วิเคราะห์ธุรกิจ “สุกี้สายพาน” จะเป็นเทรนด์ที่มาไวไปไวหรือไม่

ช่วงหลังมานี้ วงการธุรกิจร้านอาหารในไทยเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะการเข้ามาของ “หมาล่า” ที่เผ็ดชาสะใจคนไทยที่แต่เดิมชอบกินอาหารรสจัดอยู่แล้ว เหล่าผู้ประกอบการจึงรีบตักตวงโอกาสนี้ให้เป็นรายได้ ด้วยการเปิดเป็นร้าน “สุกี้สายพาน” กล่าวคือ เป็นร้านอาหารที่นำหม้อไฟขนาดเล็กสำหรับรับประทานคนเดียวมาวางไว้ที่โต๊ะแต่ละตัว แล้วนำจานอาหาร ทั้งเนื้อสัตว์ ผัก ลูกชิ้น เส้น มาวางเรียงรายตามสายพานที่เคลื่อนตัวอย่างต่อเนื่อง ให้ลูกค้าสามารถหยิบเลือกจานที่ตนเองต้องการได้ตามใจชอบ และดูเหมือนว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดี จนนำไปสู่การเปิดร้านสุกี้สายพานอย่างแพร่หลายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์อาหารใหม่ยอดฮิตที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ดี เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ ร้านสุกี้-หมาล่าสายพานจำนวนไม่น้อยก็ต้องปิดตัวลงอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่เพิ่งเปิดร้านได้ไม่กี่ปี นี่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสุดท้ายแล้ว หมาล่าสายพานก็เป็นแค่อีกหนึ่งในเทรนด์ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเหมือนเทรนด์อื่น ๆ หรือต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อความอยู่รอดในอนาคต มาวิเคราะห์กัน !

หม้อหมาล่าสายพาน

ทำไมสุกี้สายพานถึงได้รับความนิยมในไทย

จุดกำเนิดของสุกี้-หมาล่าสายพานในไทย

จุดเริ่มต้นของสุกี้สายพานในบ้านเรา เกิดขึ้นจากการนำความนิยมดั้งเดิมของคนไทยที่มีต่ออาหารเซต “หม้อไฟ” หรือ “หม้อหุงต้ม” มาผสมผสานกับรูปแบบร้านอาหารประเภทสายพานแบบญี่ปุ่น ซึ่งร้านอาหารประเภทนี้ถือกำเนิดขึ้นพร้อม ๆ กับความชื่นชอบเมนูหมาล่าที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในหมู่คนไทย ทำให้หมาล่ากลายเป็นหนึ่งในน้ำซุปที่ได้การตอบรับเป็นอย่างดีในวงการสุกี้สายพาน แต่คนที่กินเผ็ดไม่ได้ก็ไม่ต้องกังวล เพราะนอกจากหมาล่าแล้ว ร้านสุกี้สายพานยังมีน้ำซุปอีกหลากหลายแบบ เช่น ซุปดำ ซุปกระดูกหมู ซุปคอลลาเจน ซุปต้มยำ ฯลฯ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของผู้บริโภค

มาถึงจุดนี้จะเห็นได้ว่า ความชื่นชอบหมาล่าของคนไทยเป็นจุดกำเนิดสำคัญของสุกี้สายพานในบ้านเรา เพราะเป็นรสชาติที่คุ้นเคยของคนไทยและได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เมื่อนำมาผสมผสานกับแนวคิดอาหารสายพานสไตล์ต่างชาติ จึงสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

ควบคุมงบประมาณเองได้

หลายครั้งที่เราอาจรู้สึกอยากกินบุฟเฟต์ แต่คิดไปคิดมา ตัวเองก็ไม่ใช่คนกินเยอะขนาดนั้น อีกทั้งเดี๋ยวนี้บุฟเฟต์ก็ราคาแพง หากกินน้อยก็จะรู้สึกว่าไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ดังนั้น สุกี้สายพานจึงเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ คือ ลูกค้าสามารถนั่งกินได้แบบไม่จำกัดเวลา โดยจะคิดเงินตามจำนวนไม้และถาดที่ลูกค้าหยิบจากสายพาน และที่สำคัญ ราคาต่อไม้และถาดก็ไม่แพงนักหากเทียบกับบุฟเฟต์หรือร้านชาบูแบบอะลาคาร์ตทั่วไป ถ้าวันไหนรู้สึกว่าอยากจะกินแบบเบา ๆ ไม่เกิน 300 บาท ก็สามารถหยิบตามงบประมาณที่ตนเองกำหนดไว้ได้เลย

