Sustainability Mindset คืออะไร รู้จักวิธีทำการตลาดแบบยั่งยืน

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราน่าจะเคยได้ยินคำว่า “ความยั่งยืน (Sustainability)” กันอยู่บ่อย ๆ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้ เรื่องของความยั่งยืนอาจจะดูเป็นแค่เทรนด์ที่มักอยู่ในโพรเจ็กต์เล็ก ๆ แต่พอมาถึงปัจจุบัน ความยั่งยืนกลายเป็นเป้าหมายสำคัญที่ทุกคนต้องร่วมมือกันสร้างให้สำเร็จ บ่อยครั้ง ความยั่งยืนจะถูกผสานรวมเข้าไปในองค์กรต่าง ๆ ทั้งเล็กและใหญ่ ที่ทุกธุรกิจต่างต้องดำเนินไปให้ถึง หลายคนก็เชื่อว่ากระแสนี้กลับมาบูมขึ้นอีกครั้งเพราะการระบาดของโรคโควิด-19

ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าการระบาดใหญ่ครั้งนี้ได้ให้มุมมองใหม่แก่โลกธุรกิจ เพราะไม่เคยมีช่วงเวลาใดในอดีตที่องค์กรต้องเร่งปรับตัวและเอาจริงเอาจังกับการทำการตลาดแบบยั่งยืนขนาดนี้มาก่อน ดังนั้น ปี 2023 นี้จึงถือเป็นเวลาแห่งการร่วมมือกัน กล่าวคือ ความยั่งยืนได้กลายเป็นงานของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนไปพร้อม ๆ กัน เพราะการตลาดที่ไม่มีความยั่งยืน ก็ไม่เป็นความยั่งยืนที่แท้จริง รวมถึงไม่เป็นการตลาดที่แท้จริงด้วย Sustainability กับ Marketing จึงต้องเกิดขึ้นควบคู่กันเสมอ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

หลักการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน

การตลาดแบบยั่งยืนคืออะไร

การตลาดแบบยั่งยืน เป็นแนวคิดที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน โดยมีกิจกรรมหลากหลายที่นำมาซึ่งกลยุทธ์ ตั้งแต่การวิจัยตลาดเพื่อตอบสนองความชอบ ความคาดหวัง และต้องการของลูกค้า ตลอดจนการวิเคราะห์ศักยภาพของธุรกิจในการที่จะตอบสนองความต้องการเหล่านั้น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่งในแวดวงเดียวกัน นอกจากนี้ ยังต้องมีการทำความเข้าใจทัศนคติของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการผลิตสินค้าหรือบริการของเรา ซึ่งจะเน้นไปในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแหล่งทรัพยากร กระบวนการผลิต การใช้ผลิตภัณฑ์ รวมถึงการกำจัดผลิตภัณฑ์เหล่านั้นหลังเลิกใช้งาน

ปัจจัยสำคัญของการตลาดแบบยั่งยืน ที่ไม่แตกต่างไปจากแนวคิดการตลาดแบบเดิม ๆ เท่าไรนัก คือการกำหนดตลาดเป้าหมายของตนเองให้ได้ แต่สิ่งที่เพิ่มเติมมาคือ การมองให้เห็นถึงความต้องการ ความห่วงใย และความสนใจของตลาดเป้าหมายในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนให้มากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และประเด็นสังคมที่ตลาดนั้น ๆ ให้ความสำคัญ

ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์การทำการตลาด มาสู่การตลาดเพื่อความยั่งยืนนี้ ถือเป็นแนวคิดที่บริษัทชั้นนำระดับโลกหลายแห่งต่างเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นการทำให้ธุรกิจหมุนทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลเช่นปัจจุบันนี้ แต่ต้องขับเคลื่อนโลกไปในทิศทางที่องค์กรต้องการด้วย เพื่อการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพ โดยแต่ละองค์กรจำเป็นต้องมีกุญแจสำคัญที่จะไปสู่ความสำเร็จในการทำการตลาดแบบยั่งยืนได้ สิ่งนั้นคือ “Sustainability Mindset”

ในส่วนถัดไป เราจะมาขยายความกันว่า Sustainability Mindset คืออะไร และเกี่ยวข้องกับ Sustainability Marketing อย่างไร

 

Sustainability Mindset คืออะไร

ความยั่งยืน หรือ Sustainability ถือเป็นส่วนหนึ่งของ “Growth Mindset” ซึ่งเป็นคำที่หลายคนน่าจะคุ้นหูกันดีอยู่แล้ว เพราะถูกนำมาใช้เยอะมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ เรามาดูกันก่อนว่า Growth Mindset คืออะไร

