Mega Influencer Vs Nano Influencer วิธีเลือกอินฟลูฯ ให้เหมาะกับธุรกิจ

แน่นอนว่า “Influencer” หรือการใช้พลังคนดังโซเชียลช่วยโปรโมตสินค้า ถือเป็นกลยุทธ์สร้างภาพลักษณ์และเพิ่มยอดขายที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้มากกว่าที่หลายคนคิด โดยพลังของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ นอกจากจะช่วยเปลี่ยนสินค้าที่ไม่ได้รับความสนใจให้มียอดขายถล่มทลาย ด้วยการลงคอนเทนต์โปรโมตเพียงโพสต์เดียวแล้ว ยังสามารถโน้มน้าวให้ผู้ติดตามที่อาจไม่เคยสนใจแบรนด์มาก่อน เริ่มสนใจและตัดสินใจซื้อสินค้าในที่สุด

แต่การใช้กลยุทธ์อินฟลูเอนเซอร์ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอินฟลูฯ แต่ละคนก็มีสไตล์เฉพาะเป็นของตนเอง ที่สำคัญแต่ละแบรนด์ก็อาจเหมาะกับอินฟลูฯ ที่แตกต่างกันไป ทำให้นักการตลาดหลายคนอาจมีคำถามตามมาว่า แล้วอินฟลูฯ แบบไหนถึงจะเหมาะกับแคมเปญการตลาด อินฟลูฯ ที่มียอดผู้ติดตามสูงอย่าง Mega Influencer จะมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจริงหรือไม่? หรือการใช้อินฟลูฯ แบบ Nano Influencer ที่มีผู้ติดตามน้อยจะประหยัดงบได้มากกว่า แต่ได้ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน?

เพื่อตอบทุกข้อสงสัย วันนี้เราจะพาไปรู้กันว่า Mega Influencer VS Nano Influencer มีความแตกต่างกันอย่างไร และเทียบให้เห็นกันแบบชัด ๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้อินฟลูฯ ได้อย่างเหมาะสมกับแคมเปญของตนเองที่สุด!

 

รู้จักอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) พลังของคนดังที่เพิ่มยอดขายให้ปังมากกว่าเดิม

ก่อนจะไปรู้กันแบบหมัดต่อหมัดระหว่าง Mega Influencer Vs Nano Influencer เลือกแบบไหนดี? เรามาดูนิยามของอินฟลูเอนเซอร์กันก่อน

อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) คือ บุคคลที่มีชื่อเสียงและอิทธิพลบนสื่อออนไลน์ จนสามารถโน้มน้าวความคิดและการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมายผ่านผู้ติดตามบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, TikTok, Youtube, Twitter และอื่น ๆ โดยอินฟลูเอนเซอร์ไม่จำเป็นต้องเป็นดารา ศิลปิน หรือบุคคลสาธารณะเพียงเท่านั้น แต่อาจเป็นเพียงบุคคลธรรมดาหรือเป็นเพจที่มีพลังโน้มน้าวกลุ่มผู้ติดตาม เพียงเท่านี้ก็นับเป็นอินฟลูเอนเซอร์ได้แล้ว

โดยทั่วไป การนำอินฟลูเอนเซอร์มาใช้ในแคมเปญการตลาดก็เพื่อสื่อสารสิ่งที่แบรนด์อยากพูดไปถึงกลุ่มเป้าหมาย ทำให้พวกเขาเกิดการรับรู้ (Awareness) อยากมีส่วนร่วม (Engagement) หรือแม้แต่สร้างความเชื่อมั่น ซึ่งวิธีนี้ถือว่าได้ผลมากกว่าการที่แบรนด์สื่อสารเพียงทางเดียว ซึ่งโดยทั่วไปอินฟลูเอนเซอร์จะแบ่งออกเป็น 5 ประเภท โดยจะใช้เกณฑ์จากจำนวนผู้ติดตามแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ดังนี้

