ปรับแต่งร้านค้าให้ติดอันดับต้น ๆ บนหน้าแรกด้วย Shopify SEO

การทำธุรกิจในปัจจุบัน หากไม่เริ่มปรับตัวเข้าสู่โลกออนไลน์ยิ่งมีโอกาสอยู่รอดได้น้อยลง โดยเฉพาะในยุค New Normal เช่นนี้ด้วยแล้ว การซื้อ-ขายสินค้าและบริการควรจะเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งช่วงหลังมานี้มีแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์เหล่าผู้ประกอบการร้านค้าเกิดขึ้นหลากหลายเจ้า ที่อยู่ในรูปแบบของเว็บไซต์ E-Commerce 

ในบทความนี้เราจะมาพูดถึง “Shopify” เว็บไซต์ชื่อดังที่คนในโลก E-Commerce รู้จักกันดี (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : Shopify คืออะไร?) โดยจะเน้นไปในเรื่องของคู่มือ Shopify SEO ที่จะช่วยให้ร้านค้าของเราติดอันดับต้น ๆ บนหน้าแรกของ Google อันจะส่งผลให้มียอดผู้เข้าชมมากขึ้นด้วย!

SEO สำหรับ Shopify

คู่มือ Shopify SEO Guide: การใส่คีย์เวิร์ดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ร้านค้ามีอันดับที่ดีขึ้น

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ Shopify เป็นเว็บไซต์ E-Commerce ยอดนิยมก็คือความเป็นมิตรกับ SEO ซึ่งจะเห็นได้ว่าร้านค้าจำนวนมากเลือกที่จะดำเนินธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้ร้านค้ามียอดผู้เข้าชม (Traffic) สูงขึ้น เราจำเป็นจะต้องปรับปรุง SEO สำหรับ Shopify อยู่เสมอ และแน่นอนว่าหัวใจหลักของการทำ SEO ได้แก่ “Keyword Research” กล่าวคือ เราต้องมีการเลือกสรรคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมกับเนื้อหาภายในร้านค้าของตนเอง เพื่อที่เวลากลุ่มเป้าหมายค้นหาสินค้าที่เราขาย จะได้เจอร้านค้าของเราเป็นอันดับแรก ๆ บนหน้าผลการค้นหา 

ดังนั้น หากเราไม่มีความรู้เกี่ยวกับ SEO เลย ร้านค้าของเราก็อาจสูญเสียลูกค้าไปให้กับร้านคู่แข่งที่มีความชำนาญเรื่อง SEO มากกว่าโดยไม่รู้ตัว เราจึงต้องรู้จักเพิ่มประสิทธิภาพให้กับร้านค้าของตนเองด้วยเครื่องมือค้นหา โดยอาจมองมุมกลับดูว่า หากเราเป็นลูกค้าที่กำลังมองหาสินค้าใดสินค้าหนึ่งอยู่ เราจะใช้คีย์เวิร์ดใดในการค้นหาสินค้านั้น ๆ จากนั้นให้นำคีย์เวิร์ดที่มีความเป็นไปได้มาใส่ไว้ในหน้าหลักหรือหน้าสินค้าของเรา

การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้บริโภคค้นหาร้านค้าของเราเจอผ่านเครื่องมือค้นหาเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มจำนวนคนเข้าชมเว็บไซต์ อันนำมาซึ่งการเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายได้อีกด้วย และคู่มือ Shopify SEO ของเราวันนี้ ก็จะมาบอก 6 ตำแหน่งสำคัญที่เราต้องใส่คีย์เวิร์ดลงไปเพื่อการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนี้

SEO Title หรือ Meta Title

องค์ประกอบหลักของ SEO สำหรับ Shopify ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ SEO Title หรือ Meta Title เนื่องจากเป็นสิ่งแรกที่กลุ่มเป้าหมายจะเห็นเกี่ยวกับร้านค้าของเรา โดยตัว SEO Title นี้จะปรากฏอยู่บนบรรทัดแรกของหน้าผลการค้นหาในรูปแบบลิงก์ที่สามารถคลิกเข้าไปได้

