รู้จัก Off-Page SEO กลยุทธ์สำคัญที่คนทำเว็บไซต์ไม่ควรพลาด

การจะทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น เราต้องหมั่นปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ ง่ายต่อการใช้งาน และเหมาะสมกับอัลกอริทึมอยู่เสมอ ซึ่งแน่นอนว่าการทำ SEO (Search Engine Optimization) เป็นกลยุทธ์สำคัญมากอันหนึ่งที่คนทำเว็บไซต์ทุกคนต้องรู้จัก เพราะเป็นการทำคอนเทนต์ให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ บนหน้าแรกของ Google และทำให้มีจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ (Traffic) มากขึ้น โดยบทความนี้จะพาไปรู้จักกับOff-Page SEO วิธีการปรับแต่งเว็บไซต์และคอนเทนต์โดยอาศัยปัจจัยภายนอกให้ตอบโจทย์ทั้งผู้เข้าชมและอัลกอริทึม

Off-Page SEO ตัวอย่าง

Off-Page SEO คืออะไร?

บางทีแค่การอาศัยปัจจัยภายในเว็บไซต์อย่างเดียวอาจทำให้ยังสู้คู่แข่งไม่ได้ เราจึงต้องมีการพัฒนาเว็บไซต์เพิ่มเติมด้วยการใช้ปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อให้การทำ SEO ของเรามีประสิทธิภาพ แม้จะต้องทำอะไรที่ซับซ้อนขึ้น แต่รับรองว่าจะได้เห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน

Off-Page SEO คือ การทำ SEO ที่เน้นปัจจัยภายนอกเว็บไซต์ ซึ่งตรงข้ามกับการทำ On-Page SEO ที่เป็นการปรับแต่งเนื้อหาบนเว็บไซต์ของเราเอง โดยวิธีที่นิยมมากที่สุดคือ Link Building หรือการทำ Backlink เชื่อมโยงจากเว็บไซต์อื่นมายังเว็บไซต์ของเรา สามารถเป็นได้ทั้งลิงก์ที่ผู้อื่นสร้างให้ หรือเราจะสร้างขึ้นเองก็ได้ นอกจากนี้ ยังมีวิธีอื่น ๆ อีก เช่น การทำ Content Marketing การใช้โซเชียลมีเดีย การทำพอดแคสต์ การรีวิว เป็นต้น

 

ประโยชน์ของ Off-Page SEO คืออะไร?

การทำ Off-Page SEO คือหนึ่งในกลยุทธ์สร้างอำนาจ ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ และสามารถบ่งบอกถึงคุณภาพเว็บไซต์ของเราได้ อันจะส่งผลต่ออันดับบน Google และโอกาสที่ผู้ใช้งานจะค้นเจอเว็บไซต์ของเราจากช่องการค้นหาแบบออร์แกนิก (Organic Search) รวมถึงช่องทางอื่น ๆ ที่นอกเหนือจาก Search Engine ด้วย

ดังที่ได้กล่าวไปว่าการทำ Backlink เองก็เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการทำ Off-Page SEO เนื่องจากจำนวนลิงก์ที่เว็บไซต์อื่นส่งกลับมาที่เว็บไซต์ของเรา จะทำให้ระบบอัลกอริทึมสามารถตรวจสอบเนื้อหาและข้อมูลต่าง ๆ บนเว็บไซต์ได้ง่ายยิ่งขึ้น แล้วนำไปจัดอันดับเว็บไซต์ตามความเหมาะสม

ดังนั้น นอกจากเราต้องพยายามทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจและตรงกับความต้องการของผู้อ่านแล้ว เรายังต้องใส่ใจการทำ Off-Page SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของเราได้รับการยอมรับจาก Google และกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างอีกด้วย

 

ความแตกต่างระหว่าง On-Page SEO และ Off-Page SEO

On-Page SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์โดยอาศัยปัจจัยภายใน หรือกล่าวง่าย ๆ ว่าเป็นการปรับปรุงพัฒนาเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ของตนเอง โดยมีองค์ประกอบดังนี้

