นักการตลาดต้องรู้! Image Extension คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

ในบทความก่อนหน้านี้ เราได้ทำความรู้จักกับ Google Chrome Extensions หรือส่วนขยายของ Google Chrome กันไปบ้างแล้ว ดังนั้น วันนี้เราจะมาแนะนำ Ads Extensions ตัวใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า “Image Extension” กันบ้าง โดยส่วนขยายตัวนี้จะเป็นเสมือนตัวช่วยในการเน้นใจความสำคัญของโฆษณาให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นผ่านรูปภาพ เพื่อแสดงให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจสาระสำคัญของแคมเปญโฆษณานั้น ๆ ได้ทันทีแม้จะยังไม่ได้คลิกเข้ามา ทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจ ความน่าดึงดูด และความโดดเด่นให้แก่โฆษณาของเรา ส่งผลให้ Image Extenstion ใน Google Ads นั้นเป็นสิ่งที่คนทำการตลาดออนไลน์จะไม่รู้จักไม่ได้!

วิธีตั้งค่า Image Extensions

Image Extension คืออะไร?

ต้องบอกว่า Image Extention เป็นอะไรที่ใหม่มากทีเดียว เพราะถึงแม้จะมีการซุ่มพัฒนาและทดลองมานานพอสมควรตั้งแต่ปี 2013 แต่ Google เพิ่งจะปล่อยส่วนขยายตัวนี้ออกมาให้พวกเราได้ใช้งานกันเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมานี้เอง โดย Image Extension เป็นส่วนขยายโฆษณาที่ใช้รูปภาพเข้ามาเป็นตัวช่วย ซึ่งรูปภาพดังกล่าวจะแสดงผลด้านขวาสุดของ Search Ads ในขนาด 1:1 ทำให้สามารถเพิ่มความน่าสนใจและสร้างแรงดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายสนใจสินค้าหรือบริการที่อยู่บนแคมเปญโฆษณามากขึ้น แล้วยังทำให้โฆษณาของเราโดดเด่นกว่าโฆษณาของคู่แข่ง เพิ่มโอกาสให้คนคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์มากขึ้นอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ Image Extension จึงเป็นส่วนขยายโฆษณาที่นักการตลาดออนไลน์ทั่วโลกนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุก Ads Account จะสามารถใช้ Image Extension ได้ เพราะก่อนจะใช้ส่วนขยายรูปภาพได้นั้น จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่าง ๆ (Requirements) ก่อนจะเริ่มใช้งาน ดังนี้

  • ตัวแอ็กเคานต์จะต้องมีประวัติที่ดีในระดับหนึ่ง ซึ่งในส่วนนี้เอง Google ก็ยังไม่ได้มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่าใช้เกณฑ์ใดในการวัด
  • แอ็กเคานต์ที่จะใช้ต้องเป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับสื่อสำหรับผู้ใหญ่ (Sexual Content) แอลกอฮอล์ หรือสิ่งของมึนเมา การพนัน และสุขภาพ
  • ต้องเป็นแอ็กเคานต์ที่เปิดใช้งานมานานกว่า 90 วันขึ้นไป
  • ต้องเป็นแอ็กเคานต์ที่มีแคมเปญประเภทค้นหา (Search Campaign) รันอยู่อย่างน้อย 28 วันก่อนเริ่มใช้งานส่วนขยาย

 

Image Extension มีกี่ประเภท?

Image Extension หรือส่วนขยายที่เป็นรูปภาพ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

Image Extension

รูปภาพที่แสดงใน Image Extension นั้นจะมาจากการที่เราอัปโหลดขึ้น Google Ads ด้วยตัวเอง ซึ่งขนาดของรูปภาพสามารถอิงได้จาก Image Extension Format Requirement 

Dynamic Image Extension

รูปภาพที่แสดงใน Dynamic Image จะมาจากการที่ Google Ads เข้าไปดึงรูปภาพจาก Landing Page ที่เราเลือกใช้ทำโฆษณาในแต่ละแคมเปญ โดยที่เราไม่ต้องอัปโหลดเองแบบ Manual

 

Best Practices ของ Image Extension คืออะไร?

