อยากทำเว็บฯ ให้อันดับเหนือคู่แข่ง! SEO Competitor Analysis คือคำตอบ

นักการตลาดออนไลน์ทุกคนคงทราบดีว่า SEO (Search Engine Optimisation) คือแนวทางปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ที่สามารถผลักธุรกิจออนไลน์ให้เติบโตได้ในยุคสมัยนี้ การทำ SEO ให้เว็บฯ ติดอันดับหน้า Google ถือเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะกับทุกกลุ่มธุรกิจ เพราะนอกจากจะเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงเว็บไซต์และสั่งซื้อสินค้าจนทำให้ยอดขายแบรนด์เพิ่มได้แล้ว กลยุทธ์นี้ยังช่วยสร้าง Brand Awareness ทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำและที่สำคัญดูน่าเชื่อถือในสายตา Google อีกด้วย ทำให้ในปี 2023 การทำ SEO กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่แบรนด์เล็กใหญ่ต่างให้ความนิยม จนเกิดการแย่งชิงอันดับแรกในหน้า Google กันอย่างดุเดือด!  

ถึงแม้คู่แข่งในสนาม SEO จะเยอะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป ถ้าคุณรู้จักเทคนิคการเอาชนะคู่แข่งที่ชื่อว่า SEO Competitor Analysis หรือการวิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาด บอกเลยว่าวิธีวิเคราะห์ไม่ยากและช่วยให้การทำ SEO ของคุณมีประสิทธิภาพเหนือคู่แข่งได้อีกด้วย

 

ทำความรู้จัก Competitor Analysis คืออะไร

ก่อนจะไปถึงกระบวนการวิเคราะห์คู่แข่ง SEO เรามาทำความรู้จักกลยุทธ์ Competitor Analysis กันก่อน

Competitor Analysis คือกระบวนการวิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาด เพื่อนำข้อมูลมาวางแผนและสร้างกลยุทธ์ใหม่ที่ดีและเหนือกว่าคู่แข่ง โดยหลักการทำงานง่าย ๆ คือการเปรียบเทียบว่าธุรกิจของเราและเขานั้นมีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไร เพื่อนำข้อมูลมาปรับใช้ให้มีโอกาสประสบความสำเร็จและเอาชนะคู่แข่งในตลาดได้มากยิ่งขึ้น

ข้อดีหลัก ๆ ของการวิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาด คือแบรนด์สามารถนำข้อมูลที่ได้มาปรับใช้เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จ นอกจากนี้ ยังทำให้มองเห็นสภาพความเป็นจริงว่าธุรกิจอยู่ในจุดใด การบริหารทางการเงินเป็นอย่างไร พร้อมกันนั้น หากสามารถนำข้อมูลต่าง ๆ มาวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพก็จะทำให้แบรนด์ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำการตลาดได้ดีขึ้น อย่างไรก็ดี การวิเคราะห์คู่แข่งอาจมีข้อเสียด้วยเหมือนกัน เนื่องจากใช้เวลาและเงินลงทุนสูง จึงเป็นเหตุผลที่ไม่ใช่ทุกธุรกิจจะสามารถทำการวิเคราะห์คู่แข่งได้ พร้อมกันนั้น หากดำเนินแผนตามคู่แข่งมากเกินไปหรือนำข้อมูลที่ได้มาใช้อย่างไม่เกิดประโยชน์ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาในภายหลังได้อีก

วิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาด

SEO Competitor Analysis คืออะไรและสำคัญอย่างไร

การทำ SEO Competitor Analysis ก็ไม่ต่างกัน หลัก ๆ ก็คือกระบวนการวิเคราะห์การทำเว็บไซต์ SEO ของคู่แข่งอย่างรอบด้าน เพื่อให้เห็นช่องโหว่ในกรณีที่เว็บไซต์เรายังเป็นรอง และเพื่อให้เห็นช่องทางรักษาอันดับในกรณีที่เว็บไซต์เราได้รับการจัดอันดับเหนือกว่าในกลุ่มธุรกิจแบบเดียวกัน

การวิเคราะห์การทำเว็บฯ SEO ของคู่แข่งสำคัญอย่างมาก สำหรับการพัฒนาธุรกิจออนไลน์ที่มีหน้าเว็บไซต์เป็นเสมือนหน้าร้านค้าหลัก เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้แบรนด์เข้าใจสถานการณ์การแข่งขันมากขึ้น มองเห็นภาพรวมการแข่งขันว่าเว็บฯ ตนเองอยู่ลำดับใดของธุรกิจประเภทเดียวกัน ที่สำคัญการวิเคราะห์คู่แข่ง ยังเพิ่มโอกาสการมองเห็นและเข้าถึง Target Audience อื่น ๆ ที่แบรนด์อาจไม่เคยนึกถึงมาก่อน ทำให้เพิ่มโอกาสขยายกลุ่มลูกค้าเป็นวงกว้าง จนทำให้ธุรกิจต่อยอดได้ในอนาคต

 

วิธีวิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาด SEO อีกหนึ่งวิธีที่ทำให้เว็บไซต์อันดับดีได้!

