ทำความรู้จัก Semantic SEO อนาคตแห่งการค้นหาของ Google

เครื่องมือค้นหา (Search Engine) ชื่อดังอย่าง Google ถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1998 ซึ่งได้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับโลกอินเทอร์เน็ตอย่างมาก และเมื่อพูดถึงการทำ SEO หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจาก Google แน่นอน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำ SEO เกิดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1997 ซึ่งเรียกได้ว่าอยู่คู่โลกกับอินเทอร์เน็ตและเครื่องมือค้นหามาแล้วอย่างยาวนาน

ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปีที่ผ่านมา SEO มีรูปแบบที่พัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย รวมถึงมีการเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ทั้งนี้รูปแบบของการทำ SEO ในปัจจุบันยังมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึง เพราะอาจส่งผลต่อการทำ SEO ในอนาคต นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่า Semantic SEO

semantic search คืออะไร semantic seo คือ

Semantic SEO คืออะไร?

Semantic SEO คือกระบวนการสร้างคอนเทนต์ให้มีความหมาย เจาะจง ลงลึกถึงเนื้อหา แต่ยังคงรักษาระดับความถูกต้องและมาตราฐานเอาไว้อย่างครบถ้วน โดยเป็นมิตรและตอบโจทย์สำหรับทั้งผู้ใช้งานและบอท (Bot) ของเครื่องมือค้นหา

ความต่างของการทำ SEO ในยุคแรก ๆ กับการทำ Semantic SEO ก็คือ การที่ในช่วงแรกนั้น เนื้อหาของคอนเทนต์จะถูกจัดวางและตระเตรียมให้พร้อมสำหรับการเข้ามาทำงานของบอทจากเครื่องมือค้นหา โดยที่เราไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพของเนื้อหา แต่จะเน้นไปที่การทำให้บอทสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้โดยง่าย ซึ่งอาจทำให้เว็บไซต์ที่ได้ขึ้นแรงค์ในอันดับสูง ๆ ไม่ได้ตอบโจทย์กับผู้ใช้งานจริง ๆ เลยก็ได้

แต่ในส่วน Semantic SEO จะมีรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะจะเป็นการคำนึงถึงคุณภาพของคอนเทนต์และประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้กลุ่มคีย์เวิร์ดที่มีคำหรือกลุ่มคำที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับ หรือมีความหมายคล้ายกันแทนการใช้คีย์เวิร์ดเดิม ๆ แปะไปในทุกจุดของคอนเทนต์

Semantic Search ส่งผลอะไรบ้าง?

Semantic Search คือการค้นหาในสิ่งที่มีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้อง หรือมีความหมายใกล้เคียงกัน โดยเครื่องมือค้นหาจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากคำที่ผู้ใช้งานค้นหารวมถึงอัลกอรึทึมต่าง ๆ เพื่อที่จะแสดงผลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานมากที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นผลมาจากการที่เครื่องมือค้นหาได้ถูกพัฒนาให้สามารถเข้าใจภาษาของมนุษย์และจุดประสงค์ของการใช้งานต่าง ๆ ได้มากขึ้น

การที่ระบบค้นหาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Google มีการอัปเดตถึงการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการค้นหาต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ก็เป็นเพราะว่า Google ต้องการให้คอนเทนต์ที่มีการสร้างสรรค์ออกมา มีคุณภาพและมีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานจริง ๆ และสามารถขึ้นมาแสดงผลบนหน้าเว็บฯ แทนที่เว็บไซต์เดิมที่ติดอันดับในแรงค์ต้น ๆ จากการทำ SEO ในรูปแบบเดิม ๆ ที่ไม่มีคุณภาพ แต่เพียงเพื่อตอบโจทย์การทำงานของบอทในช่วงเวลานั้น ๆ 

Semantic SEO ทำอย่างไร?

หากคุณต้องการทำ Semantic SEO บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องยาก โดยเราขอยกตัวอย่างกับทริคง่าย ๆ ที่จะเป็นการสร้าง Semantic Search สำหรับการทำ SEO ที่มีคุณภาพกัน!

