8 เทคนิคการเขียน Headline เขียนอย่างไรให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก?

นักเขียนบทความ SEO (Search Engine Optimization) หลาย ๆ คน อาจเคยประสบปัญหาว่าทำไมคอนเทนต์ที่เขียนถึงไม่มีคนคลิกเข้ามาอ่าน ส่งผลให้ยอด Traffic ไม่เพิ่ม จนท้ายที่สุดไม่สามารถพาเว็บไซต์ทะยานสู่การติดหน้าแรกของระบบ Search Engine ได้ ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่บทความ SEO เท่านั้น แต่คอนเทนต์โซเชียลมีเดียก็มักเกิดปัญหาจากการไม่มียอดการมีส่วนร่วม (Engagement) ในทำนองเดียวกัน ทำให้ไม่สามารถสื่อสารเนื้อหาที่ต้องการไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างที่ตั้งใจ 

ถึงแม้จะมีปัจจัยมากมาย แต่สาเหตุสำคัญที่นักเขียนหลาย ๆ คนอาจมองข้าม ก็คือการคิดหัวข้อ Headline ที่ไม่ดึงดูดใจมากพอ เพราะ Headline เป็นองค์ประกอบแรกของบทความ SEO ที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกสนใจและอยากจะคลิกเข้าไปอ่านในบทความนั้น ๆ 

สำหรับนักเขียนบทความ SEO ที่ต้องการพัฒนางานเขียนของตัวเอง เรามี 8 เทคนิคการเขียน Headline ที่มีประสิทธิภาพจนสามารถพาเว็บไซต์ไต่อันดับสู่หน้าแรกมาฝาก รับรองว่าหากใครนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ อาจทำให้ยอด Traffic ในเว็บไซต์สูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็เป็นได้!

เทคนิคการเขียน headline

เทคนิคการเขียน Headline 

Headline หรือชื่อบทความเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการเขียนคอนเทนต์ เพราะแม้ว่านักเขียนจะตระเตรียมเนื้อหาภายในบทความเอาไว้ได้ดีและเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายเพียงใด แต่หากหัวข้อไม่น่าดึงดูดใจ กลุ่มเป้าหมายก็คงไม่อยากกดเข้าไปอ่านอยู่ดี ด้วยเหตุนี้ การใช้เทคนิคการเขียน Headline จะสามารถช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้อยากเข้าคลิกไปอ่านได้   

1. แทรกคีย์เวิร์ด

การแทรกคีย์เวิร์ดใน Headline ถือเป็นเทคนิคสำคัญของการเขียนบทความ SEO เพราะนอกจากจะช่วยให้ Google สามารถจับคู่บทความในเว็บไซต์ของเรากับคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาได้แล้ว การใส่คีย์เวิร์ดลงไปยังจะช่วยให้สามารถกำหนดทิศทางการเขียนบทความได้อย่างชัดเจน ทำให้บทความมีเนื้อหาที่ตรงประเด็น ไม่นอกเรื่อง และสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายที่เสิร์จคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

เทคนิคง่าย ๆ ของการแทรกคีย์เวิร์ดลงไป ก็คือการใส่ให้อยู่ในคำแรกของ Headline นอกจากนี้ นักเขียนอาจใช้เครื่องมือช่วยค้นหาคีย์เวิร์ด เช่น Google Keyword Planner จากนั้นนำคำที่ได้มาปรับใช้ให้เข้ากับสไตล์การเขียนของตนเอง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ Headline สามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว 

2. เขียนความยาวที่เหมาะสม

ความสั้นยาวของ Headline ก็มีผลต่อการตัดสินใจคลิกเข้ามาอ่านบทความด้วยเช่นเดียวกัน โดยบทความ SEO ที่ดีควรมี Headline อยู่ในช่วง 570 – 580 Pixel Width แต่ไม่ควรเกิน 600 Pixel Width นอกจากนี้ ยังควรคิดประโยคที่สั้น กระชับ และสามารถสื่อความหมายได้อย่างตรงประเด็น เพราะเมื่อกลุ่มเป้าหมายอ่านแล้วเข้าใจเนื้อหาที่ Headline ต้องการจะสื่อสาร ก็จะช่วยดึงดูดให้พวกเขาอยากกดคลิกเข้ามาอ่านบทความฉบับเต็มเพิ่มมากขึ้น

3. ใส่คำแสดงความรู้สึกลงไปใน Headline

ยิ่ง Headline มีคำที่สะดุดสายตาผู้อ่านได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกอยากอ่านบทความมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น นอกจากคิดชื่อ Headline ที่สามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนแล้ว นักเขียนควรแทรกคำแสดงความรู้สึกที่น่าสนใจเข้าไปด้วย เพื่อชวนให้นักอ่านรู้สึกว่า พวกเขาจะพลาดกับบทความนี้ไปไม่ได้ ตัวอย่างของคำแสดงความรู้สึกต่าง ๆ เช่น เยี่ยม! เจ๋ง! ไม่รู้ไม่ได้! หรือ ฟรี!

การใส่คำแสดงความรู้สึกเหล่านี้ลงไปใน Headline เป็นวิธีดึงดูดความสนใจกลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะจะช่วยสร้างความสงสัย พร้อมกระตุ้นความอยากรู้ และทำให้พวกเขามีอารมณ์ร่วมจนอยากคลิกอ่านบทความในที่สุด 

4. ใช้ตัวเลขดึงให้ผู้อ่านสนใจมากขึ้น

บริษัท Conductor คือหนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านการทำ SEO ได้ทำการสำรวจถึงพฤติกรรมการคลิกเข้าไปอ่านบทความของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยได้พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า บทความที่ได้รับความนิยมเข้าไปคลิกมากที่สุดเป็นอันดับ 1 จำนวนกว่า 36% เป็นบทความที่มีตัวเลขแทรกอยู่ใน Headline โดยตัวเลขที่นำมาตั้งเป็นชื่อของ Headline นั้น อาจเป็นเนื้อหาที่ถูกสรุปออกมาเป็นข้อ ๆ เช่น

– 10 เทคนิคการเขียน Headline

– 5 วิธีทำบทความ SEO ง่าย ๆ ให้ติดหน้าแรก

– 3 เดือนสู่เส้นทางการเป็นนักการตลาดที่ประสบความสำเร็จที่สุด

5. ตั้ง Headline ให้เป็นคำถาม

อีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยเรียกความสนใจให้กลุ่มเป้าหมายอยากคลิกเข้าไปอ่านบทความของเราก็คือ การตั้ง Headline ในรูปแบบคำถาม โดยแนะนำให้นักเขียนตรวจสอบโครงเรื่องของบทความนั้น ๆ ก่อนว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร มีประเด็นไหนน่าสนใจ ที่คิดว่ากลุ่มเป้าหมายอาจเกิดความสงสัยและอยากรู้ จากนั้นให้หยิบมาตั้งเป็นชื่อ Headline และเมื่อกลุ่มเป้าหมายเห็นชื่อบทความที่สามารถนำไปสู่คำตอบที่พวกเขาตามหา ก็จะคลิกเข้าไปอ่านบทความในทันที อย่างไรก็ดี การตั้ง Headline ด้วยวิธีนี้ควรตรวจสอบให้ถี่ถ้วนด้วยว่าประเด็นคำถามที่นำมาตั้ง เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในบทความจริงไหม หรือหากตั้งประเด็นนั้น ๆ แล้ว ตัวบทความจะสามารถให้คำตอบได้จริงหรือเปล่า เพราะหากไม่สามารถทำได้ แทนที่กลุ่มเป้าหมายจะประทับใจ พวกเขาอาจรีบกดออกไปจากบทความ จนในที่สุดส่งผลต่อคะแนนการจัดอันดับ SEO ได้ด้วยเช่นกัน

6. หยิบปัญหาของกลุ่มเป้าหมายมาตั้งเป็น Headline

การหยิบปัญหาที่กลุ่มเป้าหมายกำลังกังวลอยู่มาตั้งเป็น Headline ถือเป็นวิธีดึงดูดความสนใจที่ทำให้พวกเขาอยากคลิกอ่านบทความได้เป็นอันดับต้น ๆ อย่างไรก็ดี การตั้ง Headline ด้วยวิธีนี้ก็มีข้อควรระวัง เพราะนักเขียนไม่ควรใช้คำแง่ลบจนเกินไป แต่ควรเน้นใช้คำกลาง ๆ ที่ครอบคลุมประเด็นปัญหาและวิธีแก้ไขของกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด เพราะหากบทความมอบทางออกให้พวกเขาได้ พวกเขาก็มีแนวโน้มจะใช้เวลาอยู่ในหน้าบทความได้นานขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการใช้งานในเว็บไซต์ด้วย

7.ใช้คำที่สื่อถึงทางลัด และวิธีได้คำตอบของปัญหาแบบประหยัดเวลา

เมื่อกลุ่มเป้าหมายมีปัญหา พวกเขาล้วนแล้วแต่อยากหาวิธีแก้ไขให้เร็วที่สุด ดังนั้น การนำคำที่สื่อถึงทางลัดและวิธีแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วมาตั้ง Headline จึงอาจช่วยดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้ดีมากยิ่งขึ้น นักเขียนจึงอาจเลือกใช้คำที่ฮุกความสนใจ เช่น ทางลัด เคล็ดลับ วิธีลับ ใส่ใน Headline พวกเขาก็จะรู้สึกได้ว่าบทความเป็นตัวช่วยที่ทำให้พวกเขาแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

8. แทรกคำที่แสดงการให้คำสัญญา

เมื่อนักการตลาดรู้แล้วว่ากลุ่มเป้าหมายต้องการอะไรหรือมีปัญหาเรื่องอะไร สิ่งที่ควรต้องทำต่อไปก็คือ การให้สัญญาว่าพวกเขาจะได้รับสิ่งที่ต้องการจากการคลิกอ่านบทความนั้น ๆ ด้วยเหตุนี้ นักทำ SEO จึงควรสอดแทรกคำที่แสดงการให้คำสัญญาใน Headline ของบทความเอาไว้ด้วย เช่น “10 เทคนิคการทำ SEO ที่ทำให้เว็บไซต์ขึ้นหน้าแรกภายในไม่ถึง 3 เดือน” ซึ่งการทำให้กลุ่มเป้าหมายเชื่อมั่นในบทความได้ตั้งแต่ Headline ก็จะช่วยให้พวกเขาอยากคลิกอ่านบทความ นำไปสู่การเพิ่ม Traffic ในเว็บไซต์ให้มากขึ้นได้นั่นเอง

วิธีเขียน Headline

สรุป

สำหรับการเขียนบทความ SEO หรือคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดีย ต่อให้เนื้อหาดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่สามารถตั้ง Headline ให้ดึงดูดใจได้ ก็อาจทำให้กลุ่มเป้าหมายไม่อยากจะคลิกเข้ามาอ่าน  ดังนั้น Headline จึงเปรียบเสมือนหน้าตาของบทความที่นักทำ SEO ควรให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่น ๆ 

แต่หากผู้ประกอบการท่านใดที่รู้สึกว่าการตั้ง Headline และทำบทความ SEO เป็นเรื่องยุ่งยาก Primal Digital Agency ดิจิทัลเอเจนซีของเรามีนักการตลาดที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า 150 คน ที่พร้อมให้คำแนะนำในทุกขั้นตอน หากพร้อมแล้วสามารถติดต่อเราเพื่อปรึกษาแผนการตลาดฟรีได้เลย