ก่อนทำเว็บมารู้จักกับ SEO กันก่อน ว่ามีกี่ประเภท

ประเภทของ SEO จะมีวิธีการอยู่หลัก ๆ ด้วยกันทั้งหมด 3 รูปแบบคือ On-Page SEO, Off-Page SEO และ Technical SEO ซึ่งในแต่ละประเภทนั้นถือเป็นองค์ประกอบที่ไม่สามารถขาดข้อใดข้อหนึ่งได้ เพื่อให้แคมเปญ SEO มีประสิทธิภาพสูงที่สุด

ในการทำเว็บไซต์ จำเป็นต้องมีคอนเทนต์คุณภาพ แต่ถ้าจะให้ดีต้องทำ SEO ควบคู่ไปด้วย ซึ่งหากคุณคือคนหนึ่งที่กำลังคิดจะทำ SEO แต่ยังสงสัยว่ามันจะเวิร์กสักแค่ไหน คำตอบก็คือถ้าอยากจะทำเว็บให้ปังและมีคุณภาพ ควรเริ่มต้นเรียนรู้และทำความรู้จักกับประเภทของ SEO กันก่อนถึงจะดีที่สุด!

การทำ SEO หรือที่เรียกว่า Search Engine Optimization เป็นกระบวนการเรียกยอดผู้เข้าชมจากการค้นหาแบบฟรีผ่านเครื่องมือเสิร์ชเอนจิ้นต่าง ๆ

การทำ SEO หรือที่เรียกว่า Search Engine Optimization เป็นกระบวนการเรียกยอดผู้เข้าชมจากการค้นหาแบบฟรีผ่านเครื่องมือเสิร์ชเอนจิ้นต่าง ๆ โดยอาศัยเทคนิคและกระบวนการในการจัดทำข้อมูลเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการค้นหาและเข้าถึงสินค้าหรือบริการ (ซึ่งคุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมว่าการทำ SEO คืออะไร ได้จากคอนเทนต์ก่อนหน้านี้ของเรา)

เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินกับการทำ SEO มาบ้าง แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าการทำ SEO นั้นมีกี่ประเภท รวมถึงในแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร เรารวมทุกคำตอบมาให้แล้ว 

ประเภทของ SEO มีแบบไหนบ้าง

สำหรับประเภทของการทำ SEO นั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทหลัก ๆ นั่นก็คือในแบบ On-Page SEO, Off-Page SEO และ Technical SEO ซึ่งในแต่ละประเภทมีข้อควรรู้ดังต่อไปนี้     

OnPage SEO คืออะไร

เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณมีคุณสมบัติตรงตามที่ Google กำหนดเอาไว้ ซึ่งการทำ OnPage SEO คือตัวช่วยเพื่อให้เราสามารถปรับแต่ง แก้ไข และจัดการเว็บไซต์ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดเอาไว้ รวมถึงเพื่อช่วยให้บอทของ Google สามารถทำความเข้าใจกับเนื้อหาภายในเว็บไซต์ของเราได้ดียิ่งขึ้น และนำไปประมวลผล และทำการจัดอันดับเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีนี้จะต้องใช้เวลาในการติดอันดับเท่านั้น

เช็กลิสต์สำหรับการทำ On-Page SEO

  • สำหรับ URL

– ใส่ Keyword เข้าไปใน URL เพราะเมื่อใส่คีย์เวิร์ดเข้าไปใน URL ก็จะช่วยให้ Google ทำความเข้าใจเกี่ยวกับหน้าเพจของคุณได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่ม CTR แบบออแกนิกอีกด้วย 

– ใช้ URLs สั้น ๆ ยิ่งใช้ URL ที่สั้น ก็จะยิ่งมีอันดับที่ดีบนหน้าเสิร์ชของ Google

เช่น ในบทความ อัปเดตล่าสุด! SEO คืออะไร? มีการใช้ URL ที่สั้น กระชับ เข้าใจง่าย และมีการใส่คีย์เวิร์ดเข้าไปด้วย 

  • สำหรับบทความ

– อย่าลืมใส่คีย์เวิร์ดเอาไว้ใน Title Tag และควรวางคีย์เวิร์ดเอาไว้ในคำแรก ๆ ของชื่อเรื่อง