มีความเป็นส่วนตัว

เราอาจจะรู้สึกเขินหน่อย ๆ หากเข้าไปนั่งกินบุฟเฟต์โต๊ะใหญ่คนเดียว แต่กับร้านสายพานจะไม่มีความรู้สึกนั้น เพราะมีลักษณะเป็นหม้อใครหม้อมัน ต่างคนต่างนั่ง สุกี้สายพานจึงเป็นร้านอาหารที่ตอบโจทย์คนโสด คนที่ชอบกินข้าวคนเดียว และคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมาก แต่เดี๋ยวนี้ ใครอยากไปกับเพื่อน บางร้านก็มีจัดโต๊ะใหญ่เพิ่มไว้ให้สำหรับลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มเช่นกัน แต่จะแยกเป็นหม้อใครหม้อมันเหมือนเดิม หมดปัญหาเรื่องเกรงใจกันเวลาจะคีบอาหารในหม้อที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนหยิบมา

เปิดให้บริการถึงดึก

ในขณะที่ร้านบุฟเฟต์บนห้างสรรพสินค้าทั่วไปจะเปิด-ปิดตามเวลาห้างฯ แต่ร้านสุกี้สายพานนั้นต่างออกไป เพราะบางร้านเปิดให้บริการถึงเช้ามืด ! ตอบโจทย์คนหิวดึก หรือพนักงานออฟฟิศที่ทำโอทีเป็นอย่างมาก แทนที่ยิ่งดึกคนจะยิ่งน้อย แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งดึกร้านเหล่านี้ยิ่งครึกครื้น บางคนที่เพิ่งกลับจากที่ทำงาน หิวข้าวแต่ไม่รู้จะกินอะไร ร้านอื่น ๆ ก็ปิดหมดแล้ว ก็สามารถเลี้ยวเข้าร้านสุกี้สายพานได้แบบไม่ต้องลังเล แสดงให้เห็นว่าการที่ร้านเปิดให้บริการถึงดึกนั้นตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้จริง

ผู้ประกอบการเข้าใจ Pain Point ของกลุ่มเป้าหมาย

         จากทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ร้านสุกี้สายพานจะได้รับความนิยมขนาดนี้ไม่ได้เลย หากผู้ประกอบการไม่ได้มีความเข้าใจ Pain Point ของกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นการหยิบยกอาหารที่กำลังเป็นกระแสในหมู่ผู้บริโภคชาวไทยอย่างหมาล่ามาพลิกเป็นธุรกิจสุกี้สายพาน การคิดราคาตามไม้และถาดเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถควบคุมงบประมาณเองได้ ความเป็นส่วนตัวในการกิน และการเปิดให้บริการแบบโต้รุ่ง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะวัยทำงานต้องการ

อาหารบนสายพาน

 

สุกี้-หมาล่าสายพาน ควรไปต่อหรือพอแค่นี้

แม้ว่าในช่วงแรก ร้านสุกี้สายพานจะประสบความสำเร็จชนิดที่ว่าตั้งอยู่ติด ๆ กันประหนึ่งร้านสะดวกซื้อ แต่แน่นอนว่าเมื่อร้านเริ่มเปิดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่ตามมาคือการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ฐานลูกค้ามีจำนวนเท่าเดิม ส่งผลให้มีร้านจำนวนไม่น้อยต้องปิดกิจการลงไปอย่างเสียไม่ได้

อุปสรรคประการหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือ ความ “เบื่อ” ของผู้บริโภค ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติอยู่แล้ว สำหรับเทรนด์ที่เป็นกระแสและจู่ ๆ ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็ต้องมีวันที่กระแสซาลงเป็นธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีหลายร้านเปิดติด ๆ กันเช่นนี้ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ผู้บริโภคอาจเกิดความรู้สึกเอียน ทำนองว่ากินบ่อยแล้ว อะไร ๆ ก็สุกี้สายพาน ขอพักไปกินอย่างอื่นบ้าง และร้านบุฟเฟต์ก็เป็นตัวเลือกที่ผู้บริโภคหันกลับมาหาอีกครั้งเมื่อเบื่อสุกี้สายพาน สะท้อนให้เห็นว่าจริง ๆ แล้ว ในใจของผู้บริโภคก็ยังไม่ลบเลือนอาหารประเภทบุฟเฟต์ไปเสียทีเดียว แม้บางร้านจะราคาสูง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าใช้วัตถุดิบคุณภาพ และไม่ต้องเสียค่าน้ำซุป ค่าน้ำจิ้มและเครื่องปรุงต่าง ๆ เพิ่มเอง จ่ายราคาเดียวกินได้ไม่อั้น

