AI กับงาน SEO เกี่ยวข้องกันยังไง ใช้แบบไหนให้เกิดผลลัพธ์ดี

พูดถึงการตลาดสมัยใหม่ สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ AI เรียกได้ว่าธุรกิจไหนในยุคนี้ที่ไม่ยอมปรับตัวตามเทคโนโลยีและดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยการนำ AI เข้ามาช่วยทำงาน ก็จะกลายเป็นว่าล้าหลังคู่แข่งทันที เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับความทันสมัยของแบรนด์ไม่แพ้คุณภาพของสินค้าและบริการเลย

หากพูดถึงการทำงานของ AI หนึ่งในศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์ที่นักการตลาดพึ่งพามากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องการเขียน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนแค็ปชัน การเขียนอีเมล การแปลข้อความจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่ง หรือแม้แต่การเขียนบทความ SEO (Search Engine Optimisation) ก็เช่นกัน

AI กับงาน SEO เกี่ยวข้องกันอย่างไร และช่วยให้เว็บไซต์ของเราขึ้นบนหน้าผลการค้นหาได้จริงหรือไม่ มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันได้เลยในบทความนี้ !

 

AI กับ SEO เกี่ยวข้องกันอย่างไร

เมื่อปลายปี 2022 บริษัท OpenAI ได้เปิดตัวปัญญาประดิษฐ์สุดอัจฉริยะ ชื่อ “ChatGPT” ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นข่าวเขย่าโลก ณ ขณะนั้นเลยทีเดียว เพราะ ChatGPT ถือเป็น AI ที่ฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งการตอบคำถามที่เป็นมืออาชีพ ภาษามีความธรรมชาติเหมือนมนุษย์พิมพ์ตอบจริง ๆ ทั้งยังมีหลายโทนเสียงให้เลือก ทั้งเป็นทางการ เป็นกันเอง กึ่งทางการ ตลก น่ารัก ฯลฯ แต่ข้อจำกัดของ ChatGPT คือ มีข้อมูลถึงแค่ปี 2021 เท่านั้น หากถามคำถามที่เกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลังปีดังกล่าวจะไม่สามารถตอบได้ กระนั้น ChatGPT ก็ยังได้รับความนิยมมากในการใช้หาข้อมูลทั่วไป

หลังจาก ChatGPT ประสบความสำเร็จมาก ก็มีปัญญาประดิษฐ์จากอีกหลายบริษัทที่ปล่อยออกมาให้ใช้กันถ้วนหน้า เช่น Bard, Copy.ai, Writesonic เป็นต้น เรียกได้ว่าพัฒนาไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้จบ จนปัจจุบัน นักการตลาดได้นำ AI ที่ช่วยในการเขียนเหล่านี้มาเสริมเรื่องการทำ SEO ผ่านการเขียนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของตนเอง โดยการป้อนคำสั่งว่าต้องการให้ AI เขียนเนื้อหาเรื่องอะไร ความยาวเท่าไร และคีย์เวิร์ดที่ต้องการให้แทรกในเนื้อหาคืออะไร หลังจากนั้น AI ก็จะผลิตเนื้อหาดังกล่าวออกมาให้เราอย่างรวดเร็วภายในเวลาแค่ไม่กี่วินาที ส่งผลให้ AI กับ SEO เป็นของคู่กันในแวดวงการตลาดไปโดยปริยาย

AI กับการตลาด

AI ช่วยเรื่อง SEO ได้จริงไหม

หลายคนอาจสงสัยว่า AI กับงาน SEO จะมีประสิทธิภาพจริงไหม ช่วยเขียนคอนเทนต์ให้ติดอันดับบนหน้าผลการค้นหาได้จริงหรือเปล่า คำตอบคือ “ช่วยได้จริง” เพียงแค่ป้อนคำสั่งให้ครบถ้วนและถูกต้อง หากภายในครั้งแรก ผลลัพธ์ไม่ตรงกับความต้องการ 100% ก็ให้ปรับเปลี่ยนคำสั่งเพื่อจำกัดวงให้ AI ตอบในสิ่งที่เราต้องการออกมาให้ได้ เช่น ครั้งแรกป้อนคำสั่งว่า “ช่วยเขียนบทความ SEO เรื่อง SEO คืออะไร จำนวน 1000 คำ” แต่ AI ผลิตเนื้อหาออกมาให้แค่ 600 คำ ก็ป้อนคำสั่งกลับไปใหม่ว่าขอเนื้อหาเรื่องเดิมเพิ่มอีก 500 คำ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี หลังจากได้เนื้อหามาแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ดราฟต์นั้นอัปโหลดลงเว็บไซต์ได้เลย เพราะในแง่ของการเขียน ศักยภาพของ AI ก็ยังทำได้ไม่เท่ามนุษย์อยู่ดี โดยอาจจะมีการพูดวนไปวนมา ใช้คำซ้ำ หรือคีย์เวิร์ดไม่ครบบ้าง ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำ คือ การตรวจสอบเนื้อหาที่ได้มาอีกครั้ง และอาจมีการปรับใหม่บางจุดให้อ่านง่ายขึ้น ตลอดจนเติมคีย์เวิร์ดในตำแหน่งและปริมาณที่เหมาะสม

