Facebook ปิดกั้นการมองเห็นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้ารู้วิธีเอาชนะ!

“Facebook” เป็นแพลตฟอร์ม Social Media ที่มีอัตราผู้ใช้งานสูงที่สุดในโลก ไม่ว่าใคร ๆ ต่างก็มีแอ็กเคานต์ Facebook เป็นของตัวเองทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ร้านขายของออนไลน์ที่เลือกใช้แพลตฟอร์มนี้เป็นช่องทางในการทำธุรกิจของตนเองเช่นกัน ส่งผลให้ในวันหนึ่ง ๆ Facebook ต้องรองรับคอนเทนต์เป็นจำนวนมากกว่าสิบล้านโพสต์ต่อวัน ดังนั้น Facebook จึงจำเป็นต้องคัดกรองคอนเทนต์ที่อัลกอริทึมมองว่ามีคุณภาพ หรือที่คิดว่าผู้ใช้งานคนนั้น ๆ จะสนใจขึ้นมาปรากฏบนหน้าไทม์ไลน์ ส่วนคอนเทนต์ไหนที่อัลกอริทึมคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานก็จะถูกตัดออกไปจากการมองเห็นโดยปริยาย สิ่งนี้เองที่เรามักเรียกว่าเป็นปัญหา Facebook ปิดกั้นการมองเห็น ที่ใครต่อใครหลายคนต้องเจอในการเล่น Facebook ช่วงหลังมานี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้เลย เพราะบทความในวันนี้เราจะมาบอกถึงสาเหตุที่ทำให้ถูกปิดกั้นการมองเห็น รวมไปถึงการเปิดการมองเห็น Facebook ให้แอ็กเคานต์ของเรากลับมาครึกครื้นเหมือนเดิม!

Facebook โดนบล็อกการมองเห็น แก้ยังไง

ทำไมถึงถูก Facebook ปิดกั้นการมองเห็น?

ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า Facebook นั้นมีจำนวนผู้ใช้งานมากมายมหาศาลต่อวัน ทำให้ตัวแอปฯ จำเป็นต้องคัดกรองคุณภาพของแต่ละคอนเทนต์ ว่าคอนเทนต์ไหนควรขึ้นที่หน้าฟีดของใครให้เหมาะสมกับลักษณะของผู้ใช้งานแต่ละบุคคล เพราะถ้าหากว่า Facebook แสดงหมดทุกคอนเทนต์ก็คงเป็นไปไม่ได้ หรือหากเป็นไปได้ก็อาจสร้างความรำคาญให้แก่ผู้ใช้งานบางคนที่ไม่ได้ต้องการเห็นบางคอนเทนต์ และจะทำให้ผู้ใช้งานเหล่านั้นหนีไปใช้แพลตฟอร์มอื่นได้ เมื่อนั้น Facebook ก็จะสูญเสียความนิยม อันนำมาซึ่งรายได้จะหายไป

นอกจากนี้ เรายังต้องทำความเข้าใจ “มาตรฐานชุมชนของ Facebook” ด้วย เนื่องจากแต่เดิมแล้ว Facebook ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันเรื่องราวในชีวิตประจำวัน และการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์อย่างเหมาะสม ซึ่งคงจะไม่ดีเท่าไรหากเราเข้า Facebook มาแล้วหวังจะเสพข่าวสารและคอนเทนต์จรรโลงใจต่าง ๆ แต่หน้าฟีดกลับมีแต่คอนเทนต์ขายของ หรือคอนเทนต์ที่เราไม่ต้องการดู ในส่วนนี้เองที่ทำให้ร้านขายของหลาย ๆ ร้านต้องประสบกับปัญหาที่ว่าคนมองเห็นโพสต์ของร้านน้อยลง ไม่ค่อยมีคนกดไลก์ กดแชร์ หรือคอมเมนต์เหมือนแต่ก่อน ก็เพราะว่า Facebook ปิดกั้นการมองเห็นโพสต์ไปนั่นเอง โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ถูกปิดกั้น มีดังนี้

โพสต์เนื้อหาผิดกฎของ Facebook

เป็นที่รู้กันว่า Facebook นั้นเข้มงวดกับการโพสต์เนื้อหาที่ผิดกฎลงบนแพลตฟอร์มเป็นอย่างมาก เช่น ภาพน่ากลัวอย่างอุบัติเหตุ ภาพที่เข้าข่ายอนาจาร หรือสิ่งของผิดกฎหมายอย่างยาเสพติด เป็นต้น ก็จะถูก AI ของ Facebook ตรวจจับและแบนทันที เมื่อเป็นเช่นนั้น เพจก็จะถูกลดการมองเห็น ไปจนถึงปิดกั้นการมองเห็นไปเลย

การตั้งค่าโพสต์เป็นแบบเฉพาะกลุ่ม

กรณีนี้สำหรับคนที่ใช้ Facebook ส่วนตัวขายของ แต่ตั้งค่าให้ผู้ที่สามารถมองเห็นโพสต์ได้เป็นแบบเฉพาะกลุ่ม ก็จะทำให้มีคนเห็นสินค้าของเราน้อยลงได้ จนอาจเข้าใจผิดไปเองว่าถูกปิดกั้นการมองเห็น

แชร์โพสต์หรือเนื้อหาที่เป็นสแปมมากเกินไป

หากโพสต์คอนเทนต์หรือแชร์โพสต์จากเพจอื่นบ่อยเกินไปซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเพจ ก็จะทำให้ Facebook มองว่าเป็นสแปมได้

 

เปิดการมองเห็น Facebook ทำยังไง?