นอกจากนี้ สุกี้สายพานยังเป็นอาหารที่อยู่กึ่งกลางระหว่างคำว่ามื้อเบากับมื้อหนัก พอคนเริ่มกินบ่อยจนเบื่อ เมื่อนึกอยากจะกินมื้อเบา ๆ ก็หันไปหาร้านอาหารตามสั่ง หรืออยากจะกินมื้อหนักก็เข้าร้านบุฟเฟต์แทน

อีกประการคือ ผู้บริโภคจำนวนหนึ่งเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องความสะอาดของอาหารบนสายพานที่เคลื่อนวนไปวนมาและอาจไม่ได้สดใหม่จากครัว ซึ่งการที่มีธุรกิจสุกี้สายพานเปิดตามกันเยอะ ๆ ทั้งร้านเล็กร้านใหญ่ ก็เป็นธรรมดาที่จะมีบางร้านที่ไม่สะอาด บริการอย่างไม่เป็นมืออาชีพ เพราะจุดเด่นของร้านคือเน้นเรื่องราคาถูก คิดแค่ว่าขายถูกเสียอย่าง เดี๋ยวก็จะมีลูกค้าเอง จนลืมนึกถึงเรื่องคุณภาพของอาหารและการบริการไป แต่ด้วยความที่เป็นธุรกิจประเภทเดียวกัน พอผู้บริโภคไปร้านหนึ่งมาแล้วไม่ประทับใจ ก็จะทำให้เกิดความรู้สึกไม่อยากไปร้านอื่น ๆ ที่เป็นสายพานเหมือนกัน

         ดังนั้น ผู้ประกอบการร้านอาหารสายพานจึงต้องทบทวนเรื่อง Pain Point ของกลุ่มเป้าหมายดูใหม่อีกครั้ง ถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป แล้วออกแบบกลยุทธ์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่าที่จะกลับมา เช่น การจัดโปรโมชันบุฟเฟต์แบบจำกัดเวลาในราคาที่เหมาะสม อาจไม่สูงเท่าร้านบุฟเฟต์ในห้างฯ แต่ก็เป็นราคาที่ทำให้คนกินน้อยไม่รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ และคนกินเยอะรู้สึกว่ามากินร้านเราคุ้มกว่าการไปกินบุฟเฟต์แบบเดิม เพื่อช่วยดึงดูดลูกค้ารายใหม่ ๆ และกระตุ้นยอดขายให้มากขึ้น

และอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม คือ เรื่องคุณภาพและรสชาติของน้ำจิ้ม เพราะนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความประทับใจของลูกค้าที่มีต่อร้านสุกี้ การดูแลและคิดค้นสูตรน้ำจิ้มให้อร่อยโดนใจลูกค้าอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็น และจะทำให้ธุรกิจแตกต่างจากคู่แข่งด้วยคำว่า “ร้านนี้น้ำจิ้มอร่อยกว่า” เพิ่มโอกาสในการอยู่รอดต่อไปได้

 

อยากอยู่ให้รอด ต้องงัดกลยุทธ์ใหม่มาใช้

สรุปได้ว่า แม้ร้านสุกี้สายพานจะเป็นเทรนด์ฮิตที่เคยมาแรงแซงบุฟเฟต์ในช่วงเวลาหนึ่ง และกระแสซาลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่ถึงจุดเสื่อมคลายหรือตกยุคเสียทีเดียว หากแต่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับรูปแบบให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคอยู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่รับประทานน้อย เน้นความคุ้มค่าจากการหยิบทานเอง หรือแม้แต่คนที่กินได้มาก แต่ยังคิดว่าบุฟเฟต์แบบเดิมคุ้มกว่า พร้อมทั้งดูแลเรื่องความสะอาดภายในร้านเป็นอย่างดี ให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในเรื่องสุขอนามัย และที่สำคัญ ต้องไม่ลืมทำการตลาดบนโซเชียลมีเดียอยู่เสมอ เพื่อสร้างการรับรู้และโอกาสทางการขายให้มากขึ้น

อยากให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด แค่คุณไว้ใจให้ Primal Digital Agency ดูแล เราเป็นบริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ชั้นนำของไทย ที่พร้อมช่วยคุณโปรโมตธุรกิจ ออกแบบกลยุทธ์ และสร้างสรรค์แคมเปญให้คุณโดดเด่นเหนือคู่แข่ง ติดต่อเราได้เลยวันนี้