เปิด 7 เทคนิคทำการตลาดสำหรับร้านอาหาร อยากเพิ่มกำไรต้องอ่าน!

สถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นส่งผลให้หลาย ๆ ธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะ “ธุรกิจร้านอาหาร” เนื่องจากผู้บริโภคส่วนมากหันมาเลือกซื้อสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์มากกว่าออฟไลน์ ด้วยความสะดวก รวดเร็ว ประกอบกับไม่ต้องออกไปไหนให้เสี่ยงติดเชื้อฯ ทำให้ร้านค้า SME ที่ไม่ได้เข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ยอดขายลดฮวบฮาบ หลายร้านถึงกับต้องปิดกิจการไปเลยทีเดียว

ปัจจุบันนี้ เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ก็ถือเป็นโอกาสทองที่เหล่าผู้ประกอบการร้านอาหารจะฟื้นฟูกิจการของตนเองให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง และบทความนี้จะมาบอก 7 เทคนิคทำการตลาดสำหรับร้านอาหาร ฉบับทำตามง่าย ๆ แต่ได้ผลจริง อีกทั้งยังสร้างรายได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

กลยุทธ์การเพิ่มยอดขายร้านอาหาร

เข้าถึงลูกค้าและขยายโอกาสการขายให้มากขึ้นด้วย “เดลิเวอรี”

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า สมัยนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาใช้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก แล้วยิ่งมีแอปพลิเคชันฟูดเดลิเวอรี (Food Delivery) ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการสั่งอาหารแก่ลูกค้า ร้านอาหารที่เปิดบริการผ่านทางแอปฯ เหล่านั้นก็จะมีโอกาสได้เข้าถึงลูกค้าจากหลากหลายพื้นที่มากขึ้นด้วย เพราะต่อให้ไม่มีหน้าร้าน คนก็ยังสั่งเดลิเวอรีกันทุกวันอยู่ดี เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นการขยายช่องทางการขายแล้ว ยังถือเป็นการตลาดสำหรับร้านอาหารที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตจากการถูกพบเห็นและเป็นที่รู้จักมากขึ้น ผ่านการที่ผู้ใช้งานค้นหาหมวดอาหาร หรือการแนะนำของแอปฯ

 

ทำโปรโมชันกระตุ้นยอดขาย

หนึ่งในกลยุทธ์การตลาดร้านอาหารที่ไม่ต่างจากธุรกิจอื่น ๆ เท่าไรนักคือ “การทำโปรโมชัน” เพราะไม่ว่าจะขายสินค้าหรือบริการอะไร โปรโมชันก็คือสิ่งที่ลูกค้าล้วนมองหา ซึ่งถ้าหากร้านอาหารร้านใดที่ปกติยอดขายไม่ค่อยดี เราก็ขอแนะนำให้ใช้เทคนิคนี้ในการโปรโมต เพราะการจัดโปรโมชันจะช่วยดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้ ทั้งยังช่วยกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นด้วย โดยสามารถทำได้หลายวิธี เช่น

  • โปรโมชันซื้อ 1 แถม 1
  • ลดราคาเมนูอาหาร
  • จำกัดเวลาโปรโมชันเพื่อกระตุ้นให้คนมาใช้เยอะ ๆ
  • มีตัวอย่างสินค้าให้ลองชิม (เหมาะสำหรับการขายแบบออฟไลน์)
  • ทำเมนูเซตสุดคุ้ม
  • เพิ่มไซซ์ในราคาพิเศษ
  • ทำบัตรสะสมแต้ม

โดยวิธีการข้างต้นนี้ สามารถนำมาปรับใช้ได้กับร้านอาหารทุกประเภท ไม่ว่าจะเล็ก ใหญ่ หรือแม้แต่ร้านกาแฟก็ตาม โดยเฉพาะร้านที่เปิดขายบนแพลตฟอร์มฟูดเดลิเวอรี เพราะทางแอปพลิเคชันจะช่วยโปรโมตร้านที่ทำโปรโมชันให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคก็มักจะมองหาร้านค้าที่จัดโปรโมชันอยู่เสมอ เพราะให้ความรู้สึกคุ้มค่ากว่าต้องจ่ายราคาเต็ม

 