เพื่อให้รู้ว่าคู่แข่งพัฒนาเว็บฯ ของพวกเขาอย่างไร และเราจะทำอย่างไรให้เหนือกว่าพวกเขาไปได้อีกขั้น! วันนี้เราเลยเตรียม 5 สเต็ปการวิเคราะห์คู่แข่งด้านการทำเว็บฯ SEO มาฝากทุกคน ดังนี้

1.   ค้นหาคู่แข่ง เพื่อให้รู้ว่าแบรนด์เรากำลังสู้อยู่กับใคร?

การค้นหาคู่แข่ง ถือเป็นขั้นตอนวิเคราะห์สำคัญที่นักการตลาดทั้งแบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่ไม่ควรมองข้าม โดยเริ่มแรก นักการตลาดควรทำ Research ให้ดีว่าแบรนด์ของเรามีคู่แข่งเป็นใคร ขนาดของธุรกิจพวกเขาเป็นแบบใด เริ่มทำ SEO ตั้งแต่เมื่อไร อันดับเว็บฯ SEO เป็นอย่างไร นอกจากนี้ ยังควรค้นหาอีกว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการทำ SEO มากน้อยแค่ไหน เพื่อให้สามารถมองภาพรวมและตั้งหลักได้ว่าแบรนด์ของเราจะวางกลยุทธ์อย่างไรต่อไป ถึงจะสามารถดันเว็บไซต์ให้อันดับเหนือแบรนด์คู่แข่งเหล่านี้! โดยวิธีการระบุคู่แข่ง SEO ก็เริ่มต้นได้จากการค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องในระบบ Search Engine อย่าง Google เพื่อให้รู้ว่าคีย์เวิร์ดที่ใช้ในธุรกิจของเรานั้น โผล่ในเว็บฯ คู่แข่งใดบ้าง เพื่อที่จะสามารถรวบรวมรายชื่อมาวิเคราะห์ต่อ โดยคู่แข่งสามารถแบ่งง่าย ๆ ออกเป็น 2 ประเภท

  • คู่แข่งทางตรง (Direct Competitors) คือคู่แข่งที่ขายสินค้าและบริการในธุรกิจประเภทเดียวกัน
  • คู่แข่งทางอ้อม (Indirect Competitors) คู่แข่งที่ขายสินค้าและบริการในธุรกิจต่างประเภท แต่อาจจะสามารถทดแทนกันได้

2.   วิเคราะห์ภาพรวมเว็บฯ คู่แข่ง ทำเว็บฯ อย่างไรถึงติดอันดับ?

หลังจากรู้แล้วว่าคู่แข่งคือใคร สเต็ปต่อไปเราแนะนำให้ดูภาพรวมการทำ SEO ว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้หน้าเว็บฯ พวกเขาติดอันดับสูงกว่าเว็บฯ ของเรา ทั้งในส่วนของโครงสร้างเว็บไซต์ ความเร็วในการดาวน์โหลดหน้าเว็บฯ (Page Speed) การทำเว็บฯ ให้ตอบสนองการแสดงผลในหน้าจอต่าง ๆ เนื้อหาคอนเทนต์แต่ละหน้าเว็บไซต์ รวมถึงโซเชียลมีเดียที่แบรนด์คู่แข่งมี

