เปิดศึกแชตบอต ChatGPT vs Bard ตัวไหนดีกว่า เทียบกันชัด ๆ

ยังคงเป็นกระแสที่มาแรงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี สำหรับแชตบอตสุดอัจฉริยะ “ChatGPT” ที่พัฒนาโดยบริษัท OpenAI โดยมีทุนสนับสนุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ซึ่งหลังจากเปิดให้ทดลองใช้งาน ก็นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากการมียอดผู้ใช้งานกว่า 1 ล้านคน หลังเปิดบริการเพียง 5 วันเท่านั้น ทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็น AI ที่ฉลาดที่สุดที่โลกมีในขณะนี้

การเข้ามาของ ChatGPT นอกจากจะสะเทือนวงการเทคโนโลยีแล้ว ยังส่งผลให้คนทั่วไปเกิดความกังวลว่า เมื่อมีการพัฒนา AI ให้ฉลาดล้ำถึงเพียงนี้ได้ ในอนาคต AI จะสามารถทำทุกอย่างแทนคนได้หรือไม่ แล้วถ้า ChatGPT ได้รับการพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ อีก จะสามารถล้ม Search Engine ยักษ์ใหญ่อย่าง Google ได้เลยหรือเปล่า

ทาง Google เห็นดังนั้นก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ รีบพัฒนาแชตบอตที่มีลักษณะการใช้งานคล้าย ๆ ChatGPT ออกมา โดยใช้ชื่อว่า “Google Bard” เรียกเสียงฮือฮาและสะเทือนวงการ AI ไม่น้อย ซึ่งคนทั่วไปก็มองว่า Bard นี่แหละที่จะมาเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของ ChatGPT แต่ศึกแชตบอต ChatGPT VS Bard ครั้งนี้ใครจะชนะ วันนี้เราจะพาไปดูกันชัด ๆ !

อ่านเกี่ยวกับ ChatGPT เพิ่มเติมได้ที่ : ChatGPT คืออะไร แชตบอตสุดล้ำที่ตอบสารพัดข้อความแทนมนุษย์ได้ !

Bard AI คืออะไร

Google Bard คืออะไร

เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Alphabet บริษัทแม่ของ Google ได้ประกาศเปิดตัว “Google Bard” เทคโนโลยีแชตบอต AI เพื่อมาต่อสู้กับความนิยมอย่างล้นหลามของ ChatGPT ซึ่งขณะนี้ Bard กำลังมีการทดลองภายใน และเตรียมเปิดให้คนทั่วไปได้ใช้งานเร็ว ๆ นี้ โดยจะนำร่องใช้งานบน Search Engine ของ Google ก่อน ผ่านการใช้แบบจำลองภาษาที่ Google พัฒนาเอง ชื่อว่า LaMDA (Language Model for Dialogue Applications) อันเป็นระบบที่เข้าใจบทสนทนาอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้การพูดคุยโต้ตอบมีลักษณะคล้ายมนุษย์มากขึ้น

ทั้งนี้ Bard จะมีความคล้าย ChatGPT ในแง่ของการรวบรวมข้อมูลที่ยากและซับซ้อน จากนั้น ก็นำมาย่อยให้ง่ายและให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาได้อย่างรวดเร็ว จนรู้สึกเหมือนมีคนมาตอบคำถามให้จริง ๆ ไม่ใช่ AI นอกจากนี้ ทั้ง Microsoft และ Google จะนำเทคโนโลยี AI นี้ไปใช้กับบริการ Search Engine ด้วย ทำให้คนเริ่มตั้งคำถามว่าแชตบอต Bard สู้ ChatGPT ได้จริงหรือไม่

 

เปรียบเทียบความต่าง ChatGPT VS Bard

ทั้ง ChatGPT และ Bard ต่างก็เป็นแชตบอต แต่ความแตกต่าง คือ ChatGPT จะใช้โมเดลภาษา GPT-3.5 (Generative Pre-trained Transformer 3.5) ทำงานอยู่เบื้องหลัง ในขณะที่ Google Bard ใช้โมเดลภาษาที่ชื่อว่า LaMDA ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น

