รวมครบทุกเรื่อง Ads Manager พร้อมเคล็ดลับยิงให้ยอด ROI พุ่ง
เครื่องมือโฆษณาคือหัวใจสำคัญที่จะพาแบรนด์ของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ แต่หากพูดถึงเครื่องมือที่นักการตลาดทั่วโลกยกให้เป็นที่สุดของการทำโฆษณาทางออนไลน์ คงหนีไม่พ้น Ads Manager จาก Meta (Facebook) เพราะเครื่องมือตัวนี้ไม่เพียงแต่ให้ผลลัพธ์ที่ทรงพลัง แต่ยังครอบคลุมการจัดการโฆษณาบนทุกแพลตฟอร์มได้อย่างครบวงจรในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Messenger หรือแม้กระทั่ง Audience Network
Ads Manager คือเครื่องมือจัดการโฆษณาทุกแพลตฟอร์มได้ครบวงจรในที่เดียว
Table of Contents
Ads Manager คืออะไร
Ads Manager หรือ Facebook Ads Manager คือเครื่องมือจาก Meta ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้คุณสามารถสร้าง จัดการ วิเคราะห์ และปรับปรุงโฆษณาได้อย่างครบวงจรบนทุกแพลตฟอร์มในเครือข่าย Meta โดยช่วยให้นักการตลาดสามารถควบคุมงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งวัดผลลัพธ์ของแคมเปญได้แบบเรียลไทม์
ทำไมต้องใช้ Facebook Ads Manager
การยิงโฆษณาผ่าน Ads Manager มีข้อดีดังนี้
กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียด
Ads Manager สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายใน Facebook ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตามอายุ เพศ ความสนใจ สถานที่ หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงความต้องการอย่างแท้จริง
กำหนดงบประมาณได้ตามต้องการ
เครื่องมือชนิดนี้สามารถตั้งงบประมาณได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งในระดับแคมเปญและโฆษณา เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุดจากการลงทุน
การติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์
นักการตลาดสามารถใช้ Ads Manager ตรวจสอบผลลัพธ์ของแคมเปญในแบบเรียลไทม์ ทำให้ปรับเปลี่ยนแคมเปญหรือกลยุทธ์การโฆษณาได้ทันทีเมื่อพบว่าผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
โครงสร้างพื้นฐานของ Facebook Ads Manager ที่คุณต้องรู้
ก่อนที่จะเริ่มสร้างโฆษณา ควรทำความเข้าใจถึงโครงสร้างพื้นฐานของ Ads Manager ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งแบ่งเป็น 3 ระดับหลัก ดังนี้
แคมเปญ (Campaign)
เป็นระดับบนสุดที่คุณต้องเลือกว่าต้องการอะไรจากการโฆษณาในครั้งนี้ เช่น อยากให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้น ต้องการให้มีคนเข้าเว็บไซต์ อยากหาลูกค้าใหม่ หรือต้องการเพิ่มยอดขายโดยตรง
ชุดโฆษณา (Ad Set)
ในแต่ละแคมเปญ คุณสามารถสร้างชุดโฆษณาได้หลายชุด โดยในแต่ละชุด คุณต้องกำหนดว่าจะยิงโฆษณาไปหาใคร จะให้โฆษณาแสดงที่ไหน จะใช้งบเท่าไร และจะให้โฆษณาแสดงในช่วงเวลาใด
โฆษณา (Ad)
นี่คือส่วนที่ผู้ใช้จะเห็นจริง ๆ ประกอบด้วยรูปภาพหรือวิดีโอ ข้อความพาดหัว คำอธิบาย และปุ่มกดที่เชิญชวนให้ผู้ชมทำอะไรสักอย่าง เช่น “ซื้อเลย” หรือ “ดูเพิ่มเติม”
ฟีเจอร์ของ Facebook Ads Manager
สร้างโฆษณา
คุณสามารถสร้างโฆษณาบน Facebook Ads Manager ได้ครบวงจร ตั้งแต่เลือกจุดประสงค์ของโฆษณา รูปแบบที่ต้องการ และสร้างแคมเปญในที่เดียว นอกจากนี้ คุณยังสามารถตั้งค่าให้โฆษณาแสดงผลบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ตามที่ต้องการด้วย เรียกได้ว่าสร้างครั้งเดียว แต่ใช้ได้ครบทุกช่องทาง
เลือกกลุ่มเป้าหมาย
Facebook Ads Manager ช่วยให้คุณเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มกว้าง ๆ หรือเจาะจงเฉพาะกลุ่ม ซึ่งคุณสามารถปรับได้อย่างอิสระตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้ทำการบ้านมาก่อนว่าลูกค้าที่แท้จริงของคุณคือใคร เพื่อให้การยิงโฆษณาได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุด
อ่านเพิ่มเติม: “เทคนิคการเลือกกลุ่มเป้าหมายยิงแอด FACEBOOK ที่คุณห้ามพลาด!”