  1. โครงสร้างหลัก ๆ ของ SEO ยังคงมีความสำคัญอยู่

การที่คุณมีโครงสร้างต่าง ๆ อย่างพวก Meta Title, Meta Description, H1-H6 (หรือมากกว่านั้น), รวมถึงเนื้อหาที่มีการเกลี่ยกลุ่มคีย์เวิร์ดเอาไว้อย่างดี, รูปประกอบ ฯลฯ จะช่วยทำให้บอทของเครื่องมือค้นหาสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์ที่ดีอีกด้วย เพราะการจัดโครงสร้างที่ดีและชัดเจนนั้นจะช่วยให้ผู้ใช้งานเกิดความสนใจในเนื้อหาและเว็บไซต์ของคุณมากยิ่งขึ้น

  1. พัฒนาคุณภาพของเนื้อหา

เนื้อหาที่จะถูกพิจารณาให้เป็น Semantic SEO นั้นจะต้องมีความเจาะจง จำเพาะในเนื้อหา รวมถึงมีคุณภาพโดยผ่านการสืบค้นข้อมูลและตกผลึกมาแล้วอย่างดี ถ้าจะพูดง่าย ๆ ก็คือคุณต้อง “รู้ลึก รู้จริง” ในเนื้อหาของสิ่งที่คุณกำลังจะเขียน ยิ่งเนื้อหานั้นมีคุณภาพมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งส่งผลดีและมีโอกาสได้ขึ้นหน้าแรกมากยิ่งขึ้น

  1. อย่าวางตัวเองในมุมของนักเขียนเพียงอย่างเดียว

สิ่งที่สำคัญมากก็คือ เนื้อหาในคอนเทนต์ของคุณจะต้องเข้าใจได้ง่ายและมีประโยชน์กับผู้ใช้งานที่ทำการเสิร์ชหาข้อมูล ดังนั้นเมื่อคุณเขียนหรือสร้างคอนเทนต์ต่าง ๆ จะต้องคำนึงถึงความสะดวก ความชื่นชอบของผู้ใช้งาน รวมไปถึงผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับด้วย เพราะสุดท้ายแล้ว ยิ่งผู้ใช้งานมีประสบการณ์ที่ดีต่อเนื้อหาและเว็บไซต์ของคุณมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งส่งผลดีต่อทั้งการทำธุรกิจ รวมถึงเปอร์เซนต์ในการขึ้นแรงก์อีกด้วย

  1. รวมเนื้อหา ‘ที่เกี่ยวข้องกัน’ เอาไว้ด้วย

ถ้าคุณลองสังเกตให้ดี ในหน้าการค้นหาของ Google มักจะมีการแสดงแถบแนะนำ “การค้นหาที่เกี่ยวข้อง” ขึ้นมาด้วยเสมอ ซึ่งคุณสามารถนำส่วนนี้ไปเป็นไอเดียในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ โดยอาจจะเป็นการสอดแทรกคำตอบหรือข้อมูลของสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการลงไป สำหรับข้อดีของวิธีนี้ก็คือ จะทำให้ระบบของเครื่องมือค้นหาเห็นความสำคัญของคอนเทนต์ในหัวข้อนั้น ๆ มากขึ้น อีกทั้งยังตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคจริง ๆ ได้อีกด้วย  

อนาคตของการทำ SEO

เครื่องมือค้นหาโดยเฉพาะ Google มีการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถเข้าใจถึงเนื้อหา ข้อความ ประโยคและคำต่าง ๆ เหมือนอย่างที่สมองของมนุษย์เข้าใจ ซึ่งแม้ว่าในปัจจุบันจะยังคงห่างไกลจากจุดนั้น แต่ก็ถือว่ามีการพัฒนาอย่างมาก 

ดังนั้นแนวโน้มในอนาคต เครื่องมือค้นหาต่าง ๆ ก็จะยังคงให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้กันต่อไป แต่สิ่งที่แน่ ๆ ในตอนนี้ก็คือ บอทของเครื่องมือค้นหาในปัจจุบันมีความเข้าใจและสามารถแยกแยะเนื้อหาต่าง ๆ ออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการใส่เทคนิค Semantic Search ใน SEO จะเป็นการช่วยให้เนื้อหาคอนเทนต์ของคุณมีคุณภาพ ถูกใจทั้งบอทและผู้ใช้งานจริง ๆ ซึ่งท้ายที่สุดก็จะส่งผลต่อการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน