รวม 18 เทคนิคเสิร์ช Google แบบมือโปร ใช้งานสะดวกกว่าเดิม

เคยไหม? พิมพ์หาข้อมูลที่อยากรู้ใน Google แต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอ หรือบางทีที่เจอก็ใช้เวลานาน ต้องเปลี่ยนคีย์เวิร์ดไปมา แน่นอนว่าหลาย ๆ คนคงเคยเจอปัญหาเหล่านี้ เพราะปัจจุบัน Search Engine อย่าง Google ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของพวกเราเสียแล้ว ไม่ว่าจะอยากรู้อะไร ใคร ๆ ต่างก็ต้องพึ่งพา Google ในการค้นหาข้อมูล แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่ผลการค้นหาจะตรงตามที่ใจเราต้องการเสมอไป ดังนั้น บทความนี้จึงได้รวบรวม 18 วิธีใช้ Google แบบมือโปรมาให้รู้กัน เพื่อที่การค้นหาของทุกคนจะได้ง่ายขึ้นแล้วยังใช้เวลาน้อยลงอีกด้วย!

เทคนิคการค้นหาด้วย Google

1. หาประโยคที่ต้องการแบบเป๊ะ ๆ ด้วย (“…”)

วิธีค้นหา : “(คำหรือประโยคที่ต้องการค้นหา)”

วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถหาคำหรือประโยคทั้งประโยคได้แบบเป๊ะ ๆ โดย Google จะแสดงผลลัพธ์ที่มีคำหรือประโยคนั้น ๆ ทั้งหมดก่อน เช่น หากพิมพ์ว่า “การันตีผลลัพธ์ SEO ใน 90 วัน” ก็จะปรากฏเว็บไซต์ที่มีคำว่า “การันตีผลลัพธ์ SEO ใน 90 วัน” ขึ้นมาเป็นอันดับแรก ส่วนเว็บไซต์ที่มีคีย์เวิร์ดไม่ตรงหรือแค่ใกล้เคียงก็จะถูกแสดงผลไว้ด้านล่าง เพราะไม่ตรงกับคำที่เราใส่ในเครื่องหมาย “…” นั่นเอง

 

2. ตัดคำที่ไม่ต้องการออกด้วย (-)

วิธีค้นหา : (คำที่ต้องการค้นหา) -(คำที่ไม่ต้องการเห็น)

ทุกครั้งที่เราค้นหาข้อมูลบางอย่าง เรามักจะใส่กลุ่มคำแบบกว้าง ๆ ลงไป เช่น “รับทำ SEO” และ Google ก็จะดึงคำทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่เราใช้ค้นหาขึ้นมา ซึ่งบางครั้งเราก็ไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้น ฉะนั้น ใครที่กำลังพบเจอปัญหาเช่นนี้ ให้พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา เว้นวรรคหนึ่งครั้ง แล้วตามด้วย -(คำที่เราไม่ต้องการ) เช่น รับทำ SEO -สายดำ เพียงเท่านี้ Google ก็จะลบส่วนที่ไม่ต้องการออกไป และเราก็จะได้ผลการค้นหาเฉพาะส่วนที่เราต้องการแล้ว

 

3. เพิ่มคำที่ต้องการด้วย (+)

วิธีค้นหา : +(คำที่ต้องการ)

เราสามารถเพิ่มคำที่เราต้องการเข้าไปเพื่อให้ผลการค้นหามีความแม่นยำมากขึ้น โดยสามารถหาพร้อมกันหลายคำได้ เช่น +SEO +Digital agency +กรุงเทพ เป็นต้น

 

4. หาคำเฉพาะในเว็บไซต์ที่ต้องการ

วิธีค้นหา : site:(ชื่อเว็บไซต์) (คำที่ต้องการค้นหา) หรือ (คำที่ต้องการค้นหา) site:(ชื่อเว็บไซต์)