อย่างไรก็ตาม ทั้ง GPT-3.5 และ LaMDA ต่างก็เป็นโมเดลภาษาที่ใหญ่มาก ๆ เหมือนกัน โดย GPT-3.5 มีพารามิเตอร์มากถึง 175,000 ล้านพารามิเตอร์ ส่วน LaMDA มี 137,000 ล้านพารามิเตอร์ และในขณะที่ LaMDA ถูกออกแบบมาเพื่อทำความเข้าใจบริบทของการสนทนา เน้นการตอบสนองที่คล้ายมนุษย์มากที่สุด ทว่า GPT เป็นรูปแบบภาษาที่ใช้งานทั่วไป

หากถามว่า แชตบอต Bard สู้ ChatGPT ได้หรือไม่ ก็ต้องตอบว่าได้แน่นอน เพราะนอกจากความต่างที่ได้อธิบายไปแล้ว ยังมีเรื่องของข้อมูลที่ AI ทั้งสองนำมาใช้ โดย Bard จะค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ส่วน ChatGPT จะค้นหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ ดังนั้น ข้อมูลจาก Google Bard จึงมีเยอะกว่า และสามารถเข้าถึงข้อมูลที่อัปเดตกว่า ChatGPT ซึ่งมีข้อมูลถึงแค่ปี 2021 เท่านั้น

ในทางกลับกัน การใช้ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตของ Bard ก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีเลิศไร้ที่ติ เพราะอย่างที่เรารู้กันว่า ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตจำนวนมากก็ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรอง และมีข้อมูลผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง ที่สำคัญ คือ Google Bard ยังไม่รองรับเครื่องตรวจจับการคัดลอกผลงานด้วย แต่ ChatGPT นั้นมีเครื่องมือตรวจสอบการลอกเลียนแบบอยู่ในตัว เรียกว่า AI Text Classifier ทำให้ทุกครั้งที่เราใช้ Bard ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลซ้ำอีกรอบเสมอ เพื่อให้ข้อมูลที่จะเผยแพร่ออกสู่สาธารณชนนั้นมีความถูกต้องแม่นยำมากที่สุด

ดังนั้น ต่อให้แชตบอต Bard สู้ ChatGPT ได้ก็จริง แต่ก็ยังบอกไม่ได้เต็ม 100% ว่าศึก ChatGPT VS Bard ครั้งนี้ Bard จะชนะหรือไม่ เพราะทั้งสองอย่างก็มีจุดแข็งและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไปตามการใช้งาน และอย่างไรก็ดี อัลกอริทึมของ Google ฉบับปี 2023 นี้ ก็ระบุว่า Google ยังคงให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่มนุษย์เป็นผู้เขียนมากที่สุด

แชตบอตตัวไหนดี

 

ฟังก์ชันของ Bard ที่อาจได้เห็นในอนาคต

หากใครเคยใช้ ChatGPT แล้ว ก็จะรู้ว่าความสามารถของตัว AI นั้นน่าทึ่งทีเดียว เพราะสามารถทำได้หลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการแปลภาษา การสร้างเนื้อหาจากหัวข้อที่เรากำหนด ไปจนถึงการศึกษาและวิจัยข้อมูลเชิงลึก ทำเอาวงการการศึกษาสั่นสะเทือน เนื่องจากมีข่าวว่า ChatGPT สามารถช่วยนักเรียน-นักศึกษาทำข้อสอบจนผ่าน

แต่อย่างที่บอกว่า Bard ใช้โมเดลภาษา LaMDA ซึ่งแตกต่างจาก ChatGPT ทำให้ Bard จะตอบคำถามได้ละเอียดกว่าการค้นหาบน Google โดยทั่วไป และต้องบอกว่าหาก Google ปล่อย Bard ออกมาให้ใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อไร ก็มีแนวโน้มว่า Bard จะมาแรงแซงโค้งไม่แพ้ ChatGPT เลยทีเดียว โดย Bard มีฟังก์ชันการใช้งานที่คาดเดาว่าเราจะได้เห็นในอนาคต ดังนี้