เมื่อ Facebook พยายามคัดกรองคุณภาพของคอนเทนต์ที่ผ่านการคัดเลือกให้ปรากฏบนหน้าฟีดเช่นนี้ เราก็มีวิธีแก้ที่จะช่วยให้เพจสามารถกลับมาเปิดการมองเห็น Facebook ได้เหมือนเดิม ด้วยทริกต่อไปนี้

ไม่โพสต์ถี่จนเกินไป

เรียกได้ว่าข้อนี้เป็นกับดักของหลาย ๆ คนที่เพิ่งเริ่มทำเพจเลยทีเดียว เพราะเมื่อเราเปิดเพจใหม่แล้วเริ่มมีคนติดตาม บางคนอาจจะเข้าใจว่าเราต้องขยันโพสต์ถี่ ๆ เพื่อให้ลูกเพจเห็นคอนเทนต์ของเราตลอดเวลา แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น ถึงแม้ว่า Facebook จะไม่มีกฎตายตัวว่าควรโพสต์กี่ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ทางที่ดีเราก็ไม่ควรโพสต์เกินวันละหนึ่งครั้ง ยกเว้นว่ามีเนื้อหาที่จำเป็นต้องโพสต์ให้ตรงตามกำหนดเวลา เพราะความจริงที่หลายคนมักเข้าใจผิดก็คือ การไม่โพสต์ไม่ได้ทำให้เราเสียผู้ติดตามมากเท่ากับการโพสต์ถี่ ๆ จนสร้างความรำคาญให้แก่ผู้ที่พบเห็นเราเป็นประจำ โดยยิ่งเราโพสต์ออกไปมากเท่าไร คะแนนการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่ Facebook คำนวณก็จะน้อยลงเท่านั้น ซึ่งย่อมส่งผลเสียต่อตัวแบรนด์อย่างแน่นอน

โพสต์เนื้อหาที่กระตุ้นให้คนอยากมีส่วนร่วม

เนื้อหาของโพสต์นั้นเรียกได้ว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดที่จะเป็นตัววัดว่าโพสต์ของเราจะมียอด Engagement มากหรือน้อยเลยทีเดียว โดยถ้าหากเราสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจและดึงดูดให้คนเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับโพสต์ของเราได้ ยิ่งมากเท่าไรก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการเปิดการมองเห็น Facebook มากเท่านั้น ดังนั้น เราจึงควรหมั่นสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและคำนึงถึงเรื่อง Engagement เสมอ

ใส่ภาพหรือวิดีโอประกอบในเนื้อหา

การโพสต์เนื้อหาที่มีแต่ข้อความอย่างเดียว ไม่มีภาพ หรือวิดีโอประกอบเลยก็อาจจะทำให้ดูน่าเบื่อและไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับคอนเทนต์อื่น ๆ บนหน้าฟีด ซึ่งตรงนี้ก็นับเป็นจุดบอดที่ Facebook นำมาคำนวณเช่นกัน โดยจากสถิติแล้ว โพสต์ที่ใส่หลาย ๆ ภาพ หรือเป็น Photo Album จะได้รับ Engagement เพิ่มขึ้น 180% ส่วนภาพเดี่ยว หรือ Single Image เพิ่มขึ้น 120% และวิดีโอเพิ่มขึ้น 100% เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรหลีกเลี่ยงการใส่เพียงข้อความเปล่า ๆ เพราะถ้าหากคอนเทนต์ของเราไม่มีคนสนใจ Facebook ก็จะมองว่าโพสต์นั้นไม่มีประโยชน์และปิดกั้นการมองเห็นทันที

กำหนดวันและเวลาที่ดีที่สุดในการโพสต์

แม้ Facebook จะไม่ได้ประกาศกฎเกณฑ์ออกมาอย่างเป็นทางการว่าเราควรโพสต์ช่วงเวลาไหนกันแน่ แต่เราก็ควรศึกษาข้อมูลในส่วนนี้ด้วย เพราะการเผยแพร่เนื้อหาให้ตรงกับช่วงเวลาที่กลุ่มเป้าหมายของเราออนไลน์อยู่จะทำให้โพสต์ได้รับการมองเห็นมากขึ้น โดยเราสามารถตรวจสอบ Performance ในระบบหลังบ้านของเพจได้เลย เพื่อดูว่าวันและเวลาใดที่โพสต์ของเราได้ผลลัพธ์ดีที่สุด จากนั้นก็คอยหมั่นโพสต์เนื้อหาในเวลาดังกล่าวเป็นประจำ