การตลาดสำหรับร้านอาหารบนโซเชียลมีเดียก็สำคัญ

หากใครเพิ่งเคยทำธุรกิจร้านอาหารแล้วยังไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี สิ่งแรกที่อยากแนะนำเลยคือการทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย เพราะสมัยนี้ ไม่ว่าใคร ๆ ก็ต้องมีบัญชีโซเชียลมีเดียเป็นของตัวเองอย่างน้อยหนึ่งช่องทางกันทั้งนั้น ส่วนจะใช้ช่องทางไหนในการขาย เราต้องรู้ก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร และมักใช้แพลตฟอร์มใดเป็นส่วนมาก จากนั้นเราค่อยใช้ช่องทางดังกล่าวในการโปรโมตร้านของตนเอง 

การตลาดบนโซเชียลมีเดียนั้นไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายสักบาทก็สามารถทำได้ เหมาะสำหรับร้านอาหารที่มีงบจำกัด เพียงแค่สร้างสรรค์คอนเทนต์ออกมาให้ดึงดูดใจผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำเมนูอาหารด้วยการลงรูปภาพสวย ๆ เพื่อกระตุ้นให้คนอยากมาที่ร้านหรือสั่งไปรับประทาน หรือจะทำคอนเทนต์โปรโมตร้านค้าว่าขณะนี้กำลังมีโปรโมชันอะไรที่ลูกค้าไม่ควรพลาด ตลอดจนกิจกรรมและข่าวสารต่าง ๆ ที่ลูกค้าควรรู้ เท่านี้ก็สามารถเรียกยอดการมีปฏิสัมพันธ์ (Engagement) จากกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว

แต่ถ้าหากใจร้อนอยากเห็นผลลัพธ์ไว ๆ โซเชียลมีเดียหลาย ๆ แพลตฟอร์มก็มีฟังก์ชันให้เราสามารถซื้อพื้นที่โฆษณา หรือที่มักเรียกกันว่า “ยิงแอด” (Ads) ได้ เช่น Facebook Ads, Instagram Ads, LINE Ads เพื่อเพิ่มอัตราการมองเห็น ให้ร้านอาหารของเราเป็นที่รู้จักและกระตุ้นการสั่งซื้อให้มากขึ้นนั่นเอง

นอกจากนี้ โซเชียลมีเดียยังเป็นช่องทางที่อำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่ต้องการติดต่อสอบถามรายละเอียดร้านค้า เส้นทางการมาร้าน รวมถึงสามารถจองโต๊ะหรือสั่งอาหารล่วงหน้าได้อีกด้วย

 

ใช้กลยุทธ์การตลาดร้านอาหารแบบ “บอกต่อ”

การตลาดสำหรับร้านอาหารที่เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อหรือมาที่ร้านมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “การตลาดแบบบอกต่อ” หรือที่เรียกว่าแบบ “ปากต่อปาก” นั่นเอง กล่าวคือ เป็นการที่ลูกค้าที่เคยมาใช้บริการร้านอาหารของเราไปบอกต่อให้คนอื่น ๆ ฟังว่าร้านของเราดีอย่างไร ทำไมจึงควรไป ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้ผู้ที่ฟังเกิดความสนใจในร้านของเราขึ้นมาทันที เพราะโดยทั่วไปแล้ว ผู้บริโภคมักเชื่อรีวิวจากเพื่อน ครอบครัว หรือบุคคลที่สามมากกว่าคำโฆษณาที่ร้านโปรโมตตัวเอง

การตลาดแบบบอกต่อนั้นเรียกได้ว่าเป็นเทคนิคที่ได้ผลสูงและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย เพียงแต่อาจจะมีความยากสักเล็กน้อยในการที่จะต้องทำให้ตนเองเป็นที่พูดถึงในหมู่ลูกค้าให้ได้ หรือที่เรียกว่าเป็น  “การสร้างแบรนด์ (Branding)” ในระดับหนึ่ง แต่เราสามารถเริ่มต้นได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

  • สร้างความประทับใจแก่ลูกค้าให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นบริการจากทางร้าน หรือรสชาติอาหารที่อร่อยจนต้องบอกต่อ และที่สำคัญ ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทำใดที่สร้างความผิดหวังให้แก่ลูกค้า
  • สร้างความโดดเด่นด้วยอัตลักษณ์ของตนเอง อาจเป็นสไตล์การตกแต่งของร้าน หรือเมนูอาหารที่มีความเฉพาะตัว หาได้จากที่ร้านของเราเท่านั้น ซึ่งจะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ดี และเพิ่มโอกาสในการที่พวกเขาจะกลับมาอุดหนุนใหม่อีกครั้ง
  • สร้างความผูกพันกับลูกค้า เพราะเมื่อลูกค้าเกิดความผูกพันกับตัวร้าน เจ้าของร้าน หรือแม้แต่พนักงานในร้าน ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ด้วยการพูดถึงร้านบ่อย ๆ แนะนำร้านให้คนอื่น หรือถ่ายรูปเช็กอินที่ร้านลงโซเชียลมีเดีย เป็นต้น