  • Nano Influencer ผู้ติดตาม 1,000-10,000 คน
  • Micro Influencer ผู้ติดตาม 10,000 – 50,000 คน
  • Mid-Tier Influencer ผู้ติดตาม 50,000 – 100,000 คน
  • Macro Influencer ผู้ติดตาม 100,000 – 1,000,000 คน
  • Mega Influencer ผู้ติดตาม 1,000,000 คนขึ้นไป

โดยในที่นี้เราจะมาเปรียบเทียบ Mega Influencer ที่มีจำนวนผู้ติดตามมากที่สุดและ Nano Influencer ที่มีจำนวนผู้ติดตามน้อยที่สุดให้เห็นกันแบบชัด ๆ ว่านอกจากจำนวนผู้ติดตามที่ต่างกันแล้ว จะมีเรื่องไหนที่แตกต่างกันอีกบ้าง 

Mega Influencer Vs Nano Influencer เลือกแบบไหนดี?

เทียบให้เห็นชัด ๆ Mega Influencer VS Nano Influencer ต่างกันอย่างไร? 

ในอินฟลูฯ ทั้ง 5 ประเภท Mega Influencer VS Nano Influencer  นับเป็นคู่เปรียบเทียบที่น่าสนใจอย่างมาก เพราะหลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่า นอกจากจำนวนผู้ติดตามที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงแล้ว อินฟลูฯ ทั้งสองประเภทนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่แตกต่างกันด้วย ซึ่งทำให้เกิดผลลัพธ์การตลาดที่แตกต่างกันออกไป

ผู้ติดตามต่างกัน ผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์การตลาดที่ได้ก็ต่างกัน

อย่างที่ทราบกันว่าจำนวนผู้ติดตาม ถือเป็นสิ่งที่แบ่งแยกอินฟลูฯ กลุ่ม Mega Influencer VS Nano Influencer อย่างชัดเจน โดยหากนักการตลาดเลือกใช้ Mega Influencer (ซึ่งมียอดผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน) ช่วยโปรโมตสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียของพวกเขา ก็จะสามารถทำให้คอนเทนต์นั้น ๆ เข้าถึงผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียได้ในวงกว้าง ด้วยเหตุนี้เองทำให้อินฟลูฯ กลุ่มนี้เหมาะกับแคมเปญที่ต้องการให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จัก (Brand Awareness) หรือแคมเปญที่แบรนด์อยากให้ลูกค้าจำได้ (Brand Recall) อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข้อดีที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ในจำนวนมหาศาล แต่การใช้อินฟลูฯ กลุ่มนี้ก็อาจมีข้อเสียเช่นกัน เพราะแบรนด์อาจไม่สามารถเจาะจงลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้ ทำให้ผู้ที่เห็นคอนเทนต์เป็นเพียงคนทั่วไปในแพลตฟอร์มโซเชียล

ส่วน Nano Influencer ที่มีผู้ติดตามน้อยเพียง 1,000-10,000 คน ผลลัพธ์การตลาดก็จะต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะหากใช้อินฟลูฯ กลุ่มนี้โปรโมตสินค้าให้ คอนเทนต์ก็จะไปถึงผู้ใช้แค่บางกลุ่ม ข้อดีก็คือ จะสร้างโอกาสให้กับแบรนด์ได้เจาะกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง แต่ก็อาจแลกมาด้วยยอด คนที่เห็นโพสที่ไม่สูงนักเมื่อเทียบกับ Mega Influencer

ข้อจำกัดการสร้างคอนเทนต์ 

เนื่องจาก Mega Influencer มีผู้ติดตามเยอะ ทำให้ความสนใจของผู้ติดตามก็หลากหลายตามไปด้วย จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างคอนเทนต์ได้ตรงใจทุกคน ดังนั้น ข้อจำกัดของการเลือกใช้อินฟลูฯ กลุ่มนี้จึงอยู่ที่ไม่สามารถทำคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาเฉพาะเจาะจงหรือตอบโจทย์ Pain Point ของคนบางกลุ่มได้ แต่จำเป็นต้องทำในแนวกว้าง ๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้คนได้มากที่สุด