เทคนิคการค้นหานี้จะช่วยให้เราสามารถเลือกหาข้อมูลที่มีความเฉพาะเจาะจงในเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งได้ โดยผลการค้นหาจะขึ้นเฉพาะข้อมูลจากเว็บไซต์ที่เราเลือก เช่น หากต้องการหาคำว่า SEO จากเว็บไซต์ Primal ให้พิมพ์ว่า site:primal.co.th/th SEO ผลลัพธ์ก็จะแสดงทุกหน้าที่มีคำว่า SEO ของเว็บไซต์ Primal เท่านั้น

 

5. หาเฉพาะประเภทไฟล์ที่ต้องการ

วิธีค้นหา : (คำที่ต้องการ) filetype:(ประเภทไฟล์ที่ต้องการ)

เมื่อค้นหาด้วยวิธีนี้ เราจะสามารถเลือกหัวข้อที่สนใจและประเภทไฟล์ที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ pdf, docs, pptx หรือ xlsx ซึ่ง Google ก็จะแสดงผลที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่เราเสิร์ชในรูปแบบไฟล์ที่เราต้องการ เช่น หากเราอยากรู้เรื่อง Affiliate Marketing และต้องการเสิร์ชเป็นไฟล์ pdf เพื่อดาวน์โหลดไปใช้งาน ก็เสิร์ชว่า Affiliate Marketing filetype:pdf เป็นต้น

 

6. เปรียบเทียบผลการค้นหา ด้วยการเพิ่มคำว่า or

วิธีค้นหา : (คำที่หนึ่ง) or (คำที่สอง)

เทคนิคการค้นหานี้ใช้เมื่อต้องการค้นหาเชิงเปรียบเทียบ หรือผลลัพธ์ในรูปแบบที่มีทั้งสองคีย์เวิร์ดอยู่ด้วยกัน โดยการเติมคำว่า or เข้ามาระหว่างทั้งสองคำ เช่น SEO or SEM ผลการค้นหาก็จะออกมาในรูปแบบการเปรียบเทียบระหว่าง SEO กับ SEM

 

7. หาเว็บไซต์ที่คล้าย ๆ กัน

วิธีค้นหา : related:(ชื่อเว็บไซต์)

บางทีเราอาจอยากหาเว็บไซต์ใหม่ ๆ แต่คอนเทนต์คล้าย ๆ เว็บไซต์เดิมที่เคยใช้ เช่น อยากหาเว็บไซต์ที่รวมรูปฟรีไม่ติดลิขสิทธิ์คล้าย ๆ Shutterstock ก็สามารถเสิร์ชได้ว่า related:shutterstock.com และ Google ก็จะแสดงเว็บไซต์ประเภทเดียวกันขึ้นมา

 

8. ทางลัดแปลภาษา

วิธีค้นหา : (ศัพท์ที่เราอยากรู้) แปลว่า หรือ (ศัพท์ที่เราอยากรู้) meaning

หลายคนอาจเคยใช้เทคนิคเสิร์ช Google รูปแบบนี้ หรือที่เรียกว่าทางลัดแปลภาษา โดยเมื่อเราอยากรู้ความหมายของคำศัพท์ไหน เราก็สามารถพิมพ์คำนั้น ๆ ลงในช่อง URL หรือช่องการค้นหา แล้วตามด้วยคำว่า แปลว่า หรือถ้าหากอยากรู้ลึกถึงการออกเสียงและตัวอย่างประโยคก็ให้ตามด้วยคำว่า meaning ได้เลย ซึ่งเทคนิคนี้จะเปรียบเสมือนพจนานุกรมออนไลน์เลยทีเดียว

 

9. แปลงหน่วยค่าเงิน

วิธีค้นหา : (จำนวนเงินที่ต้องการแปลง) (หน่วยเงิน) to (หน่วยเงินที่ต้องการแปลง)

