Remarketing ต่างกับ Retargeting? ใช้แทนกันได้มั้ย แล้วแบบไหนดีกว่า

Remarketing ต่างกับ Retargeting อย่างไรเพราะถ้าดูบริบทของผลลัพธ์ทางการตลาด ก็ไม่แทบไม่เห็นความแตกต่าง ซึ่งพูดกันแบบตรงไปตรงมา Remarketing กับ Retargeting ก็คือเรื่องเดียวกัน เพราะเป็นการทำการตลาดกับคนที่มีแนวโน้มที่เราจะได้มาเป็นลูกค้า (ผู้ที่สนใจหรือกำลังมองหาสินค้าที่เราขายอยู่) แต่จะว่าเหมือนกันทุกอย่างก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะในรายละเอียดนั้น Ramerketing จะต่างกับ Retargeting ในเรื่องของกระบวนการใช้งานเล็กน้อย

Remarketing คืออะไร

Remarketing คือการทำการตลาดผ่านการเก็บข้อมูลผู้ที่สนใจในสินค้าที่เราขาย ทำด้วยการติดตั้ง Tag บนเว็บไซต์ของธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเก็บข้อมูลเพื่อให้เจ้าของธุรกิจสามารถนำมาโฆษณาเพื่อส่งไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะสั่งซื้อสินค้ามากกว่าการทำโฆษณาแบบทั่ว ๆ ไป ที่ใช้การกำหนดกลุ่มเป้าหมายด้วย อายุ เพศ ความสนใจ อาชีพ พฤติกรรม ฯลฯ เพราะเป็นการส่งโฆษณาไปยังคนที่สนใจ กำลังมองหา หรือกำลังต้องการสินค้านั้นอยู่จริง แต่สำหรับธุรกิจที่เพิ่งสร้างหน้าเว็บไซต์ใหม่ ๆ อาจต้องอาศัยระยะเวลาในการเก็บข้อมูลซึ่งก็จะต้องทำควบคู่ไปกับการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์

Retargeting คืออะไร

Retargeting คือการทำการตลาดผ่านการติดตามผ่านข้อมูลที่ได้มาจากการ Search ด้วย Keyword ต่าง ๆ รวมถึงประวัติการท่องเว็บไซต์ ซึ่งจะถูกรวบรวมอยู่ใน Cookie แล้วจึงใช้ข้อมูลเหล่านั้นในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายสำหรับทำโฆษณาในขั้นตอนต่อไป 

หากยังนึกไม่ออกว่าได้ข้อมูลเราจาก Cookie แล้วจะทำให้โฆษณาส่งไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้องได้อย่างไร ยกตัวอย่างเช่น คุณต้องการซื้อน้ำแร่ธรรมชาติไว้สำหรับดื่มในบ้าน แต่ในท้องตลาดมีน้ำแร่หลายสิบแบรนด์ สิ่งที่คุณทำคือเข้าไปเสิร์ชหาข้อมูลว่าน้ำแร่ยี่ห้อไหนดีทาง Google ตรงส่วนนี้นี่ล่ะที่ Cookie จะเก็บข้อมูลตั้งแต่คำที่คุณใช้ค้นหา ในที่นี้ก็คือ “น้ำแรก ยี่ห้อไหนดี” รวมถึงเมื่อคุณค้นหาแล้วคุณได้มีการคลิกไปยังหน้าเว็บไซต์ใด ๆ เพิ่มเติมอีกหรือเปล่า คลิกไปแล้วอยู่บนหน้าเว็บไซต์นั้นนานแค่ไหน ฯลฯ 

ข้อมูลเหล่านี้ก็จะถูกนำไปใช้เป็นกลุ่มเป้าหมายสำหรับการทำโฆษณา ซึ่งคนที่ทำโฆษณา (แบรนด์น้ำแร่) ก็จะไปกำหนดในแพลตฟอร์มต่าง ๆ อีกทีว่า ให้ส่งโฆษณาของเขาไปยังลูกค้าที่กำลังสนใจน้ำแร่อยู่ เพื่อนำเสนอสินค้าของตัวเองและโดยส่วนมากเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจซื้อ แบรนด์เหล่านี้ก็มักที่จะแนบโปรโมชั่นติดไปกับโฆษณานั้น ๆ ด้วย

เพื่อให้เห็นความต่างแบบชัดเจนก็จะสรุปสั้น ๆ ได้ว่า Remarketing ต่างกับ Retargeting ตรงที่

Remarketing = เก็บข้อมูลก่อน แล้วค่อยทำโฆษณาทีหลัง

Retargeting = ติดตามข้อมูลการใช้แล้วส่งโฆษณาไปตามข้อมูลที่ได้ทันที

แล้ว Remarketing กับ Retargeting เหมาะกับธุรกิจแบบไหน

หากคุณทำธุรกิจประเภท E-Commerce ขายสินค้าออนไลน์ มีเว็บไซต์เป็นของตัวเองและต้องการทำโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook Ads, Google Ads เป็นหลัก เราขอแนะนำให้ทำ Remarketing แต่ถ้าธุรกิจของคุณขายสินค้าที่ราคาสูง ต้องอาศัยการตัดสินใจซื้อที่ใช้การพิจารณาในหลาย ๆ เรื่องเช่น โครงการอสังหาฯ รถยนต์ ที่เป็นของมีมูลค่าสูงผู้ที่สนใจหรือกำลังมองหารถสักคัน บ้านสักหลังย่อมต้องหาข้อมูลให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะตัดสินใจซื้อ การทำ Retargeting เพื่อแสดงโฆษณาให้พวกเขาเห็นซ้ำ ๆ จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจเร็วขึ้น

หากเราจะจำแนกความหมายของคำสองคำนี้ให้ขาดกันอย่างสิ้นเชิง…คงเป็นไปไม่ได้เพราะวัตถุประสงค์รวมถึงกระบวนการต่าง ๆ แทบไม่ต่างกัน ดังนั้นก่อนจะเริ่มแคมเปญการตลาดใด ๆ ก็ตามสิ่งที่คุณต้องทำเป็นอันดับแรกคือ “การวางแผนการตลาด” เพื่อที่จะได้ทำทุก ๆ ขั้นตอนสำคัญทั้งการเก็บข้อมูล การติด Tag รวมถึงปรับปรุงพัฒนาเว็บไซต์ให้พร้อมสำหรับการทำ Remarketing กับ Retargeting