Growth Mindset คือ ทัศนคติและแนวคิดแบบยืดหยุ่น ที่เชื่อว่าตนเองมีทักษะและความรู้มากพอที่จะเติบโตและพัฒนาต่อไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าความสามารถของทุกคนเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผ่านความพยายาม การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และการไม่ยอมแพ้ ถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทายก็ตาม คนที่มี Growth Mindset จะมองว่าอุปสรรคไม่ใช่ปัญหาในการเรียนรู้หรือทำสิ่งต่าง ๆ แต่เป็นโอกาสที่จะทำให้เราสามารถพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

ในขณะที่ Growth Mindset คือการโฟกัสที่ตัวเอง พัฒนาแค่ตัวเอง แต่ Sustainability คือ การมองรวมไปถึงคนอื่น และให้ความสำคัญกับปัจจัยภายนอกตัวเรา เมื่อนำทั้งสองอย่างมารวมกันแล้ว จึงกลายเป็น “Sustainability Mindset” คือ แนวคิดการทำการตลาดยุคใหม่ โดยเริ่มจากการพัฒนาตนเอง เพื่อความยั่งยืนของส่วนรวม โดยการจะมี Sustainability Mindset ได้ ต้องเริ่มจาก 4 ปัจจัยดังต่อไปนี้

มองการณ์ไกล

ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม แทนที่จะดูแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า ให้ลองมองให้ไกลขึ้นกว่านี้อีกสักนิด เพราะนั่นอาจทำให้เรามองเห็นความเป็นไปได้ในการทำให้สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ และทำได้ดีอยู่แล้ว สามารถส่งผลดีไปยังคนอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น ถ้าอยากให้ธุรกิจอยู่ได้นาน ๆ ก็ไม่ควรคิดแค่เรื่องกำไรในระยะสั้น แต่ต้องมองให้ลึกลงไปกว่านั้น กล่าวคือ ธุรกิจที่ดีต้องไม่โกงใคร ทำดีกับลูกค้า ปฏิบัติกับพนักงานอย่างเท่าเทียม เป็นต้น

ใส่ใจคนรอบตัว

ในยุคนี้ เราไม่สามารถรวย เก่ง และประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียวโดยไม่แบ่งปันกับใคร ถึงแม้ว่าเราอาจจะทำได้ดีในช่วงแรก แต่เมื่อไหร่ที่คนอื่น ๆ หันหลังให้ เราก็ไปต่อได้ยากอยู่ดี ดังนั้น ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องไม่ลืมผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) คู่ค้า นักลงทุน หน่วยงานภาครัฐ หรือบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจของเราด้วย เพราะบุคคลเหล่านี้จะช่วยค้ำจุนให้ธุรกิจของเราสามารถอยู่ต่อไปได้อีกนาน ๆ

ไม่หยุดเดิน

การตลาดแบบยั่งยืนเป็นเรื่องของการเดินทางที่ไม่มีวันจบ เพราะเป้าหมายของ Sustainability คือ การทำให้คนรุ่นหลังได้ใช้ทรัพยากรเท่ากับที่เราใช้ในวันนี้ เพราะฉะนั้น ตราบใดที่ยังมีคนรุ่นต่อไป การทำการตลาดเพื่อความยั่งยืนก็ยังต้องดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ อาจมีล้มบ้าง ถอยบ้าง แต่จะหยุดไม่ได้เด็ดขาด เพราะในขณะที่เราหยุดไป คู่แข่งคนอื่น ๆ อาจกำลังเร่งพัฒนาธุรกิจของตนเองอยู่ และทำให้เราช้ากว่าพวกเขาไปหลายก้าวได้

ให้ความสำคัญกับสังคมและโลก

สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะลืมไปไม่ได้เลย คือ การให้ความสำคัญกับสังคมและโลกของเรา เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นบนโลกก็ล้วนมาจากมนุษย์เองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วม ไฟป่า ฝุ่น PM 2.5 โลกร้อน ต้องยอมรับว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับวิกฤตเหล่านี้อย่างเต็มรูปแบบ เพราะในการทำธุรกิจนั้นจำเป็นต้องใช้ทรัพยากร ซึ่งส่งผลกระทบต่อโลกในปัจจุบัน ดังนั้น สิ่งเหล่านี้จึงเป็นหนึ่งในความรับผิดชอบของเราที่ต้องให้ความใส่ใจ โดยการหาวิธีอยู่ร่วมกับสังคมและโลกให้มีคุณภาพมากขึ้น

แผนการตลาดเพื่อความยั่งยืน

หลัก 3P ที่สร้างผลกระทบเชิงบวกแก่สังคม

เมื่อเข้าใจเรื่อง Sustainability Mindset ทั้ง 4 ปัจจัยแล้ว เรามาดูเพิ่มเติมกันว่ามีหลักการอะไรที่ต่อยอดมาจากการมี Sustainability Mindset ที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่สังคม รวมถึงสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อความยั่งยืนได้บ้าง โดยหลักการดังกล่าวสามารถแบ่งออกได้เป็น “3P”