– ควรใส่คีย์เวิร์ดในช่วง 1 – 150 คำแรกของคอนเทนต์

– ควรใส่คีย์เวิร์ดใน H1, H2 หรือ H3

– อย่าลืมใส่ Alt tags สำหรับรูปภาพและไฟล์ เพื่อช่วยให้กูเกิลสามารถเข้าใจได้ว่ารูปภาพหรือไฟล์นั้นคืออะไร

– ใส่คำพ้องหรือคำที่ใกล้เคียง (Synonyms) กับคีย์เวิร์ดลงไปด้วย 

– อย่าลืมใส่ External Links เข้าไปในบทความ เนื่องจากการใส่ External Links หรือลิงก์จากเว็บไซต์ข้างนอก จะช่วยสร้างการอ้างอิงที่ดีและความน่าเชื่อถือให้กับบทความของคุณ

– ใส่ Internal Links หรือลิงก์จากเว็บไซต์ของคุณ เพราะเมื่อใส่ลิงก์เว็บไซต์ ก็จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถกดลิงก์เพื่อไปดูบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน

Off-Page SEO คืออะไร

OffPage SEO คืออะไร

เมื่อพูดถึง On-Page SEO แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการทำ Off-Page SEO เนื่องจากการทำ OffPage SEO คือการทำ SEO นอกเว็บไซต์เพื่อให้สามารถจัดการและทำให้คุณสมบัติของเว็บคุณมีค่าสูงขึ้น และแสดงผลในเสิร์ชเอนจิ้น เช่น การทำลิงก์ภายนอกเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ (Backlink) ซึ่งจะช่วยสร้างการจดจำเว็บไซต์จากภายนอกได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

เช็กลิสต์สำหรับการทำ Off-Page SEO

  • สำหรับ Backlinks

– สร้าง Backlinks ที่มีประสิทธิภาพด้วยการเขียนคอนเทนต์และเผยแพร่บนเว็บไซต์อื่น ๆ (Guest Posting) เพื่อฝังลิงก์ของเว็บไซต์คุณเอาไว้บนเว็บไซต์นั้น ๆ ซึ่งจะช่วยสร้าง Traffic ให้กับเว็บไซต์ของคุณเอง

– ลิงก์ที่ได้รับนั้นมีลิงก์หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นลิงก์ธรรมดาที่มีการพูดถึงแบรนด์ของคุณในแบบออร์แกนิก หรือจะเป็นลิงก์ที่สร้างขึ้นผ่านการติดต่อกับผู้เผยแพร่เพื่อขอให้ฝังเว็บไซต์ของคุณลงในบทความนั้น ๆ ด้วย 

– การสร้าง Backlinks จำเป็นที่จะต้องเลือกเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ เพื่อให้ได้ Backlinks ที่มีคุณภาพย้อนกลับมา

  • สำหรับ Social Media

– การใช้โซเชียลมีเดียจะช่วยสร้างการจดจำให้กับแบรนด์ของคุณได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากจะทำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นเป็นวงกว้างแล้ว ยังช่วยสร้าง traffic ให้กลับมาในเว็บไซต์ของคุณด้วย

Technical SEO คืออะไร

ในส่วนของ Techinial SEO นั้น เป็นการทำ SEO ในเชิงเทคนิค เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซต์ ให้บอทสามารถค้นหา รวบรวม และจัดทำดัชนีหน้าเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังจะช่วยให้ Google สามารถมองเห็นโครงสร้างของเว็บไซต์ได้ง่ายดายอีกด้วย

หวังว่าในบทความนี้ จะช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับประเภทและส่วนประกอบของ SEO ไปได้บ้าง รวมถึงยังได้ความรู้เกี่ยวกับประเภทของ SEO ในแบบต่าง ๆ ทั้ง Technical SEO, On-Page และ Off-Page SEO ว่าคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร เพื่อให้คุณสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการทำให้เว็บไซต์ ติดอันดับต้น ๆ บนเสิร์ชเอนจิ้นต่อไปได้ แต่ถึงแม้ว่าการทำ SEO เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา แต่บอกเลยว่า คุ้มค่ากับการรอคอยอย่างแน่นอน