คอยหมั่นเตือนให้ลูกเพจกดติดดาว

การกดติดดาว คือการตั้งค่าเพื่อรับการแจ้งเตือนจากเพจ ซึ่งถ้าหากเราโพสต์การอัปเดตที่คอยกระตุ้นให้บรรดาลูกเพจทำเช่นนี้ ก็จะทำให้การมองเห็นโพสต์ของเราเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ใช้ Facebook Stories 

หนึ่งในฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมในขณะนี้ก็คือ Facebook Stories นั่นเอง โดยผู้คนมักนิยมใช้ในลักษณะเดียวกันกับ IG Stories คือการแบ่งปันเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่าการเลื่อนดูหน้าฟีดแบบปกติ เนื่องจากฟีเจอร์ Stories จะอยู่ด้านบนสุดของฟีด ทำให้มองเห็นได้ง่ายกว่าโดยไม่ต้องเลื่อนขึ้นเลื่อนลงให้เมื่อยนิ้ว

มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดตามสม่ำเสมอ

เช่น อาจตั้งคำถามพูดคุยกับลูกเพจเกี่ยวกับหัวข้อและประเด็นที่กำลังเป็นเทรนด์ หรือที่คาดว่าคนจะให้ความสนใจเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังสามารถใช้การถ่ายทอดสด หรือไลฟ์ (Live) ในการช่วยกระตุ้น Engagement จากผู้ติดตามได้ โดยอาจเป็นการขายสินค้าลดราคาผ่านไลฟ์เพื่อเรียกให้คนเข้ามาดู ซึ่งวิธีนี้จะช่วยดึงความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย ทั้งยังกระตุ้นการมีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างร้านค้าและผู้บริโภค ตลอดจนสามารถเพิ่มจำนวนผู้ติดตามได้มากขึ้นอีกด้วย

อย่าโพสต์อะไรที่ดูไม่น่าเชื่อถือ

หนึ่งในสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ Facebook ปิดกั้นการมองเห็นก็คือ การเผยแพร่เนื้อหาที่ดูไม่น่าเชื่อถือ สร้างความเข้าใจผิด การสะเทือนอารมณ์ และเป็นสแปม โดยวิธีการหลีกเลี่ยงไม่ให้ Facebook เข้าใจว่าโพสต์ของเรามีเนื้อหาประเภทนั้นคือการตั้งหัวข้อเรื่องให้ชัดเจน ว่าเรากำลังพูดถึงเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ผู้อ่านจะได้รู้อะไรจากการอ่านโพสต์นี้ และห้ามใช้คลิกเบต (Clickbait) ที่เป็นการหลอกล่อให้คนคลิกด้วยการพาดหัวที่เกินจริง หรือใช้ภาพที่ชวนเข้าใจผิดเด็ดขาด

บูสต์โพสต์หรือยิงโฆษณา

หากมั่นใจว่าแอ็กเคานต์หรือเพจของเราถูก Facebook ปิดกั้นการมองเห็นจริง ๆ วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะ AI ของ Facebook นั่นก็คือการบูสต์โพสต์หรือการยิงโฆษณา (Facebook Ads) นั่นเอง เพราะการทำเช่นนี้คือการที่เราใช้เงินซื้อพื้นที่โฆษณาบนแพลตฟอร์ม ทำให้เนื้อหาของเราไปปรากฏอยู่บนหน้าฟีดของกลุ่มเป้าหมายได้แบบ 100% 

 

สรุป

แม้การขายของบน Facebook จะไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปจากการที่ Facebook ปิดกั้นการมองเห็น แต่เราก็ยังสามารถแก้ไขคุณภาพของโพสต์ให้ดีขึ้นได้เพื่อลดปัญหาในส่วนนี้ โดยเราควรหมั่นสังเกตและตรวจสอบยอด Engagement ของเพจเป็นประจำ ว่ายอดยังมีความเสมอต้นเสมอปลายอยู่หรือไม่ หากช่วงใดที่รู้สึกว่ายอดกดไลก์ กดเแชร์ คอมเมนต์เริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ ก็ให้สันนิษฐานว่าโดนปิดกั้น และเพื่อไม่ให้เป็นการแก้ปัญหาในยามที่สายเกินไป ก็ให้ใช้เทคนิควิธีข้างต้นนี้เพื่อให้คนเข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับเพจดังเดิมทันที เมื่อนั้น Facebook ก็จะได้รู้ว่าเพจของเราเป็นเพจที่มีคุณภาพ และไม่ปิดกั้นการมองเห็นโพสต์นั่นเอง