ในทางกลับกัน หากใช้เนื้อหาที่มาจาก AI ล้วน ๆ ก็อาจก่อให้เกิดผลเสียแทนได้ เพราะถึงแม้จะยังไม่มีประกาศชัดว่าอัลกอริทึมของ Google มีฟังก์ชันช่วยจับเนื้อหาจาก AI แต่กันไว้ย่อมดีกว่าแก้ เนื่องจากถ้าภาษาไม่เป็นธรรมชาติ หรือเนื้อหาซ้ำกับเว็บไซต์อื่นเยอะ ๆ Google ก็จะปรับลดอันดับเว็บไซต์ของเราอยู่ดี

สรุปได้ว่า การใช้ AI กับงาน SEO นั้นถือว่ามีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง แต่ต้องผ่านการตรวจทานจากมนุษย์ก่อนอัปโหลดลงสาธารณะด้วย

 

ประโยชน์ของการใช้ AI กับงาน SEO

ช่วยประหยัดต้นทุน แรงงาน และเวลา

สมัยก่อน เวลาจะเขียนบทความ SEO เรื่องหนึ่ง นักเขียนต้องใช้เวลาหาข้อมูลทั้งวัน บางทีเขียนเสร็จแล้วก็ต้องเช็กแล้วเช็กอีกว่าไปซ้ำกับเว็บไซต์อื่นหรือเปล่า ทำให้ไม่มีเวลาไปทำงานอื่น ๆ เลย แต่ตอนนี้ เมื่อมี AI อัจฉริยะเข้ามา นักเขียนก็ทุ่นแรงและเวลาไปได้เยอะ เพราะเพียงแค่ป้อนคำสั่งให้ AI ว่าต้องการเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องอะไร ปัญญาประดิษฐ์ก็จะสร้างเนื้อหาออกมาให้ทันที สิ่งที่เราต้องทำมีแค่การนำเนื้อหาดังกล่าวมารีเช็กและปรับให้เข้ากับแบรนด์ ส่วนสำหรับธุรกิจ SME เล็ก ๆ ที่ไม่ได้จ้างพนักงานเยอะ ก็ประหยัดต้นทุนในการจ้างนักเขียนไปได้ด้วย โดยการให้ AI ช่วยเขียนแทน แต่อย่าลืมว่าก็ต้องนำเนื้อหามาตรวจทานซ้ำก่อนลงด้วยเช่นกัน

ช่วยทำ Personalised Marketing ได้

อีกสิ่งหนึ่งที่บางคนอาจจะไม่รู้ นอกจากเรื่องการเขียนคอนเทนต์แล้ว AI กับ SEO ยังมีความเกี่ยวข้องกันในด้านการทำ Personalised Marketing อีกด้วย กล่าวคือ นักการตลาดจะใช้ AI ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายของตนเองกำลังต้องการ รวมถึงข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ บนช่องทางการขาย ทั้งโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาวางแผนกลยุทธ์คอนเทนต์ให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายมากขึ้น