SEO Title ช่วยให้อัลกอริทึมของ Google และผู้ใช้งานทั่วไปทราบว่าเว็บไซต์ของเราเกี่ยวกับอะไร โดยเครื่องมือค้นหาจะจัดอันดับหน้าตามความเกี่ยวข้องของเนื้อหาของเรากับสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการค้นพบ และสิ่งแรกที่อัลกอริทึมจะตรวจสอบก็คือ SEO Title ที่เราตั้งไว้ และยิ่งถ้าเรามี SEO Title ที่ดี ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มอัตราการมองเห็นเว็บไซต์ อันจะส่งผลต่อยอดการคลิกเข้าชม (CTR) ที่สูงขึ้นด้วย

วิธีการตั้งชื่อ SEO Title ให้เห็นผลมากที่สุด คือการวางคีย์เวิร์ดเป้าหมายไว้ด้านหน้าสุดของประโยค เพราะ Google จะได้มองว่าหน้าเว็บไซต์นี้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้งานกำลังมองหา ซึ่งมีผลให้อันดับเว็บไซต์ของเราพุ่งสูงขึ้นไปอยู่ลำดับแรก ๆ ได้

Meta Description

Meta Description คือ ข้อความสั้น ๆ ราว 2 บรรทัดที่อยู่ข้างใต้ SEO Title มีไว้สำหรับใส่รายละเอียดเนื้อหาในเว็บไซต์โดยย่อ แม้ว่าอาจจะไม่ใช่ปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดอันดับโดยตรงของ SEO สำหรับ Shopify แต่ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ผู้อ่านได้ทราบคร่าว ๆ ว่าถ้าคลิกเข้ามาแล้วจะได้เจอกับอะไร ซึ่งทางที่ดีควรเขียนให้กระชับ เข้าใจง่าย แต่มีความดึงดูดเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนรู้สึกอยากกดเข้ามา และเพื่อให้ Google เข้าใจได้ง่ายว่าเนื้อหาของเรามีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้คนกำลังค้นหามากน้อยแค่ไหน

Heading Tag

ในส่วนของ Heading Tag จะมีอยู่ทั้งหมด 6 ขนาด ได้แก่ H1 ถึง H6 มีหน้าที่กำหนดลำดับความสำคัญของเนื้อหาบนเพจ ซึ่ง H1 จะเป็นส่วนหัวหลักของเพจที่มีอิทธิพลต่อ SEO มากที่สุด และไล่ลงไปเรื่อย ๆ ตามลำดับ โดย Shopify จะใช้ชื่อของหน้านั้น ๆ เพื่อสร้าง H1 สำหรับหน้าเพจของเราโดยอัตโนมัติ ดังนั้น เมื่อเราสร้างหน้าเพจต่าง ๆ บนเว็บไซต์ ก็อย่าลืมใส่คีย์เวิร์ดหลักลงไปในชื่อของหน้านั้น ๆ ด้วย เพื่อให้อัลกอริทึมของเครื่องมือค้นหาตรวจสอบได้ว่าหน้าเพจดังกล่าวมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร และส่วนไหนคือส่วนที่สำคัญที่สุดของเว็บไซต์ 

Product Description

อีกหนึ่งเทคนิคสำคัญของคู่มือ Shopify SEO คือการเขียนคีย์เวิร์ดหลักลงไปในคำอธิบายสินค้าด้วย โดยเราควรเขียนจากมุมมองของผู้บริโภคเสมอ ลองคิดว่าหากตนเองเป็นผู้บริโภคแล้วจะสนใจคำอธิบายสินค้าแบบใด คำพูดไหนที่จะช่วยกระตุ้นความสนใจของเราได้ดี ทั้งนี้ เพื่อให้ Google เปรียบเทียบได้ว่าเนื้อความใน Heading Tag กับเนื้อหาด้านในของเราสัมพันธ์กันหรือไม่ หากทำอย่างถูกวิธี Shopify SEO ของเราก็จะมีคุณภาพ แล้วยังมีโอกาสที่ร้านค้าจะมียอด Conversion เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ALT Text

