Digital Marketing กับ Online Marketing ต่างกันอย่างไร สองคำเรียกที่ทำใครหลายคนสับสน

Digital Marketing กับ Online Marketing แตกต่างกันอย่างไร บางคนก็บอกว่าเหมือนกัน แต่บางคนก็บอกว่าแตกต่างกัน แต่ถ้าให้ตอบอย่างผู้รู้ คงต้องบอกว่า Online Marketing เป็นส่วนหนึ่งของ Digital Marketing แต่หากว่าใครอยากทำความเข้าใจ สามารถแยกความแตกต่างและเลือกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องอ่านในบทความนี้!

Digital Marketing กับ Online Marketing แตกต่างกันอย่างไร

ก่อนที่เราจะไปดูกันว่า Digital Marketing กับ Online Marketing แตกต่างกันอย่างไร และทำไม Online Marketing ถึงเป็นส่วนหนึ่งของ Digital Marketing เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Digital Marketing กันก่อนว่าคืออะไร รวมถึงมีความสำคัญและมีประโยชน์อย่างไรกับการทำการตลาดในยุคปัจจุบัน  

Digital Marketing คือ การทำการตลาดโดยใช้ช่องทางดิจิทัลต่าง ๆ ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเป็นสื่อกลางในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถูกใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารมากกว่าการตลาดในแบบดั้งเดิม ที่ไม่สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจงได้ โดยช่องทางดิจิทัลที่ใช้ใน Digital Marketing มีทั้งแบบออนไลน์ และออฟไลน์ ดังนี้ 

  • Offline Marketing เป็นช่องทางที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการทำการตลาด แต่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และไม่ได้อยู่ในรูปแบบออนไลน์ ตัวอย่างเช่น Digital Billboard, SMS, แท็บเล็ตที่อยู่ในร้านหรือคาเฟ่, Mobile Application ที่ไม่ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต 
  • Online Marketing จะเป็นการทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ โดยมีอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง ไม่รวมสื่อดิจิทัลที่เป็นแบบออฟไลน์ ตัวอย่างเช่น Search Engine (ทั้ง SEO และแบบ PPC), Website, E-mail, Social Media

สรุปแล้วก็คือ หากถามว่า Digital Marketing ต่างกับ Online Marketing อย่างไร? เหมือนกัน 100% ไหม เราไม่สามารถตอบได้ว่าทั้งสองอย่างนี้คือสิ่งเดียวกัน แต่เราสามารถบอกได้ว่า Online Marketing เป็นส่วนหนึ่งของ Digital Marketing ซึ่งทั้งสองใช้อุปกรณ์ดิจิทัลเป็นช่องทางในการสื่อสาร แตกต่างกันตรงที่ Online Digital จะมีอินเทอร์เน็ตเป็นตัวเชื่อมต่อ ทำให้สามารถสื่อสารได้สองทาง โดยสามารถติดตาม (Tracking) และเก็บข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย เพื่อนำมาพัฒนาการทำงานให้ออกมาดียิ่งขึ้น

ความสำคัญของการใช้ Digital Marketing

ปัจจุบัน Digital marketing ต่างกับ Online Marketing ไม่มากนัก เรียกว่าแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ด้วยแบรนด์ต่าง ๆ เลือกที่จะใช้ Online Maketing เป็นหลัก เนื่องจากอุปกรณ์ดิจิทัลอย่างสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต กลายเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นและมีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตประจำวัน นั่นจึงทำให้ Digital Marketing โดยเฉพาะ Online Marketing กลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่นำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย และลดอิทธิพลของการตลาดแบบดั้งเดิมลง โดย Digital Marketing จะมีข้อดีดังต่อไปนี้ 

  • สามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น ทั้งข้อมูลเรื่องอายุ เพศ การศึกษา รายได้ ความสนใจ รวมถึงพื้นที่อยู่อาศัย จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร 
  • ค่าใช้จ่ายไม่สูง และมีประสิทธิภาพมากกว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์ใหญ่ หรือมีเงินทุนสูงก็สามารถทำ Digital Marketing และสามารถโฆษณาผ่านช่องทางดิจิทัลต่าง ๆ ได้ 
  • เข้าใจลูกค้ามากขึ้น ผ่าน Customer Insight และ Customer Journey ช่วยให้เราสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ และสามารถเพิ่ม Conversion Rate ได้มากกว่า
  • สามารถสร้างสรรค์โฆษณาให้ดึงดูดลูกค้ามากขึ้น และมีประสิทธิภาพ โดยสามารถดูข้อมูลเชิงลึกได้ว่า โฆษณาแบบไหนก่อให้เกิด Conversion หรือ Impression ได้มากกว่ากัน
  • สามารถ Track ข้อมูลลูกค้า และรวบรวมข้อมูลไปจัดทำแผนการตลาดที่ทรงประสิทธิภาพ และเพิ่มยอดขายได้จริง 
  • สร้างความผูกพันกับลูกค้าเก่า ด้วยระบบ CRM ที่เก็บข้อมูลลูกค้าทุกช่องทาง 
  • เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ ด้วยการทำ Lookalike Audiences โดยการหากลุ่มเป้าหมายที่มีความชอบ มีไลฟ์สไตล์ที่คล้ายกับกลุ่มเป้าหมายเดิมของเรา 

รู้กันไปแล้วว่า Digital Marketing กับ Online Marketing แตกต่างกันอย่างไร ตอนนี้ก็ถึงเวลาศึกษาและลงมือทำ แต่หากว่าใครต้องการมองหาดิจิทัลเอเจนซีที่เชี่ยวชาญการทำ Digital Marketing สามารถปรึกษาเราได้ โทร. 02 030 8000