  • Title (หัวเรื่อง) เป็นข้อมูลลำดับแรก ๆ ที่ Google จะเข้ามาเก็บในเว็บไซต์เรา โดยเราควรใส่หัวเรื่องไว้ใน Heading Tag (H1, H2, H3, …) เรียงตามความสำคัญของหัวข้อใหญ่และหัวข้อย่อย และที่สำคัญ ในแต่ละหัวข้อควรมีคีย์เวิร์ดด้วย
  • Content (เนื้อหาภายในเว็บไซต์) เป็นอีกส่วนที่จะช่วยดันให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับ Search Engine ซึ่งหากเรามีเนื้อหาที่ดี มีประโยชน์แก่ผู้อ่าน และใส่คีย์เวิร์ดไว้อย่างเหมาะสม ก็จะทำให้อันดับเว็บไซต์ของเราดีขึ้นได้
  • การใช้รูปแบบการสื่อสารเพื่อดึงดูดความสนใจ เช่น การเพิ่มรูปภาพลงไปในบทความหรือหน้าเว็บไซต์ จะช่วยทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกว่าเนื้อหามีความน่าสนใจ และอยู่บนเว็บไซต์ของเรานานกว่าเดิม

ส่วน Off-Page SEO คือการทำ Backlink เสียส่วนใหญ่ ซึ่งแตกต่างจาก On-Page SEO มาก ๆ เนื่องจากต้องทำจากนอกเว็บไซต์ ไม่ใช่การปรับแต่งภายในเว็บไซต์ ซึ่งองค์ประกอบหลัก ๆ ในการทำลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของเรา ประกอบไปด้วย

  • Domain คือ ชื่อที่เอาไว้ใช้อ้างอิงไปยังหน้าเว็บไซต์อื่น ๆ ที่อยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
  • Anchor Text คือ ตัวอักษรที่สามารถกดเข้าไปที่ Backlink เพื่อลิงก์ไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ ได้
  • Google My Business คือ เครื่องมือที่ช่วยจัดการให้ธุรกิจของเราไปปรากฏอยู่ในหน้าเว็บฯ ต่าง ๆ ของ Google เช่น Google Maps เป็นต้น

 

เทคนิคการทำ Off-Page SEO มีอะไรบ้าง?

Link Building

วิธีที่คนทำ SEO นิยมกันมากที่สุดและเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลกับอัลกอริทึมมากที่สุดก็คือการทำ Link Building แต่สิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักเอาไว้ก็คือ เว็บไซต์ที่จะลิงก์มาหาเราต้องเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเราเท่านั้น อัลกอริทึมจึงจะมองว่าเป็น Backlink ที่ดี ดังนั้น เราจึงไม่จำเป็นต้องไปกว้านหา Backlink มาในปริมาณมาก แต่ให้เน้นคุณภาพของเว็บไซต์ต้นทางเป็นสำคัญ ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างให้พิจารณา ได้แก่

  • เว็บไซต์ดังกล่าวต้องมี Domain Authority สูง
  • การเปิด Follow ของ Backlink นั้น ๆ (เป็น Follow หรือ NoFollow Link)
  • เป็นเว็บไซต์ที่ติดอันดับสูง ๆ บนหน้าแรกของ Google
  • มีผู้ใช้งานเว็บไซต์จำนวนมาก
  • เป็นเว็บไซต์ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันกับเรา

Brand Building

เนื่องจากปัจจุบันเป็นยุคที่ผู้บริโภคส่วนมากให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของแบรนด์ ว่าต้องมีรีวิวดี มีความน่าเชื่อถือ การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก หรือน่าจดจำ จึงเป็นอีกกลยุทธ์ที่สำคัญของการทำ Off-Page SEO โดยหากอยากรู้ว่าแบรนด์ของเราเป็นที่รู้จักหรือเติบโตขึ้นมากน้อยแค่ไหน ก็สามารถตรวจสอบได้ด้วยการค้นหาชื่อแบรนด์ ชื่อสินค้าหรือบริการ หรือชื่อโดเมนใน Search Engine ได้เลย แต่ถ้าต้องการเปรียบเทียบอัตราการค้นหาย้อนหลัง ก็ใช้ Google Trend ในการค้นหาได้ ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้ถึง 5 ปี

หากแบรนด์ของเราเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ระบบอัลกอริทึมของ Google ก็จะมองเห็นความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เรา แล้วเรายังจะได้รับ Backlink จากเว็บไซต์อื่น ๆ มาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย

Content Marketing

เมื่อพูดถึงการทำ Content Marketing หลายคนก็อาจจะนึกถึงการทำ On-Page SEO แต่ความจริงแล้ว เราสามารถใช้เทคนิคนี้ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ Off-Page SEO ได้ด้วย เช่น การทำคอนเทนต์ที่มีประโยชน์แล้วนำไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ใหญ่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเรา หรือแม้แต่การทำอินโฟกราฟิก (Infographic) อีบุ๊ก (E-book) หรือคอนเทนต์อื่น ๆ ที่มีคุณภาพ เพื่อให้เว็บไซต์อื่น ๆ ส่ง Backlink กลับมาที่เว็บไซต์เรา แล้วเราก็จะได้อันดับที่ดีขึ้นบน Search Engine

Local SEO

การทำ Local SEO ก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยให้ Off-Page SEO ของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยสิ่งที่จะช่วยเราก็คือการทำ “Google My Business” เครื่องมือฟรีที่ Google ออกแบบมาเพื่อให้แบรนด์ต่าง ๆ มีหน้าโพรไฟล์ธุรกิจเป็นของตนเอง และทำให้ลูกค้าค้นหาร้านของเราเจอได้จาก Google Search และ Google Maps

การใช้โซเชียลมีเดีย

ถึงแม้ว่า Backlink ที่ได้มาจากช่องทางโซเชียลมีเดียจะเป็นลิงก์ประเภท NoFollow แต่หากผู้ใช้งานมีส่วนร่วม (Engagement) บางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ การกดไลก์ การคอมเมนต์ หรือคลิก ก็สามารถทำให้อัลกอริทึมมองว่าเว็บไซต์เรามีคุณภาพและนำไปพิจารณาในการจัดอันดับได้ด้วยเช่นกัน 

การทำพอดแคสต์ (Podcast)

พอดแคสต์ คือ คอนเทนต์ประเภทหนึ่งที่คล้ายกับการจัดรายการวิทยุ โดยจะมีผู้ดำเนินรายการเพียงคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ มาแชร์ความรู้และประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ ในรูปแบบคลิปเสียง เรียกได้ว่าเป็นช่องทางออนไลน์ที่มาแรงมากในปัจจุบัน เหล่าผู้ประกอบการจึงไม่ควรพลาดโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของตนเองด้วยการทำคอนเทนต์รูปแบบนี้ เพราะจะทำให้ได้กลุ่มลูกค้าที่มาจากช่องทางใหม่ ๆ อันจะส่งผลดีต่อการทำ Off-Page SEO 

นอกจากนี้ การทำพอดแคสต์ยังเป็นการเปิดตลาดสู่แพลตฟอร์มที่เป็น Search Engine ใหม่ ๆ ด้วย เช่น Apple ที่เป็นตลาดใหญ่ในขณะนี้ เป็นต้น แต่อัตราการแข่งขันอาจจะไม่ได้สูงมากนัก ทำให้เรามีโอกาสขึ้นเป็นอันดับต้น ๆ ได้ง่ายกว่าการอยู่แค่บน Google ช่องทางเดียว

การรีวิว

บนโลกออนไลน์ รีวิวถือว่ามีความสำคัญหลายประการทีเดียว กล่าวคือ ในฝั่งของผู้บริโภค รีวิวก็จะเป็นเครื่องช่วยตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อสินค้าหรือบริการจากเจ้าไหนดี หรือแบรนด์ไหนมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด ส่วนในฝั่งของผู้ประกอบการ หากเราทำให้เกิดการรีวิวเชิงบวกได้ ก็แน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ ส่งผลให้ลูกค้าคนอื่น ๆ รู้สึกอยากอุดหนุนเรามากขึ้น แล้วยังช่วยทำให้ Google รู้ด้วยว่าแบรนด์ของเราเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพ เหมาะแก่การได้อยู่อันดับต้น ๆ บนหน้าการค้นหา

 

สรุป

อย่างไรก็ตาม แม้การทำ Off-Page SEO จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่เว็บไซต์ของเรา แต่ก็มีข้อที่ควรระวังเช่นกัน กล่าวคือ หากเราไปทำ Backlink ในหมวดหมู่เว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของเรา ก็อาจทำให้ Google เกิดความไม่ไว้วางใจได้ ซึ่งจะส่งผลให้เราหายไปจากอันดับการค้นหาทันที ดังนั้น การทำ Off-Page SEO ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็คือ การเลือกเว็บไซต์ที่จะลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของเราให้ดี เพื่อให้ได้รับความเชื่อถือจากทั้งอัลกอริทึมและผู้ใช้งาน