ถึงแม้ว่าอัลกอริทึมของ Google จะสามารถอ่านข้อความในเนื้อหาบนเว็บไซต์เราได้ แต่ก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจรูปภาพได้อยู่ดี ดังนั้น สิ่งที่เรียกว่า ALT Text จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยเราจะต้องใส่เข้าไปในรูปภาพเพื่อให้ทำหน้าที่เป็นคำอธิบายภาพ ช่วยให้ Google เข้าใจว่าเนื้อหาในภาพนั้น ๆ คืออะไร สอดคล้องกับเนื้อหาที่เป็นข้อความในหน้าเพจเดียวกันมากน้อยแค่ไหน

ทั้งนี้ ผู้อ่านทั่วไปจะไม่สามารถมองเห็นข้อความ ALT Text ได้ ยกเว้นว่าจะนำเมาส์ไปวางไว้บนรูป แต่สำหรับอัลกอริทึมแล้ว ALT Text เปรียบเสมือน Title Tag ของรูปภาพเลยทีเดียว โดย Google จะใช้ ALT Text ในการจัดอันดับ 2 รูปแบบ ดังนี้

  • จัดอันดับภาพแต่ละภาพในการค้นหาภาพ
  • จัดอันดับหน้าเพจที่แสดงภาพ

นอกจากนี้ ผู้ค้นหาบางคนยังมีลักษณะเป็น Visual Thinkers กล่าวคือ เป็นบุคคลที่มีกระบวนการคิดเป็นภาพ ซึ่งหมายความว่าพวกเขามักจะใช้ตัวเลือกการค้นหารูปภาพในการตามหาสินค้าที่ตรงกับความสนใจแทนการเซิร์ชด้วยข้อความ ดังนั้น การใส่คีย์เวิร์ดหลักลงไปใน ALT Text จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการใส่เยอะเกินไป เพราะการยัด ALT Text ใส่ลงไปทุกรูปจะก่อให้เกิดผลเสียแทน เนื่องจากอัลกอริทึมจะไม่สามารถแยกแยะรูปภาพที่สำคัญได้หากว่าทุกภาพมีคีย์เวิร์ดอยู่เหมือน ๆ กันหมด

URL หรือ Slug

ตำแหน่งสุดท้ายนี้เรียกได้ว่าสำคัญไม่แพ้ 5 ตำแหน่งก่อนหน้า เพราะ Google ก็ให้ความสำคัญกับคีย์เวิร์ดที่อยู่ใน URL หรือ Slug มากเช่นกัน และถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลัก ๆ ที่ใช้พิจารณาเรื่องการจัดอันดับเว็บไซต์เลยทีเดียว โดยการทำ SEO บน Shopify นี้ เราสามารถปรับแต่ง URL ได้เองตามใจชอบ แต่แนะนำว่าควรเลือกคีย์เวิร์ดที่เราต้องการโฟกัสที่สั้น กระชับ แต่ชัดเจนถึงเนื้อหาในหน้า URL นั้น ๆ ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร

 

สรุป

จะเห็นได้ว่า การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้าจะทำให้ร้านค้าของเราถูกมองเห็นมากขึ้น ซึ่งจะนำมาสู่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต

นอกจากที่ได้กล่าวไปแล้ว ยังมีหน้าเฉพาะอื่น ๆ อีก เช่น หน้าแสดงข้อมูลการจัดส่ง หน้านโยบายการคืนสินค้า หน้าคำถามที่พบบ่อย เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสื่อสารรายละเอียดสำคัญ ๆ ให้ลูกค้าได้ทราบ รวมถึงลดเวลาที่ใช้ไปกับการตอบคำถามซ้ำซ้อนด้วย ยิ่งเว็บไซต์ร้านค้าของเราสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ที่เข้ามาชมได้มากเท่าไร โอกาสที่ Google จะดันเราขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ ก็ยิ่งมีมากเท่านั้น ดังนั้น จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเราต้องใส่ใจเรื่องของการทำ Shopify SEO นั่นเอง