แน่นอนว่าทุก ๆ ฟีเจอร์ของ Google นั้นย่อมมีเงื่อนไขและข้อห้ามต่าง ๆ มากมาย และ Image Extension ก็เป็นส่วนขยายหนึ่งที่มี “Best Practices” เยอะพอสมควรให้เราต้องปฏิบัติตามเพื่อให้ผ่านการพิจารณาก่อนใช้งานจริง โดยจะมีกฎพื้นฐานอันประกอบไปด้วย

  • ไฟล์ภาพที่จะอัปโหลดเพื่อนำมาเป็นส่วนขยายจะต้องไม่เกิน 20 ภาพ ขนาดไฟล์ไม่เกิน 5120 KB (ประมาณ 5 MB)
  • ขนาดของรูปภาพขั้นต่ำอยู่ที่ 300 x 300 Pixel หรือ 1200 x 1200 Pixel (ขนาด 1:1) แต่หากเป็นภาพ Landscape ขนาดขั้นต่ำจะอยู่ที่ 600 x 314 Pixel หรือ 1200 x 628 Pixel
  • รูปภาพที่อัปโหลดจะต้องมีไฟล์สกุล JPG, PNG หรือ Static GIF เท่านั้น
  • รูปภาพที่นำมาใช้ต้องถูกต้องตามกฎหมาย หรือได้รับอนุญาตในการนำภาพดังกล่าวมาใช้เชิงพาณิชย์ (ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Google Support)
  • ต้องเป็นรูปภาพที่ไม่มี “Logo” หรือ “Graphic Delay” ปรากฏอยู่ หรือกล่าวง่าย ๆ ว่าควรเป็นภาพที่ถูกดีไซน์มาในรูปแบบที่ไม่ได้เน้นการขายจนเกินไป 
  • ไม่ควรที่ส่วนประกอบของข้อความ (Text) อยู่บนรูป หรือถ้าหากมีก็ควรมีให้น้อยที่สุด
  • รูปภาพที่ใช้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับคำที่คนเซิร์ชและแคมเปญโฆษณานั้น ๆ
  • ควรมีอย่างน้อย 3 รูปต่อ 1 แคมเปญ เพื่อให้ระบบอัลกอริทึมของ Google แสดงโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
  • เปิดใช้งาน Dynamic Image Extension คู่กับ Image Extension เสมอ
  • ในรูปภาพต้องมีพื้นที่สีขาวให้น้อยที่สุด

 

ตั้งค่า Image Extension อย่างไร?

ดังที่ได้อธิบายไปว่า แอ็กเคานต์ที่จะใช้งานส่วนขยาย หรือ Ads Extensions ต่าง ๆ ได้นั้นจะต้องมีอายุบัญชีไม่ต่ำกว่า 90 วัน ดังนั้น หากเป็นแอ็กเคานต์ที่เพิ่งสร้างใหม่ก็จะไม่เห็นฟังก์ชันนี้ แต่ถ้าครบ 90 วันแล้ว ก็ให้ไปที่ตัวเลือก “Ads & Extensions” จากนั้นให้คลิก “+” เพื่อเลือกประเภทของ Extension ซึ่งถ้าผ่านการพิจารณาจาก Google แล้ว เราจะเห็นตัวเลือก “Image Extension” ขึ้นมา โดยเราสามารถตั้งค่าได้ทั้งในระดับของแอ็กเคานต์, แคมเปญ และ Ads Group

เมื่อทำตามขั้นตอนข้างต้นเรียบร้อยแล้ว ระบบจะให้เราอัปโหลดรูปภาพที่เตรียมเอาไว้ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาสักพัก ประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยเมื่อเสร็จแล้ว เราควรย้อนกลับมาดูอีกครั้งหนึ่งเพื่อตรวจสอบว่ารูปที่ได้อัปโหลดขึ้นไปบน Google Ads นั้นผ่านการพิจารณาหรือไม่

 

สรุป

จะเห็นได้ว่า Image Extension ใน Google Ads นั้นช่วยเพิ่มความน่าสนใจของตัวโฆษณาได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังทำให้โฆษณาดูโดดเด่นขึ้นด้วยรูปภาพ โดยหากเราสามารถเลือกรูปภาพที่สื่อถึงความเป็นแบรนด์ของเราได้ ก็จะยิ่งทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกอยากคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์มากขึ้น Image Extension จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทำการตลาดที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้แก่ผู้ประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยยกระดับโฆษณาในรูปแบบเซิร์ช และเหมาะกับธุรกิจทุกประเภท