 

หัดฟังเสียงลูกค้าด้วยกลยุทธ์ Social Listening

การตลาดสำหรับร้านอาหารที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือกลยุทธ์ Social Listening หรือการฟังเสียงลูกค้าว่าพวกเขาต้องการอะไร มีฟีดแบ็กอย่างไรต่อร้านของเรา เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาร้านให้ดียิ่งขึ้นต่อไป เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของการทำธุรกิจก็คือ การเข้าใจในสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ ถึงแม้บางทีเราอาจจะมั่นใจว่าอาหารร้านตัวเองอร่อย แต่ถ้าหากไม่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายก็ไม่มีประโยชน์อะไร ดังนั้น การฟังเสียงของลูกค้าและเก็บข้อมูลเหล่านั้นเพื่อมาวางแผนการตลาดสำหรับร้านอาหารของตนเองก็จะสามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น

 

อย่าพลาด Influencer Marketing การตลาดที่มีอิทธิพลในยุค 5.0

Influencer Marketing คือการทำการตลาดโดยใช้ผู้มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ หรือที่เรียกกันว่า “อินฟลูเอนเซอร์” เพื่อชักจูงหรือสร้างความต้องการให้แก่ผู้บริโภคผ่านการเขียนรีวิวอาหาร การทำคลิปวิดีโอบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram หรือ YouTube เป็นต้น

จากสถิติของ Global Digital Report เมื่อปี 2021 พบว่า คนไทยใช้เวลาส่วนมากไปกับการเล่นโซเชียลมีเดียเฉลี่ยวันละ 2 ชั่วโมง 48 นาที ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผู้ประกอบการทั้งหลายหันมาเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์เพื่อเป็นช่องทางในการสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ร้านอาหาร เพื่อเพิ่มยอดขายและทำให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น

 

เพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาด้วยการทำ SEO

แน่นอนว่าไม่ว่าจะธุรกิจไหน การได้อยู่บนหน้าแรกของ Google ก็มีความสำคัญเสมอ เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้มีคนค้นหาเราเยอะมากขึ้นเท่านั้น ทว่ายังช่วยสร้างตัวตนที่โดดเด่นเหนือคู่แข่งให้แก่ร้านของเราอีกด้วย แต่ต้องบอกก่อนว่าการจะได้อันดับดี ๆ บนหน้าผลการค้นหานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะทุกธุรกิจต่างก็แข่งขันกันครองพื้นที่จุดนั้นให้ได้

ดังนั้น สิ่งที่เราทำได้และเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือการทำ SEO (Search Engine Optimization) ด้วยการปรับแต่งเว็บไซต์และเนื้อหาภายในเว็บไซต์ให้เหมาะสม ใส่คีย์เวิร์ดที่จำเป็นลงไปเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาเราเจอ แต่ถ้าหากลองทำแล้วยังไม่มั่นใจในผลลัพธ์ หรือไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพ ก็สามารถใช้บริการดิจิทัลเอเจนซีที่รับทำ SEO ได้ เพราะเอเจนซีเหล่านี้จะช่วยการันตีผลลัพธ์ให้ผู้ประกอบการหายกังวลในส่วนดังกล่าว และสามารถไปโฟกัสที่เนื้องานส่วนอื่น ๆ แทนได้เลย ซึ่งจะทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น

 

สรุป

จากเทคนิคการตลาดสำหรับร้านอาหารข้างต้นนี้ ผู้ประกอบการร้านอาหารทุกท่านสามารถนำไปปรับใช้ได้เลยทันที เพราะเป็นวิธีเบสิกที่ไม่ว่าจะร้านเล็กหรือร้านใหญ่ก็ทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคดิจิทัลที่ผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าและบริการผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์เช่นนี้ การใช้กลยุทธ์การตลาดร้านอาหารทางโซเชียลฯ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แถมยังช่วยขยายช่องทางในการขายให้แก่ธุรกิจโดยที่แทบไม่ต้องใช้งบประมาณใด ๆ ได้อีกด้วย รับรองว่าหากทำได้ตามนี้ ลูกค้าจะไหลมาเทมา ยอดขายพุ่งทุกวันอย่างแน่นอน!