ เพราะตัวอักษรไม่มีน้ำเสียง แต่อิโมจิมีสีหน้าและอารมณ์อยู่ในนั้น ช่วยทำให้ผู้อ่านเห็นภาพชัดเจน แทนคำอธิบายได้ อันนำมาซึ่งความน่าสนใจและความเข้าใจในเนื้อหามากขึ้น ทั้งยังช่วยให้การนำเสนอสินค้าดูมีมู้ดแอนด์โทนที่สนุกสนานด้วย เช่น

“Primal Digital Agency สามารถช่วยเพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ของคุณด้วยกลยุทธ์ที่พิสูจน์มาแล้วว่าได้ผลจริง! 🤩🔥”

  • ช่วยทำให้เกิดการสื่อสารที่เป็นกันเอง

การใส่อิโมจิลงบนข้อความทำให้ภาษาที่ใช้สื่อสารดูเป็นกันเอง แสดงถึงความเข้าถึงได้ง่ายของแบรนด์ ลูกค้าจะได้รู้สึกว่าแบรนด์ของเราเป็นแบรนด์ที่จับต้องได้และหันมาให้ความสนใจ ส่งผลให้อาจมียอดขายเพิ่มมากขึ้นในอนาคต แต่ต้องระวังเรื่องการใช้อิโมจิที่เยอะหรือพร่ำเพรื่อเกินไป เพราะจะทำให้แบรนด์ดูไม่จริงจังและลดความน่าเชื่อถือในสายตาผู้บริโภคลงได้

  • ช่วยเพิ่มบริบทให้แก่เนื้อหา

อิโมจิสามารถช่วยอธิบายข้อความและเพิ่มบริบทที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยสรุปประเด็นเพื่อให้การสื่อสารเนื้อหาที่ยาว ๆ นั้นสั้นลง ทั้งยังช่วยแบ่งสัดส่วนเนื้อหาให้ชัดเจน ทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจประเด็นที่แบรนด์ต้องการจะสื่อได้ง่าย

 

อิโมจิเหมาะกับธุรกิจแบบไหน?

  • ธุรกิจที่ต้องการแสดงอัตลักษณ์ของแบรนด์ ด้วยการเพิ่มสีสันหรือความสนุกสนานในการสื่อสาร
  • ธุรกิจที่ต้องการนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดูเป็นกันเองและเข้าถึงได้ง่าย
  • ธุรกิจที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคน Gen X ลงมา เพราะคนกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีความคุ้นชินและเข้าใจความหมายของอิโมจิที่แบรนด์ต้องการสื่อสารเป็นอย่างดี
  • ธุรกิจที่เข้าใจในความหมายของอิโมจิแต่ละไอคอนได้อย่างถูกต้องก่อนนำไปใช้ในการสื่อสาร

 

วิธีการใช้อิโมจิอย่างถูกต้อง

ด้วยเพราะอิโมจิเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้ในการสื่อสารอารมณ์และสีหน้า ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจความหมายของแต่ละไอคอนเพื่อให้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง เพราะถ้าหากใช้ผิดความหมายแล้วล่ะก็ แคมเปญการตลาดของเราอาจเปลี่ยนจาก “รุ่ง” เป็น “ร่วง” ได้เลยทีเดียว

  • อิโมจิหน้าหัวเราะทั้งน้ำตา 😂

อิโมจิหัวเราะทั้งน้ำตาเป็นไอคอนที่คนใช้บ่อยที่สุดบนโซเชียลมีเดีย อ้างอิงจาก Emoji Tracker โดยชื่ออย่างเป็นทางการของมันคือ “Face with Tears of Joy” คือการแสดงถึงใบหน้าของคนที่หัวเราะจนน้ำตาไหล มักใช้ในการเขียนข้อความด้วยอารมณ์ตลก ๆ

  • อิโมจิรูปหัวใจ ❤️

อิโมจิรูปหัวใจเป็นอีกไอคอนหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะสามารถใช้ได้ในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความรัก ความยินดี หรือให้กำลังใจ โดยปัจจุบัน อิโมจิหัวใจมีหลากหลายสีด้วยกัน ได้แก่ สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน สีม่วง สีดำ สีขาว สีน้ำตาล และสีชมพู แต่หากยึดตาม Emoji Tracker แล้ว จะพบว่าสีแดงคือสีที่ใช้บ่อยที่สุด

  • อิโมจิหน้าร้องไห้ 😭

เป็นอิโมจิซึ่งถูกใช้มากเป็นอันดับสามตามสถิติของ Emoji Tracker และถึงจะเป็นหน้าร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้ถูกใช้แค่ในสถานการณ์ที่น่าเศร้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถใช้ในสถานการณ์ที่น่าตลกขบขันจนอยากร้องไห้ได้ด้วย

  • อิโมจิยกนิ้วโป้ง 👍

โดยทั่วไป การยกนิ้วโป้งคือสัญลักษณ์ซึ่งใช้แทนคำว่า “ตกลง” มักถูกใช้บน Facebook, Linkedin, iMessage หรือ MS Team เพื่อเป็นการยืนยันว่าได้อ่านข้อความนี้แล้ว

  • อิโมจิเวียนหัว 💫

ไอคอนนี้ถูกใครหลายคนเข้าใจผิดกันมานักต่อนักว่าคืออิโมจิดาวตก แต่แท้จริงแล้ว อิโมจินี้คือสัญลักษณ์ที่สื่อถึงอาการมึนงงจนเกิดเอ็ฟเฟ็กต์ดาวกระจายบนหัวต่างหาก

  • อิโมจิกอด 🤗

ชื่อทางการของอิโมจินี้คือ “Happy Face With Hugging Hands” หลาย ๆ คนมักเข้าใจว่าไอคอนนี้แสดงถึงการมีความสุขมาก ๆ แต่หากมองดี ๆ แล้ว ใบหน้าที่กำลังยิ้มแป้นนั้นกำลังพยายามที่จะกอดเรา กล่าวคือ เป็นการแสดงถึงความขอบคุณ การสนับสนุน ความรัก และการเอาใจใส่นั่นเอง

  • อิโมจิให้ข้อมูล 💁‍♀️

อิโมจิ “Information Desk Woman” นี้อาจดูเหมือนผู้หญิงที่กำลังเล่นเส้นผมตัวเองแก้เขิน หรือหลาย ๆ คนก็ใช้ในบริบทเชิงว่า “ไม่รู้สินะ” แต่ความจริงแล้ว ความหมายของอิโมจินี้คือการหยิบยื่นความช่วยเหลือ ทำนองว่า “มีอะไรให้ช่วยไหม” ต่างหาก

 

สรุป

จะเห็นได้ว่า อิโมจิสามารถช่วยเพิ่มสีสันและความน่ารักให้แก่โพสต์ของเราได้อย่างเหลือเชื่อ หากเราใช้อย่างถูกวิธี อิโมจิก็จะสร้างความหมายและภาพในหัวให้แก่ผู้อ่านได้ไม่ยาก ยิ่งไปกว่านั้น การใช้อิโมจิในการทำมาร์เก็ตติ้งยังสามารถสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้แก่ทางแบรนด์ และที่สำคัญคือช่วยเพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน และเพิ่มการมีส่วนร่วมในการสื่อสารหรือ Brand Voice ได้เป็นอย่างดี