เป็นวิธีการค้นหาที่ช่วยให้เราเปรียบเทียบค่าเงินได้ง่าย ๆ แถมยังรวดเร็ว เพียงแค่พิมพ์จำนวนเงินตามด้วยหน่วยเงิน เช่น USD, YEN, WON เป็นต้น จากนั้นใส่คำว่า to และปิดท้ายด้วยหน่วยเงินที่ต้องการแปลง เช่น 20000 won to baht แล้ว Google ก็จะแสดงผลการแปลงค่าเงินมาให้ทันที นอกจากนี้ ยังสามารถเปลี่ยนหน่วยกลับไปมา หรือดูเทรนด์การขึ้น-ลงของค่าเงินได้ในกราฟที่แสดงขึ้นมาอีกด้วย

 

10. หาข้อมูลตามช่วงตัวเลข

วิธีค้นหา : (สิ่งที่ต้องการ) (ตัวเลขเริ่มต้น)..(ตัวเลขสิ้นสุด)

อีกหนึ่งวิธีใช้ Google แบบมือโปรที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน นั่นก็คือการหาข้อมูลตามช่วงตัวเลขที่เรากำหนดเองได้ เช่น เช่าคอนโดราคา 15000..20000 เป็นต้น ซึ่ง Google ก็จะกรองผลลัพธ์เว็บฯ ที่มีตัวเลขระหว่าง 15000-20000 มาให้ โดยที่เราไม่ต้องไปนั่งค้นหาเองในเว็บไซต์หลาย ๆ เว็บฯ อีกต่อไป

 

11. แปลงหน่วยความยาว น้ำหนัก ระยะทาง และอื่น ๆ

วิธีค้นหา : (จำนวนที่ต้องการ) (หน่วย) to (หน่วยที่ต้องการแปลง)

เทคนิคนี้ช่วยให้เราแปลงจากหน่วยหนึ่งเป็นอีกหน่วยหนึ่งได้ ไม่ว่าจะเป็นความยาว น้ำหนัก ระยะทาง ความเร็ว อุณหภูมิ ฯลฯ โดยที่เราไม่ต้องกดเข้าไปหาเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันช่วยแปลงแต่อย่างใด เพียงแค่พิมพ์จำนวนที่ต้องการ ตามด้วยหน่วย คั่นด้วยคำว่า to และปิดด้วยหน่วยที่ต้องการแปลง เช่น 15 inch to cm เท่านี้เราก็จะได้คำตอบที่ตามหาแล้ว

 

12. หาคำที่หายไปด้วย (*)

วิธีค้นหา : เติม * ลงไปในคำที่เราต้องการเว้นไว้

ในบางครั้ง เราอาจอยากเสิร์ชหาประโยคอะไรสักอย่างแต่จำรูปประโยคทั้งหมดไม่ได้ ซึ่งนั่นก็ไม่เป็นปัญหาเลยหากเรารู้เทคนิคเสิร์ช Google รูปแบบนี้ กล่าวคือ เราสามารถเติมสัญลักษณ์ดอกจัน (*) แทนลงไปในคำที่เรานึกไม่ออกหรือจำไม่ได้ เช่น เพิ่ม * คนเข้าเว็บไซต์ภายใน * วัน เป็นต้น แล้ว Google ก็จะแสดงหน้าเว็บไซต์ที่มีคำใกล้เคียงกับคำที่เราใช้เสิร์ชหามากที่สุดขึ้นมา

 

13. หาค่าแคลอรีในอาหาร

วิธีค้นหา : calories in (ชื่ออาหาร)

อีกวิธีหนึ่งที่หลาย ๆ คนอาจยังไม่รู้ว่า Google ทำได้ ก็คือการหาค่าแคลอรีในอาหาร โดยเราสามารถระบุชื่ออาหารได้เลย เช่น หากเราอยากรู้ว่าโดนัทมีแคลอรีเท่าไร ก็เสิร์ชว่า calories in doughnut แล้ว Google จะแสดงค่าแคลอรีของโดนัทมาให้ อีกทั้งยังสามารถดูย่อยลงไปได้อีกว่า โดนัทช็อกโกแลต โดนัทครีม โดนัทน้ำตาลมีปริมาณแคลอรีเท่าไร เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคเสิร์ช Google ที่มีประโยชน์มากอันหนึ่งทีเดียว