กำหนดและจัดการงบประมาณ
คุณสามารถกำหนดงบประมาณสำหรับโฆษณาแต่ละชิ้นหรือทั้งแคมเปญได้เลยบน Facebook Ads Manager โดยสามารถเลือกได้ทั้งงบต่อวัน ต่อสัปดาห์ ต่อเดือน หรือจะกำหนดตลอดระยะเวลาที่โฆษณาทำงานก็ได้
ยิงโฆษณาในหลายแอปฯ
การทำโฆษณาผ่าน Facebook Ads Manager ไม่ได้จำกัดแค่ Facebook เท่านั้น แต่คุณยังสามารถเลือกให้โฆษณาไปแสดงในทุกแพลตฟอร์มของ Meta ได้ด้วย ทั้ง Messenger และ Instagram ซึ่งช่วยประหยัดเวลาโดยไม่ต้องสร้างโฆษณาใหม่หลายครั้ง เพียงแค่ตั้งค่าครั้งเดียวก็ใช้ได้ทุกที่แล้ว
แก้ไข/ปรับเปลี่ยนโฆษณา
คุณสามารถแก้ไขโฆษณาผ่าน Facebook Ads Manager ได้ทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ กลุ่มเป้าหมาย หรือการแสดงผล รวมถึงการหยุดและเริ่มโฆษณาใหม่ได้ตลอดเวลาที่ต้องการ และที่พิเศษคือคุณสามารถปรับหลาย ๆ โฆษณาพร้อมกันได้ ไม่ว่าโฆษณาเหล่านั้นจะอยู่ในแคมเปญเดียวกันหรือไม่ก็ตาม
พัฒนาโฆษณา
Facebook Ads Manager มีระบบแนะนำรูปแบบโฆษณาอัตโนมัติ โดยจะวิเคราะห์จากรูปภาพ วิดีโอ ข้อความ และข้อมูลกลุ่มเป้าหมายของคุณ เพื่อให้คุณมีไอเดียในการสร้างโฆษณาที่ดึงดูดความสนใจได้มากที่สุด ซึ่งถือเป็นจุดเด่นเมื่อเทียบกับเครื่องมือโฆษณาอื่น ๆ
ทดสอบโฆษณา
Facebook Ads Manager มีฟีเจอร์ A/B Testing ในตัว ซึ่งช่วยให้คุณเห็นชัดเจนว่า การเลือกกลุ่มเป้าหมายหรือรูปแบบโฆษณาแบบไหนที่จะให้ผลลัพธ์ดีที่สุด โดยไม่ต้องหาเครื่องมืออื่นมาช่วยหรือเสียเวลาตั้งค่าใหม่ ดังนั้นจึงช่วยประหยัดเวลาและทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นมาก
ข้อมูลแบบวินาทีต่อวินาที
Facebook Ads Manager มีระบบวิเคราะห์ผลที่มีคุณภาพสูง ทั้งในแบบภาพรวมและเชิงลึก ซึ่งคุณสามารถดูประสิทธิภาพของแต่ละองค์ประกอบในโฆษณาได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ ข้อความ การออกแบบ หรือกลุ่มเป้าหมาย เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงโฆษณาในอนาคตหรือแก้ไขโฆษณาที่กำลัง Run อยู่ในปัจจุบัน
วิธีใช้งาน Facebook Ads Manager ทำตามได้ Step-by-Step
เริ่มต้นสร้างแคมเปญ
- เข้าไปที่ https://www.facebook.com/adsmanager
- คลิกปุ่ม “สร้าง” (Create) เพื่อเริ่มแคมเปญใหม่
- เลือกวัตถุประสงค์ของโฆษณาที่ตรงกับสิ่งที่ธุรกิจคุณต้องการ
การตั้งกลุ่มเป้าหมาย (Target Audience)
การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณได้ผลตอบแทน ROI ที่คุ้มค่ามากขึ้นได้ โดยสามารถตั้งค่าได้จาก
- Demographics : อายุ เพศ ภาษา
- Location : ประเทศ จังหวัด หรือรัศมีรอบ ๆ พื้นที่ที่คุณเลือก
- Interests & Behaviors : สิ่งที่ลูกค้าของคุณสนใจและพฤติกรรมการซื้อของพวกเขา
- Custom Audience : กลุ่มเป้าหมายที่สร้างจากข้อมูลลูกค้าเดิมของคุณ