ในขณะที่ผู้ติดตามอันน้อยนิดของ Nano Influencer กลับทำให้ข้อจำกัดการสร้างคอนเทนต์มีน้อยกว่า เนื่องจากอินฟลูฯ กับผู้ติดตามจะมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ดังนั้น คอนเทนต์ของอินฟลูฯ กลุ่มนี้จึงออกแบบได้หลายทิศทาง และที่สำคัญแบรนด์ยังสามารถนำ Pain Point ของผู้ติดตามจากอินฟลูฯ กลุ่มนี้ มามีส่วนร่วมในการทำคอนเทนต์เพื่อให้พวกเขาอินกับคอนเทนต์มากขึ้นได้อีกด้วย

งบจ้างอินฟลูเอนเซอร์

แน่นอนว่ายิ่งมีผู้ติดตามจำนวนมาก เรทการจ้างงานอินฟลูฯ ก็จะราคาสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Mega Influencer ที่มีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคน ที่ค่าจ้างอาจพุ่งทะยานไปถึงหลักแสนหรือหลักล้านบาท ดังนั้น แบรนด์ที่เลือกใช้อินฟลูฯ กลุ่มนี้อาจต้องเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูง ที่มีงบการตลาดเพียงพอ หรือวางแผนมาแล้วว่าการใช้เงินจำนวนมากเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การตลาดที่ดีที่สุด

แต่สำหรับแบรนด์ที่ไม่ได้มีงบจ้างอินฟลูฯ เหลือเฟือก็ไม่เป็นไร เพราะสามารถเลือกจ้าง Nano Influencer แทนได้เช่นกัน โดยอินฟลูฯ กลุ่มนี้นอกจากจะใช้งบประมาณน้อยกว่ามากแล้ว (อาจเป็นหลักร้อยหรือหลักพันบาทเท่านั้น) บางครั้งหากสามารถตกลงกับทางอินฟลูฯ ว่าจะให้ค่าตอบแทนเป็นสินค้าหรือบริการฟรี ก็จะช่วยคุมงบประมาณได้ดีขึ้น อย่างไรก็ดี การเลือกใช้ Nano Influencer อาจเหมาะกับแบรนด์เล็กหรือแบรนด์เปิดใหม่ที่ไม่ได้มีงบประมาณการตลาดมากนัก ไปจนถึงแบรนด์ใหญ่ที่ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ทั้งนี้ทั้งนั้นการเลือกจ้างอินฟลูฯ ให้คุ้มค่าก็ไม่ได้จำกัดว่าต้องเลือกที่ราคาสูงหรือราคาถูก หากแต่ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ทางการตลาดที่แบรนด์ต้องการมากกว่า

Mega Influencer กับ Nano Influencer

สรุป

ได้รู้กันไปแล้วว่า Mega Influencer VS Nano Influencer นั้นแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าอินฟลูฯ ทั้งสองแบบมีกลุ่มเป้าหมาย ผลลัพธ์ทางการตลาด รวมถึงงบประมาณการจ้างงานที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น การที่แบรนด์จะเลือกจ้างอินฟลูฯ สำหรับแคมเปญทางการตลาด ก็ต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์ที่ต้องการและงบประมาณที่เหมาะสม ก็จะสามารถเลือกใช้อินฟลูฯ ได้อย่างคุ้มค่าและสร้างผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วผู้ประกอบการท่านใดสนใจ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นติดต่อ Influencer อย่างไร สามารถให้ Primal Digital Agency ของเราช่วยได้เลย เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมวางแผนการตลาดให้แบบครบวงจร รับรองว่างบการตลาดของคุณจะถูกใช้อย่างคุ้มค่าและได้ผลตอบรับที่น่าพอใจแน่นอน!