SSL Certificate คืออะไรและเว็บไซต์ของคุณต้องมีไหม?

การเติบโตของโลกอินเตอร์เน็ตมีความรวดเร็วอย่างไม่มีข้อสงสัย แต่การเติบโตนั้นก็นำมาซึ่งข้อดีและข้อเสียมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานเว็บไซต์ได้ถูกหยิบยกมาพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง ด้วยเหตุนี้จึงมีการคิดค้นเครื่องมือและระบบต่าง ๆ มากมายจากผู้ให้บริการ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจได้ว่าเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่คุณกำลังเข้าชมอยู่นั้นมีความน่าเชื่อถือ และคุณจะไม่ถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวใด ๆ เกิดขึ้น 

SSL Certificate คืออะไร?

SSL Certificate หรือในชื่อเต็ม ๆ คือ Secure Sockets Layer เป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาโดยบริษัท Netscape ในปี ค.ศ. 1995 เพื่อเป็นใบรับรองความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ให้กับผู้ใช้งาน ว่าข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกส่งไปนั้นจะเป็นความลับและถูกเก็บรักษาอย่างดี ปลอดภัยจากการเข้าถึง คุกคามหรือขโมยข้อมูลจากบุคคลที่ 3 หรือที่เรามักจะเรียกกันติดปากว่า “แฮคเกอร์”

โดยวิธีการสังเกตว่าเว็บไซต์ที่คุณกำลังเข้าใช้งานนั้น ได้รับการยืนยันตัวตนและมีใบรับรองความปลอดภัย SSL Certificate หรือไม่ก็คือ คุณสามารถสังเกตได้จากบริเวณด้านหน้าสุดของ URL ซึ่งหากเว็บไซต์ไหนที่ได้รับการรับรองความน่าเชื่อถือเป็นที่เรียบร้อย จะแสดงตัวอักษร “https” แทน “http” หรือในเว็บบราวเซอร์อย่าง Google Chrome ก็จะแสดงสัญลักษณ์ “แม่กุญแจที่ถูกล็อค” เอาไว้ด้านหน้า เพื่อยืนยันว่าเว็บไซต์นี้ได้รับการรองรับและมีใบรับรองด้านความปลอดภัยในการใช้งานแล้ว 

https ssl certificate

SSL certificate สำคัญขนาดไหน?

อย่างที่บอกไปว่าโลกอินเตอร์เน็ตนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว และธุรกรรมหลาย ๆ อย่างก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายเพียงไม่กี่คลิ๊ก ลองคิดดูว่าง่าย ๆ ว่า คงไม่มีใครอยากให้คนอื่นรู้ข้อมูลส่วนตัวในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ของเรา ยิ่งในการทำธุรกรรมบนโลกอินเตอร์เน็ตด้วยแล้ว เราย่อมต้องการความปลอดภัยที่สามารถช่วยปกป้องข้อมูลเหล่านี้ได้ ซึ่งการมี SSL certificate คือการแสดงถึงความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เหล่านั้น ที่คุณสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกใจมากยิ่งขึ้น 

สำหรับในแง่ธุรกิจและการทำการตลาดออนไลน์นั้น เว็บไซต์ที่ได้รับการรับรองและมี SSL Certificate ยังจะส่งผลถึงการจัดอัลกอรึทึมอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดแรงก์บนหน้าเว็บไซต์ของ Google ที่จะเลือกเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือ รวมถึงการได้รับการรับรอง ดังนั้นหากคุณมีธุรกิจและทำการตลาดออนไลน์อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO, SEM, Google Ads ฯลฯ การที่เว็บไซต์ของคุณมี SSL Certificate ก็จะเป็นเรื่องสำคัญที่คุณไม่อาจเลี่ยงได้

ประเภทของ SSL Certificates

Extended Validation (EV) SSL Certificate

ใบรับรองความน่าเชื่อถือและปลอดภัยระดับสูงสุดของ SSL Certificate ซึ่งมีการตรวจสอบและยืนยันตัวตนอย่างเข้มงวด สำหรับใบรับรองประเภทนี้จะถูกออกให้กับนิติบุคคลเพื่อเป็นการยืนยันว่าเว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของธุรกิจนั้น ๆ และมีความปลอดภัย เหมาะสมสำหรับการใช้งานและการทำธุรกรรมต่าง ๆ อย่างมาก

Organization Validated (OV) SSL Certificate

ใบรับรองความน่าเชื่อถือในระดับที่รองลงมา ซึ่งเหมาะสำหรับธุรกิจหรือองค์กรอย่าง OV SSL Certificate นั้น จะเป็นตัวยืนยันว่าธุรกิจหรือองค์กรของคุณมีตัวตนอยู่จริง ผ่านการจดทะเบียนอย่างถูกต้องและมีสถานที่ตั้งชัดเจน

Domain Validation (DV) SSL Certificate

DV SSL Certificate คือการรับรองความปลอดภัยที่ยืนยันเพียงการเป็นเจ้าของโดเมนเว็บไซต์ที่แท้จริงเท่านั้น สำหรับใบรับรอง SSL ประเภทนี้ จะไม่ค่อยเหมาะสมกับเว็บไซต์ที่ต้องมีการกรอก Username, Password, ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน หรือแม้แต่การทำธุรกรรมต่าง ๆ

อยากให้เว็บไซต์ของคุณมี SSL Certificate บ้างใช่ไหม?

  1. อันดับแรก คุณจำเป็นจะต้องสร้างเว็บไซต์ของคุณขึ้นมาก่อน และทำการจดทะเบียนและจัดการรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้เรียบร้อยตามกระบวนการ 
  2. คุณต้องเลือกว่าเว็บไซต์ของคุณนั้นมีจุดประสงค์อย่างไร และเหมาะสมกับ SSL Certificate ประเภทไหน หากเว็บไซต์ของคุณมีเพียงไว้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ ไม่ได้มีไว้เพื่อประกอบธุรกิจหรือจำเป็นต้องให้ผู้ใช้งานกรอกข้อมูลใด ๆ คุณก็สามารถเลือกในแบบ DV SSL Certificate ได้ แต่ถ้าหากคุณประกอบธุรกิจและมีระบบที่ต้องให้ผู้ใช้งานเข้าไปลงทะเบียน, กรอกข้อมูลส่วนตัวและการทำธุรกรรมต่าง ๆ คุณก็จำเป็นต้องเลือกขอใบรับรอง SSL ประเภท EV หรือ OV ตามแต่ความเหมาะสมของแต่ธุรกิจ 
  3. เตรียมเอกสารการยืนยันตัวตนและรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจของคุณให้ครบถ้วน
  4. เริ่มจดทะเบียนขอใบรับรองเลย! โดยคุณสามารถยื่นขอใบรับรองผ่าน Let’s Encrypt ซึ่งเป็นองค์กรกลางที่ตรวจสอบคุณสมบัติและดำเนินการออกใบรับรอง SSL Certificate ได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่หากธุรกิจของคุณมีขนาดใหญ่และต้องการรับใบรับรอง SSL ขั้นสูงสุด คุณอาจต้องมีผู้เชี่ยวชาญ ที่เข้ามาช่วยจัดการระบบและข้อมูลบนเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความถูกต้องมากที่สุด

รายละเอียดและการขอใบรับรอง SSL Certificate ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คุณคิดใช่ไหมล่ะ! ทีนี้คุณก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการขอใบรับรอง ให้ตรงกับประเภทและความเหมาะสมของธุรกิจด้วย เพื่อที่เว็บไซต์ของคุณจะได้มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น!