รู้จักหนึ่งในกลยุทธ์ทำการตลาด Data-Driven Marketing คืออะไร?

ในยุคปัจจุบันนี้ “Data” หรือ “ข้อมูล” คือสิ่งที่อยู่รายล้อมชีวิตเรา และมีความสำคัญมากในหลายสายอาชีพ ไม่เว้นแม้แต่วงการธุรกิจ ที่ขณะนี้การใช้ Data ได้กลายมาเป็นปัจจัยหนึ่งในการทำการตลาดที่จะช่วยให้ธุรกิจของเราก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านกลยุทธ์ที่ชื่อว่า “Data-Driven Marketing” โดยในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจกันว่า Data-Driven Marketing คืออะไร และ Data กับการตลาดมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ตลอดไปจนถึงวิธีนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย

 วิธีใช้ Data กับการตลาด

Data-Driven Marketing คืออะไร?

Data-Driven Marketing คือ การนำข้อมูลต่าง ๆ ของผู้บริโภคจากหลากหลายช่องทางมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ ผ่านการวิเคราะห์เพื่อหาข้อมูลเชิงลึก (Insight) ทั้งในด้านพฤติกรรมและสถิติที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้บริโภค เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาพัฒนาธุรกิจให้ตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภค รวมไปถึงสร้างแรงจูงใจในการซื้อสินค้าหรือบริการของกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น

อาจบอกได้ว่า Data-Driven Marketing เป็นกุญแจสำคัญของนักการตลาดในยุคนี้เลยทีเดียว เพราะข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดได้ว่าธุรกิจของเราจะเติบโตไปในทิศทางใด ดังนั้น ในเมื่อสังคมปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยข้อมูล นักการตลาดก็ควรจะต้องปรับตัวให้ทันด้วยการนำข้อมูลดังกล่าวมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตนเองโดยการทำ Data-Driven Marketing ด้วย ดังที่จะอธิบายเพิ่มเติมต่อไปนี้

 

Data-Driven Marketing มีประโยชน์อย่างไร?

1. Data-Driven มีประโยชน์ด้านการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์

จากสถิติ พบว่า นักการตลาดมากกว่า 76% ตัดสินใจโดยใช้ Data หรือข้อมูล โดยยิ่งมีข้อมูลมากเท่าไร การตัดสินใจก็จะยิ่งมีความแม่นยำขึ้นเท่านั้น การทำการตลาดแบบ Data-Driven Marketing จึงถือเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการตัดสินใจด้วยข้อมูล (Data-Driven Decision Making)

เนื่องจากในการวางแผนเชิงกลยุทธ์นั้นจำเป็นต้องมีข้อมูลที่ละเอียด ตั้งแต่พฤติกรรมของผู้บริโภค กระบวนการขายและการรักษาความสัมพันธ์ของลูกค้า การจัดเรียงข้อมูลให้เป็นระบบ การวิเคราะห์เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึก ไปจนถึงการทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านั้นจนเกิดเป็นแนวคิดใหม่ ๆ ที่จะพัฒนาธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยการทำ Data-Driven Marketing มีตัวอย่างขั้นตอนการวิเคราะห์และตัดสินใจ ดังนี้

  • Descriptive Analytic คือ การวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัท ด้วยการบรรยายภาพรวมให้เข้าใจถึงสถานการณ์คร่าว ๆ ก่อนวางกลยุทธ์การตลาด
  • Diagnostic Analytic เมื่อได้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว สิ่งที่เราต้องทำต่อไปก็คือ วิเคราะห์ถึงสาเหตุของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เพื่อให้ทราบถึงต้นตอของปัญหาก่อนจะหาวิธีแก้ไขต่อไป
  • Predictive Analytic เป็นการวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้น ผ่านการคาดการณ์แนวโน้มด้วยข้อมูลและสถิติต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือ
  • Prescriptive Analytic หลังจากที่เราเข้าใจสถานการณ์ ทราบถึงสาเหตุ และคาดการณ์สิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้แล้ว สิ่งสุดท้ายคือเราต้องหาวิธีการแก้ไขและรับมือกับเหตุการณ์ที่คาดการณ์เอาไว้ให้ได้ เพื่อที่ธุรกิจจะได้ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น

2. ทำให้เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น

การเก็บข้อมูลทำให้เราเข้าใจถึงพฤติกรรมในด้านต่าง ๆ ของผู้บริโภค ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจเลยทีเดียว เนื่องจากเป็นข้อมูลที่ทำให้เราสามารถนำมาใช้พัฒนาแผนการตลาดของตนเองให้เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดให้ได้มากที่สุด รวมไปถึงสามารถคิดหาวิธีการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้กลายมาเป็นลูกค้า ดังนั้น เราจึงควรให้ความใส่ใจกับรายละเอียดยิบย่อยของลูกค้า เพราะนั่นหมายถึงตัวสะท้อนพฤติกรรมที่ซ่อนอยู่ในกระบวนการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ โดยข้อมูลที่เรานำมาวิเคราะห์นั้นอาจมาจากข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ (Demographic Data) หรือการใช้เครื่องมือทางการตลาดอย่าง Social Listening Tools