ช่วยเช็กไวยากรณ์ในจุดที่ไม่มั่นใจ

สำหรับใครที่เขียนคอนเทนต์ภาษาอังกฤษ ผลลัพธ์ที่ได้จาก AI จะมีประสิทธิภาพมากกว่าภาษาไทยในระดับที่ค่อนข้างมาก โดย AI สามารถช่วยตรวจเช็กคำผิดหรือไวยากรณ์ให้เราได้ หรือหากใครอยากจะรู้ว่าแค็ปชันแบบนี้ เหมาะกับจุดประสงค์ของเราแล้วหรือยัง ก็ให้ป้อนคำสั่งถาม AI ดู แล้ว AI ก็จะตอบกลับมาว่าเนื้อหาของเราดูโอเคแล้วหรือไม่ หรือต้องปรับตรงไหนเพิ่มเติมให้ดูสมบูรณ์ขึ้น ถ้าต้องปรับ AI บางตัวก็จะปรับมาให้เลย แม้แต่ถามว่าไม่เหมาะสมตรงไหน AI ก็สามารถอธิบายมาเป็นจุด ๆ ให้ได้

AI ช่วยเขียนคอนเทนต์ SEO

ข้อจำกัดของการใช้ AI กับงาน SEO

อาจทำให้เกิดปัญหาข้อมูลซ้ำกับเว็บไซต์อื่น

อย่างที่บอกไปว่า เนื้อหาที่ AI ผลิตออกมาอาจจะซ้ำได้ เพราะข้อมูลที่ AI มีก็รวบรวมมาจากแหล่งต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตทั้งนั้น ดังนั้น การตรวจทานซ้ำอีกครั้งและปรับแก้ให้เหมาะสมก่อนโพสต์จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อที่จะได้ไม่ส่งผลเสียต่อ SEO และตัวธุรกิจเองในภายหลัง

ไม่สามารถช่วยเรื่องเทคนิคที่มีความซับซ้อนได้

แม้จะช่วยเรื่อง Personalised Marketing ได้ก็จริง แต่เราก็ยังใช้ AI กับงาน SEO ที่มีความซับซ้อนมาก ๆ ไม่ได้อยู่ดี เพราะศักยภาพของ AI ณ ปัจจุบันยังคงจำกัดในบางด้าน ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้ หากต้องการงานที่ถูกต้องแบบเป๊ะ ๆ แนะนำให้ลงมือทำเองควบคู่ไปด้วย แค่ใช้ AI ในการสร้างไอเดียก็พอ แต่อย่าพึ่งพา AI ทั้งหมด

หากเป็นภาษาไทย เนื้อหาจะไม่ค่อยธรรมชาติ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI ได้รับการพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มี AI ตัวใดใช้ภาษาไทยได้ธรรมชาติเหมือนเป็นคนไทยจริง ๆ ขนาดนั้น (ในกรณีที่ไม่ใช่ภาษาระดับทางการ) ในขณะที่ได้รับการยอมรับจากคนหมู่มากที่ใช้ภาษาอังกฤษว่า เป็นธรรมชาติเสียจนรู้สึกเหมือนคุยโต้ตอบอยู่กับมนุษย์จริง ๆ ฉะนั้น หากใช้ AI ในการเขียนเนื้อหาภาษาอังกฤษ อาจจะได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าภาษาไทย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ภาษาไทยไม่ได้ ขอยืนยันว่าใช้ได้ เพียงแค่ต้องนำมาปรับแก้เพิ่มเติมให้ภาษาดูไม่แข็งเกินไปเท่านั้น

 

เรียนรู้ที่จะอยู่กับ AI มากกว่าจะปล่อยให้ AI มาแทน

จะเห็นได้ว่า AI มีประโยชน์มากสำหรับการทำงานในยุคนี้ เพราะช่วยประหยัดทั้งต้นทุน แรงงาน และเวลา อีกทั้งยังได้รับการพัฒนาศักยภาพขึ้นทุกวัน จนหลายคนตั้งคำถามว่า ในอนาคต AI จะมาแทนที่มนุษย์ได้จริงหรือไม่

ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นระหว่าง AI กับมนุษย์บ้าง แต่ที่สิ่งเราควรทำตอนนี้ไม่ใช่การรู้สึกกลัวตกงาน กลัวโดนแทนที่ แต่เป็นการหาวิธีอยู่ร่วมกับ AI ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้ AI กับ SEO ก็เป็นหนึ่งในวิธีดังกล่าว

สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาเอเจนซีดี ๆ เข้ามาช่วยทำธุรกิจ Primal Digital Agency เป็นบริษัทรับทำ SEO ชั้นนำของไทยที่ให้บริการด้านการตลาดแบบครบวงจร เรามีผู้เชี่ยวชาญกว่า 150 คนที่พร้อมผลักดันให้ธุรกิจของคุณไปสู่จุดมุ่งหมายที่คุณวางไว้ ติดต่อเราได้เลยวันนี้