แต่ก่อนจะไปถึง 3P ขอเท้าความก่อนว่า ในการนำเสนอคุณค่าของธุรกิจนั้น จะประกอบไปด้วย

  • Functional Benefit – ประโยชน์ที่จะได้รับขั้นพื้นฐาน เช่น ความสะดวกสบาย ความง่าย การสร้างคุณภาพให้แก่สินค้าหรือบริการ เป็นต้น
  • Emotional Benefit – ประโยชน์ทางอารมณ์ เช่น การให้รางวัลตัวเอง อารมณ์ถวิลหาอดีต ดีไซน์ความสนุกหรือความบันเทิง เป็นต้น
  • Life Changing – การเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรม หรือวิถีชีวิตของผู้คน เช่น การพัฒนาศักยภาพตนเอง แรงจูงใจ ความหวัง เป็นต้น
  • Social Impact – เป็นการนำเสนอคุณค่าของธุรกิจในขั้นบนสุด คือ การสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่สังคม

ที่ผ่านมา เทคโนโลยีต่าง ๆ มักถูกนำมาใช้เพื่อตอบโจทย์ Functional Benefit และ Emotional Benefit เป็นส่วนใหญ่ แต่ความจริงแล้ว หากเรามี Sustainability Mindset เราก็จะสามารถนำเทคโนโลยีมาสร้าง Life Changing และ Social Impact ได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคที่ผู้คนกำลังใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ส่งผลให้แบรนด์ที่จะชนะใจผู้คนได้ ต้องเป็นแบรนด์ที่ทำให้เกิด Life Changing และ Social Impact

ทั้งนี้ แบรนด์ที่จะทำให้เกิด Life Changing และ Social Impact ได้นั้น จะต้องเป็นแบรนด์ที่อยู่บนหลัก “3P” อันเป็นแนวทางไปสู่การตลาดแบบยั่งยืน ได้แก่

  • People – ครอบคลุมตั้งแต่ลูกค้า ผู้บริโภค ชุมชน และสังคม
  • Planet – การใส่ใจปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นบนโลก
  • Prosperity – ผลกำไรของธุรกิจ รวมถึงการกินดีอยู่ดี (Well-being) ไม่ว่าจะด้านสุขภาพกายหรือจิตใจของผู้บริโภค

ดังนั้น ทุกครั้งที่เริ่มทำธุรกิจอะไรสักอย่าง สิ่งที่เราควรนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ ก็คือหลักการ 3P นี้ กล่าวคือ สินค้าหรือบริการที่จะผลิตออกมา ต้องคำนึงถึงความต้องการของสังคมเสมอ ว่าจำเป็นมากน้อยแค่ไหนที่สังคมของเราต้องมีสิ่งนี้ และสิ่งที่จะผลิตออกมาจะสร้างผลกระทบเชิงลบแก่โลกหรือไม่ หากสร้าง เราจะลดผลกระทบนั้นได้อย่างไรบ้าง และที่สำคัญ ต้องไม่เห็นแก่กำไรเพียงอย่างเดียว แต่ต้องให้ความสำคัญกับสิ่งที่ผู้บริโภคจะได้รับเป็นหลักด้วย

 

สรุป

ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพราะเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเช่นนี้ สิ่งที่ทุกองค์กรต้องมีคือ Growth Mindset ที่เปิดรับ กล้าออกจากคอมฟอร์ตโซนเดิม ๆ เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ และปรับตัวเองให้ทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งก็คือ Sustainability

เมื่อเรามี Growth Mindset ที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงแล้ว Sustainability Mindset คือสิ่งที่ตามมา เพราะปัจจุบัน หลายบริษัทระดับโลกต่างก็จริงจังกับการทำการตลาดแบบยั่งยืนมากยิ่งขึ้น เพราะบริษัทเหล่านี้ตระหนักดีว่าการพัฒนาสินค้าและบริการในแบบเดิม ๆ เพื่อตอบโจทย์ด้าน Functional Benefit และ Emotional Benefit เริ่มมาถึงทางตัน และมีความสำคัญน้อยลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในตลาดอิ่มตัวที่เต็มไปด้วยสินค้าที่สามารถลอกเลียนแบบกันได้ง่าย ดังนั้น ธุรกิจที่จะชนะใจผู้บริโภคได้ จึงเป็นธุรกิจที่ไม่เมินเรื่อง Sustainability

หากผู้ประกอบการท่านใดยังไม่มั่นใจเรื่องการทำการตลาด ตลอดจนแนวทางการทำการตลาดอย่างยั่งยืน สามารถติดต่อ Primal Digital Agency เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และรับแผนการตลาดฟรีได้เลยวันนี้