  • วิเคราะห์โครงสร้างเว็บไซต์ : โครงสร้างเว็บฯ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อัลกอริทึมของ Google เข้าใจและหาสิ่งต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นี่จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เราควรตรวจสอบเว็บฯ คู่แข่งเพื่อให้รู้ว่าพวกเขามีรูปแบบการจัดระเบียบเว็บฯ อย่างไร อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะนำไปปรับปรุงเว็บฯ ของเราเองให้ผลการจัดอันดับดีขึ้น
  • วิเคราะห์ความเร็วในการดาวน์โหลดหน้าเว็บฯ (Page Speed) : ความเร็วการโหลดหน้าเว็บฯ ก็เป็นสิ่งที่ควรตรวจสอบในเว็บฯ คู่แข่งเช่นกัน เพราะนี่เป็นปัจจัยที่ไม่เพียงส่งผลต่อการประเมินคะแนน SEO แต่ยังส่งผลต่อประสบการณ์ผู้ใช้ที่มีผลต่อรายได้ของธุรกิจด้วย
  • วิเคราะห์การทำ Responsive Web Design : แนะนำให้ตรวจสอบการทำ Responsive Web Design หรือการออกแบบให้เว็บฯ ปรับเปลี่ยนหน้าจอการแสดงผลตามอุปกรณ์ที่แตกต่างกันของเว็บฯ คู่แข่ง เพราะนี่ก็เป็นปัจจัยที่เพิ่มคะแนน SEO ได้เช่นกัน
  • วิเคราะห์เนื้อหาในเว็บฯ : แนะนำให้ตรวจดูว่าคู่แข่งนำเสนอเนื้อหาในเว็บฯ อย่างไร พวกเขาเขียนบทความเพื่อช่วยเพิ่มการติดอันดับไหม นอกจากนี้แล้วยังควรลงลึกด้วยว่าบทความประเภทใดที่สามารถสร้าง Traffic ได้ดี โดยสามารถใช้เครื่องมือ เช่น BuzzSumo ช่วยวิเคราะห์ได้อีกทางหนึ่ง
  • วิเคราะห์โซเชียลมีเดีย : แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียก็เป็นส่วนช่วยดันให้เว็บฯ ติดอันดับดีขึ้น ดังนั้น อย่าลืมทำความเข้าใจภาพรวมว่าคู่แข่งมีแนวทางการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียอย่างไรเพื่อที่จะได้ปรับใช้ได้ถูกต้อง

3.   วิเคราะห์การใช้คีย์เวิร์ดของเว็บฯ คู่แข่ง

คีย์เวิร์ด คือช่องทางสำคัญที่เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าค้นหาเว็บไซต์ของแบรนด์เจอ ดังนั้น เราจึงควรวิเคราะห์ให้ดีว่าคู่แข่งในธุรกิจเดียวกันกับเราใช้คีย์เวิร์ดหลักอะไร ใส่ไว้ในหน้าเว็บฯ หรือบทความหรือไม่ ความถี่ในการค้นหาคีย์เวิร์ดนั้นมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่เราจะได้นำมาปรับใช้กับการทำ On-Page SEO ให้เว็บไซต์เราดีขึ้น โดยเครื่องมือวิเคราะห์สามารถเลือกใช้ได้ตามความถนัด ทั้ง Keyword Planner, SimilarWeb, Ahrefs รวมถึง SEMRush เป็นต้น

4.   วิเคราะห์การทำ On-Page ของคู่แข่ง

การปรับปรุง On-Page SEO คือขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เว็บฯ ติดอันดับหน้าแรก โดยส่วนมากมักจะอยู่ในรูปแบบบทความ (Blog) ให้ข้อมูลในเว็บไซต์ ซึ่งบทความเหล่านั้นก็สามารถปรับแต่งให้มีคุณภาพในสายตา Google ได้ผ่าน Title, Meta Data, Heading, Internal Link, Schema Markup, URLs รวมถึงเนื้อหาคอนเทนต์ โดยแบรนด์ควรตรวจสอบว่าคู่แข่งปรับปรุงองค์ประกอบ On-Page เหล่านี้อย่างไร และส่วนไหนที่แบรนด์ของเรายังไม่ได้ทำบ้าง เพื่อที่จะได้เติมเต็มช่องโหว่ให้การทำ On-Page SEO ของเว็บไซต์แบรนด์เรามีคุณภาพดีขึ้น

5.   ตรวจสอบการทำ Backlink

เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดแล้ว ก็อย่าลืมตรวจสอบการทำ Backlink ของแบรนด์คู่แข่งด้วยว่าเขาใช้เว็บฯ ไหนในการลิงก์กลับมาหาเว็บไซต์ตัวเองที่ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือจน Google ประเมินให้ติดอันดับสูงกว่าคู่แข่งรายอื่น เพื่อที่เราอาจใช้เว็บฯ นั้น ๆ ทำ Backlink ให้เว็บฯ เราบ้าง หรือแม้แต่หลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับคู่แข่ง โดยการเช็ก Backlink เว็บไซต์คู่แข่งก็สามารถใช้เครื่องมือ Ubersuggest เป็นตัวช่วยค้นหาได้

วิธีวิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาด

สรุป

SEO เป็นกลยุทธ์ที่เปลี่ยนแปลงทุก ๆ ปี ดังนั้น การทำ Competitor Analysis หรือวิธีวิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาดก็เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้นักการตลาดเห็นภาพรวมการแข่งขันในสนาม SEO ได้ดีมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าผู้ประกอบการคนใดยังไม่รู้จะเริ่มปรับปรุงเว็บฯ ของตนเองอย่างไรให้อยู่อันดับเหนือกว่าคู่แข่ง สามารถติดต่อ Primal Digital Agency ของเราได้เลย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO และนักการตลาดกว่า 150 คนพร้อมให้ความช่วยเหลือ ติดต่อเราได้เลยตอนนี้!