3. ทำให้ได้ผลตอบแทนในการลงทุน (ROI) สูงขึ้น

ROI หรือ Return on Investment คือผลตอบแทนในการลงทุนที่ไม่มีนักการตลาดคนไหนไม่ให้ความสำคัญ และการนำ Data มาใช้ในธุรกิจประเภทแคมเปญ หรือโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook ก็สามารถช่วยเพิ่มผลตอบแทนในการลงทุนได้ด้วย เพราะการทำ Data-Driven Marketing จะทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมด้านการใช้ชีวิต การใช้คีย์เวิร์ดเพื่อค้นหาสินค้า หรือแม้แต่การกดคลิกโฆษณา ซึ่งเมื่อเราเข้าใจแล้ว เราก็จะสามารถลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นจากการลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ โดยจากสถิติพบว่า การทำ Data-Driven Marketing ช่วยเพิ่ม ROI ให้แก่ธุรกิจประเภทแคมเปญได้มากขึ้น 5-8 เท่า

4. Data-Driven มีประโยชน์ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์

หนึ่งในปัญหาใหญ่ของการทำธุรกิจคือ การสร้างผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ตามความต้องการของลูกค้า เพราะหลาย ๆ ธุรกิจที่ไม่สามารถไปต่อได้ ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ไม่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการในตลาด แต่การทำ Data-Driven Marketing จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ผ่านการนำข้อมูลมาปรับใช้ในการทำผลิตภัณฑ์ โดยเราสามารถเก็บข้อมูลด้วยการสอบถามลูกค้าโดยตรง (Feedback) หรือสังเกตพฤติกรรมลูกค้า ว่าผลิตภัณฑ์แบบไหนที่คนมักเลือกซื้อ หรือผลิตภัณฑ์แบบไหนที่ขายได้น้อยที่สุด ตลอดจนใช้ Social Listening Tools เพื่อสำรวจความคิดเห็นและกระแสตอบรับของลูกค้าที่มีต่อผลิตภัณฑ์บนโลกออนไลน์ และนำมาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นด้วย

5. ช่วยรักษาความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า

การนำข้อมูลเชิงลึกของลูกค้ามาวิเคราะห์แล้วนำไปปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการที่สุด จะทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจและมีทัศนคติที่ดีต่อตัวแบรนด์ ทั้งยังช่วยรักษาความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า (Customer Relationship Management: CRM) ได้ในระยะยาว ส่งผลให้มีโอกาสสูงที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อสินค้าหรือบริการซ้ำอีก

6. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดแบบ Omnichannel Optimization

Omnichannel Optimization คือการทำการตลาดจากทั้งช่องทางออนไลน์และช่องทางออฟไลน์ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าหรือบริการได้อย่างครบถ้วน ซึ่งการทำการตลาดลักษณะนี้เป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงที่หลาย ๆ ธุรกิจเริ่มหันมาให้ความสำคัญมากขึ้น เพราะจะทำให้แบรนด์สามารถรักษาลูกค้าเอาไว้ได้ในระยะยาว โดยเราสามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าได้จากทั้งสองช่องทาง เพื่อนำมาวางแผนธุรกิจในส่วนของงบประมาณในการทำโฆษณาการตลาดได้อย่างมีทิศทางมากขึ้น

 

สรุป

ดังนั้น จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Data กับการตลาดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจแยกขาดออกจากกันได้ เพราะการทำธุรกิจในยุคที่สังคมขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเช่นนี้จำเป็นต้องอาศัยการทำการตลาดด้วย Data เป็นหลัก กล่าวคือ นำข้อมูลที่รายล้อมอยู่รอบตัวเรามาวิเคราะห์ให้เห็นถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภค และนำไปใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ต้องอย่าลืมคำนึงถึงการทำให้ถูกต้องด้วย เพราะล่าสุด ประเทศไทยได้ประกาศบังคับใช้กฎหมาย PDPA หรือ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ขึ้นมา เหล่าผู้ประกอบการจึงต้องระมัดระวังในการเก็บข้อมูลลูกค้าให้มากกว่าเดิม

นอกเหนือจากการทำการตลาดด้วยข้อมูลแล้ว ยังมีกลยุทธ์อีกหลายวิธีที่จะช่วยให้เราพัฒนาธุรกิจของตนเองให้ก้าวไปข้างหน้าได้ไกลยิ่งขึ้น หากผู้ประกอบการรายใดสนใจ ทาง Primal มีบริการด้านการตลาดออนไลน์จากทีมงานผู้เชี่ยวชาญโดยตรงที่พร้อมจะพัฒนาและเติบโตไปพร้อม ๆ กับธุรกิจของคุณ!