- Lookalike Audience : กลุ่มเป้าหมายใหม่ที่มีลักษณะคล้ายกับลูกค้าเดิม
การตั้งงบประมาณและช่วงเวลา
- Daily Budget : เงินที่คุณจะใช้ต่อวัน
- Lifetime Budget : เงินทั้งหมดที่จะใช้ตลอดแคมเปญ
นอกจากนี้ คุณยังสามารถกำหนดวันที่เริ่มและสิ้นสุดแคมเปญได้ตามต้องการ หรือจะเลือกให้โฆษณาแสดงเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกค้าเป้าหมายมีโอกาสเห็นโฆษณามากที่สุดก็ได้
การสร้าง Ad Creative ที่น่าสนใจ
การออกแบบโฆษณามีผลต่อผลลัพธ์โดยตรง โดยคุณควรคำนึงถึง
- การใช้ข้อความที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย
- การใช้ภาพหรือวิดีโอที่ดึงดูดความสนใจ
- การมีปุ่มกด Call-to-Action (CTA) ที่ชัดเจน เช่น “ซื้อเลย” หรือ “ลงทะเบียนตอนนี้”
การวิเคราะห์ผลลัพธ์
Ads Manager มีแดชบอร์ดที่แสดงผลลัพธ์ให้คุณเห็นแบบเรียลไทม์ ซึ่งคุณควรตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้เป็นประจำเพื่อปรับแคมเปญให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยตัวผลลัพธ์อาจออกมาในรูปแบบ Metric ต่าง ๆ เช่น
- Impressions : จำนวนคนที่เห็นโฆษณาของคุณ
- CPC : ค่าใช้จ่ายต่อการคลิก
- Conversion : จำนวนคนที่ทำตามเป้าหมายที่คุณตั้งไว้
- ROAS (Return on Ad Spend) : ผลตอบแทนจากเงินที่ใช้ไป
เคล็ดลับการใช้ Ads Manager ให้ประสบความสำเร็จจาก Primal
จากประสบการณ์ที่ได้รับรางวัล Asia E-Commerce, Marketing Excellence และการเป็นพาร์ตเนอร์กับ Google Winner Growing Business Online ทีมของ Primal จะมาแชร์วิธีและเทคนิคการทำ Ads Manager ที่เราใช้จริงกับลูกค้า ซึ่งคุณสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้เช่นกัน
ใช้เทคนิค Micro-Segmentation
ที่ Primal เราไม่ได้แบ่งกลุ่มเป้าหมายแค่ตามข้อมูลทั่วไปเท่านั้น แต่เราแบ่งย่อยลงไปถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายออนไลน์ วิธีการเลื่อนดูคอนเทนต์ และช่วงเวลาที่คนมีส่วนร่วมมากที่สุด ซึ่งทำให้แคมเปญของเรามีอัตราการคลิกสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด
กลยุทธ์ ROAS Optimisation
แทนที่จะมุ่งเน้นแค่จำนวนคลิก เราใช้ข้อมูลกว่าล้านจุดเพื่อปรับแคมเปญแบบทันที โดยเน้นไปที่ช่องทางที่สร้างผลตอบแทนสูงสุด การใช้เทคนิคนี้จะช่วยให้ลูกค้าของเรามีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งแตกต่างจากก่อนที่จะเริ่มแคมเปญอย่างเห็นได้ชัด
การทำ Creative A/B Testing แบบ Multi-Variable
เราไม่ได้แค่ทดสอบว่าภาพหรือวิดีโอดีกว่ากัน แต่เราทดสอบการยิงโฆษณาพร้อมกันถึง 4-5 แคมเปญ โดยทำให้แต่ละแบบแตกต่างกันชัดเจน ทั้งสี ข้อความหลัก ความยาวของเนื้อหา และรูปแบบปุ่มกด (CTA) เพื่อหาสูตรที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละธุรกิจ
Full-Funnel Retargeting Matrix
เราพัฒนาระบบรีทาร์เก็ตติงบน Facebook ที่ปรับเปลี่ยนข้อความและภาพตามขั้นตอนการซื้อของลูกค้า ไม่ใช่แค่โชว์สินค้าเดิมซ้ำ ๆ แต่สร้างข้อความใหม่ที่ช่วยแก้ข้อกังวลในแต่ละขั้นตอน ทำให้อัตราการปิดการขายของแบรนด์ลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ใช้เทคนิค Cross-Platform Attribution Model
เราไม่ได้วัดผลเพียงแค่ Facebook เท่านั้น แต่ติดตามการเดินทางของลูกค้าจากทุกช่องทาง ทั้ง Facebook, Instagram และเว็บไซต์ เพื่อเข้าใจว่าแต่ละจุดสัมผัสมีผลต่อการตัดสินใจซื้ออย่างไร ทำให้สามารถปรับงบประมาณ Facebook Ads ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
เทคนิค Landing Page Personalisation
เราไม่ได้ส่งทุกคนที่คลิก Facebook Ads ไปที่หน้าเดียวกัน แต่สร้างหน้า Landing Page ที่ปรับตามพฤติกรรมและความสนใจของแต่ละคน ซึ่งเทคนิคนี้ช่วยเพิ่มอัตราคอนเวอร์ชันได้มากกว่า เมื่อเทียบกับหน้า Landing Page แบบทั่วไป
แนวทาง Data-Driven Seasonality Planning
เราวิเคราะห์แนวโน้มตามฤดูกาลและปรับแผนงบประมาณ Facebook Ads ล่วงหน้า โดยทีมของเราจะลงทุนมากขึ้นในช่วงที่มีคนซื้อสูงและลดลงในช่วงที่มีการแข่งขันสูง ผลลัพธ์คือช่วยประหยัดงบประมาณได้ในขณะที่ผลลัพธ์ของแคมเปญก็ยังดีอย่างต่อเนื่อง
เทคนิค Competitive Gap Analysis
เราใช้เครื่องมือวิเคราะห์ช่องว่างทางการตลาด เพื่อหาโอกาสที่คู่แข่งมองข้ามบน Facebook และเข้าไปทำตลาดในช่วงเวลาที่มีการแข่งขันน้อย เทคนิคนี้ช่วยให้ลูกค้าของเราได้รับการมองเห็นเพิ่มขึ้นในกลุ่มธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง
ปรับแต่ง Bid Strategy แบบ AI-Powered
เราไม่ได้ใช้วิธีประมูล (Bidding) แบบเดิม ๆ แต่ใช้ระบบ AI ช่วยปรับเปลี่ยนการเสนอราคาตามช่วงเวลา วันในสัปดาห์ และแพลตฟอร์มโดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงโฆษณาให้ลูกค้าของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Primal เอเจนซีการตลาดชั้นนำของไทย พร้อมให้บริการวางแผนและจัดการแคมเปญโฆษณาผ่าน Ads Manager ที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ เราได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลจากทั่วประเทศมากว่า 150 คนเพื่อมาดูแลธุรกิจคุณ ตั้งแต่ช่วยวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย วางกลยุทธ์การประมูล ไปจนถึงการออกแบบโฆษณาที่จะเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นลูกค้าที่สร้างรายได้ให้แก่แบรนด์ กรอกฟอร์มเพื่อติดต่อเราได้เลยวันนี้ พร้อมรับบริการให้คำปรึกษาฟรีจากทีมกลยุทธ์
Join the discussion - 0 Comment