 

14. เช็กรอบฉายภาพยนตร์

วิธีค้นหา : (ชื่อภาพยนตร์) รอบฉาย หรือ showtimes

เช็กรอบฉายภาพยนตร์ได้ง่าย ๆ แบบครบทุกโรง ทุกรอบ เพียงแค่พิมพ์ชื่อภาพยนตร์ที่ต้องการหา ตามด้วยคำว่า รอบฉาย หรือ showtimes จากนั้น Google ก็จะแสดงผลรอบฉายหนังโดยอ้างอิงจากตำแหน่งที่อยู่ของเราจากใกล้ที่สุดและค่อย ๆ ห่างไกลออกไปตามลำดับ และเราสามารถคลิกเข้าไปจองหนังในรอบฉายนั้น ๆ จากหน้าการค้นหาได้ทันที

 

15. ดูเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ทุกที่ทั่วโลก

วิธีค้นหา : พระอาทิตย์ขึ้น/พระอาทิตย์ตก (ชื่อประเทศ) หรือ sunrise/sunset (ชื่อประเทศ)

เทคนิคนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวไปที่ต่าง ๆ และอาจจะต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นและตกของแต่ละประเทศเพื่อวางแผนการเดินทาง โดยสามารถพิมพ์คำว่า พระอาทิตย์ขึ้น หรือ พระอาทิตย์ตก แล้วตามด้วยชื่อสถานที่ เช่น พระอาทิตย์ขึ้น เกาหลี เป็นต้น หรือจะเสิร์ชเป็นภาษาอังกฤษว่า sunrise หรือ sunset ก็ได้เช่นเดียวกัน

 

16. เช็กเที่ยวบิน

วิธีค้นหา : พิมพ์ชื่อเที่ยวบิน

อีกหนึ่งฟีเจอร์ (ไม่) ลับคือ การค้นหาข้อมูลเที่ยวบินเพื่อเช็กสถานะได้ทันที ด้วยการพิมพ์ชื่อเที่ยวบินของเราลงในช่องการค้นหา และ Google ก็จะดึงข้อมูลสถานะของไฟลท์บินนั้น ๆ มาให้เราดูทันที โดยข้อมูลจะประกอบไปด้วยกำหนดเวลาบิน เช่น ออกตอนไหน หรือถึงเมื่อไหร่ ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลากดเข้าไปเช็กในเว็บไซต์ของสายการบิน

 

17. ใช้เป็นนาฬิกาจับเวลา

วิธีค้นหา : พิมพ์คำว่า Stopwatch

นอกจากจะใช้ค้นหาประโยคหรือคำต่าง ๆ ได้แล้ว Google ยังมีฟีเจอร์ช่วยจับเวลาได้อีกด้วย! เพียงแค่พิมพ์คำว่า Stopwatch ลงบนช่องการค้นหา Google ก็จะสามารถเป็นนาฬิกาจับเวลาให้เราได้ อีกทั้งประสิทธิภาพในการใข้งานยังเทียบเท่านาฬิกาจริง ๆ ได้เลยทีเดียว

 

18. ใช้เป็นเครื่องคิดเลข

วิธีค้นหา : พิมพ์ชุดตัวเลขที่เราอยากหาคำตอบ

เราสามารถใช้ Google เป็นเครื่องคิดเลขได้ด้วย เพียงแค่พิมพ์ชุดตัวเลขที่เราต้องการหาค่าลงไป เช่น 80+70 ผลลัพธ์ก็จะปรากฏขึ้นเป็นหน้าตาของเครื่องคิดเลขมาให้เราทันที

 

สรุป

ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีใช้ Google แบบมือโปรเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น เพราะยังมีเทคนิคเสิร์ช Google อีกมากมายที่จะทำให้การค้นหาของเรามีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น หากใครใช้อินเทอร์เน็ตหาข้อมูลเป็นประจำ ก็อย่าลืมนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ด้วยนะ!