การเขียนเชิงสร้างสรรค์

Google Bard จะมีเครื่องมือแนะนำคำ ประโยค และธีมของคอนเทนต์อยู่ในตัว ซึ่งจะช่วยให้เราเกิดแนวคิดใหม่ ๆ สำหรับการทำคอนเทนต์ได้ และ AI ยังสามารถเสนอคำพ้องความหมายหรือคำที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นตัวเลือกในการนำไปใช้ นอกจากนี้ Google Bard ยังมีฟังก์ชันประเมินงานเขียน และเสนอความคิดเห็นในด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นฟีดแบ็ก เช่น สไตล์งาน โทนเรื่อง และโครงสร้างการเขียน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างสรรค์งานเขียนได้ดียิ่งขึ้น

เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผู้ใช้งาน

มีการคาดเดาว่า Bard AI จะทำหน้าที่ในเรื่องของการช่วยเราจัดการเวลาและสิ่งที่ต้องทำ เหมือนเป็นปฏิทินชิ้นหนึ่งที่ช่วยลดภาระในการมานั่งจดว่าเรามีนัดหมายอะไร วันไหนบ้าง

นอกจากนี้ แชตบอต Bard ยังมีฟังก์ชันการทำงานอัตโนมัติหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการจองร้านอาหาร การค้นหาสินค้าและบริการ หรือแม้แต่การซื้อของ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้เราได้ทั้งหมด ราวกับเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเราเอง

นำ AI ไปใช้กับ Google Meet, Google Docs และ Gmail

เช่น มี AI ช่วยแปลภาษาเวลาประชุมใน Google Meet มีเครื่องมือช่วยแนะนำคำ รูปประโยค หรือแก้ไขคำผิดเวลาทำงานใน Google Docs และช่วยบางสายงานในการตอบ Gmail เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น

ในขณะที่ Bard กำลังเร่งพัฒนาเพื่อปล่อย AI ออกมาเป็นคู่แข่งของ ChatGPT อย่างเต็มรูปแบบ ทางด้าน ChatGPT เองก็ไม่นิ่งดูดาย รีบพัฒนาตนเองให้ไปไกลกว่าเช่นกัน โดยตอนนี้ มีแหล่งข่าวเปิดเผยว่า Microsoft กำลังวางแผนเตรียมตัวปล่อยเทคโนโลยีสำหรับบริษัท โรงเรียน และรัฐบาล เพื่อสร้าง ChatGPT ในแบบฉบับของตนเอง เช่น เป็น Call Center รับสายลูกค้า เป็นต้น ทั้งยังมีการคาดการณ์ว่าจะทำเทคโนโลยีแชตบอตมาใช้กับเครื่องมือหลักอย่าง PowerPoint, Word และ Excel อีกด้วย ดังนั้น ศึกระหว่าง ChatGPT VS Bard ก็ยังคงต้องจับตามองกันต่อไป

 

สรุป ChatGPT VS Bard

ขณะนี้ Bard ยังคงเปิดใช้ในกลุ่มผู้ทดสอบอยู่ โดย Sundar Pichai CEO ของ Alphabet เผยว่าจะเปิดให้บริการในวงกว้างในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เรียกได้ว่าเป็นความพยายามของ Google ที่แสดงให้เห็นถึงความมุมานะของบริษัทในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี AI ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจในสังคมปัจจุบัน แม้จะถูกมองว่าเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาส่งผลกระทบครั้งยิ่งใหญ่ต่อหลาย ๆ อุตสาหกรรม แต่โลกก็ยังคงต้องเดินต่อไปข้างหน้าอยู่ดี ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่เป็นเพียงแค่ยุคเริ่มต้นของ AI เท่านั้น และในอนาคตก็ยังมีอีกหลายความท้าทายรออยู่ ที่ไม่ว่า ChatGPT หรือ Bard ก็ต้องเผชิญ เช่น มาตรฐานด้านจรรยาบรรณ มาตรฐานความถูกต้องของข้อมูล หรือการเปลี่ยนผ่านทดแทนมนุษย์ในหลายสายอาชีพ เป็นต้น

จึงกล่าวได้ว่า การต่อสู่ครั้งนี้มีความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะในขณะที่ Google เร่งพัฒนาจนแชตบอต Bard สู้ ChatGPT ได้ ChatGPT เองก็พยายามสู้กลับไม่น้อยไปกว่ากัน มาติดตามกันต่อไปว่าสงคราม AI ระหว่าง Microsoft และ Google ใครจะ “รอด” หรือ “ร่วง”