การออกแบบเว็บไซต์ที่ดึงดูดผู้ใช้และติดอันดับใน Search Engine
การสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ จะดึงดูดทั้งกลุ่มเป้าหมาย และช่วยให้ติดอันดับการค้นหาใน Search Engine
การสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงแค่เรื่องของความสวยงาม หรือการใช้งานง่ายเท่านั้น แต่ยังต้องตอบโจทย์ในการทำ SEO ได้อีกด้วย เพื่อช่วยให้เว็บไซต์สามารถติดอันดับในหน้าแรกของเครื่องมือค้นหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่แบรนด์ และสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ส่งเสริมให้แบรนด์เติบโตได้อย่างยั่งยืน
Table of Contents
หลักการออกแบบเว็บไซต์ คู่มือฉบับเข้าใจง่าย
สำหรับเทคนิคการสร้างเว็บไซต์ให้รองรับการทำ SEO และมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้แก่ผู้เข้าชม มีดังต่อไปนี้
วางโครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure)
ขั้นตอนแรกของการทำเว็บไซต์คือ เลือกวางโครงสร้างให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอ โดยแบ่งออกเป็นดังนี้
- เว็บที่มีโครงสร้างแบบเรียงลำดับ (Sequential Structure) นำเสนอเนื้อหาเป็นลำดับขั้นตอน เชื่อมต่อกันไปทีละหน้า เหมาะสำหรับเว็บไซต์ประเภท Landing Page หรือ Storytelling
- เว็บที่มีโครงสร้างแบบลำดับขั้น (Hierarchical Structure) เป็นโครงสร้างยอดนิยม จัดหมวดหมู่เนื้อหาอย่างเป็นระเบียบ โดยมีหน้า Home Page เป็นจุดเริ่มต้น และจึงแยกออกไปเป็นหมวดหมู่ เหมาะกับเว็บไซต์ธุรกิจและอีคอมเมิร์ซ
- เว็บที่มีโครงสร้างแบบตาราง (Grid Structure) จัดเนื้อหาในรูปแบบตาราง ซึ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น และการเชื่อมโยงของเนื้อหาแต่ละหน้าจะไม่เป็นเส้นตรง ทำให้ผู้เข้าชมสามารถกำหนดทิศทางการเข้าสู่เนื้อหาได้ด้วยตนเอง เหมาะสำหรับการนำเสนอเนื้อหาและแสดงผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย
- เว็บที่มีโครงสร้างแบบใยแมงมุม (Web Structure) เป็นโครงสร้างที่เชื่อมโยงหน้าเพจอย่างยืดหยุ่น จึงได้รับความนิยมค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่เน้นการค้นหาเนื้อหาหรือสินค้าแบบอิสระ
ดูเรียบง่ายสบายตา
ความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน จะช่วยให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์ที่ดีในการเข้าชม โดยมีหลักการออกแบบเว็บไซต์ ดังนี้
- ใช้โทนสีที่สื่อตัวตนของแบรนด์ เพราะสีมีผลต่อความรู้สึก การรับรู้ และการจดจำของผู้ใช้งานแต่ไม่ควรใช้มากเกิน 3-5 สี เพื่อไม่ให้รกสายตา
- ใช้ฟอนต์ที่อ่านง่าย มีความชัดเจน ขนาดไม่เล็กจนเกินไป แนะนำให้ใช้ฟอนต์ไม่เกิน 2-3 แบบในเว็บไซต์เดียวกัน และควรเลือกฟอนต์ที่รองรับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาหลักได้อย่างสมบูรณ์
- จัดวางช่องว่างอย่างเหมาะสม เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถอ่านเนื้อหาได้สบายตา ไม่อึดอัด และยังแบ่งส่วนข้อมูลให้เป็นระเบียบ ทำให้องค์ประกอบสำคัญโดดเด่นขึ้น
สร้างสรรค์เนื้อหาที่มีคุณภาพ
เนื้อหาที่มีคุณภาพ เป็นหัวใจของการทำ SEO ช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาและประสบความสำเร็จในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย โดยมีสิ่งสำคัญที่ต้องทำ คือ
- เนื้อหานำเสนอสินค้าและบริการอย่างชัดเจน โดยผู้เข้าชมควรเข้าใจได้ทันทีว่าเว็บไซต์นำเสนออะไร และจะได้ประโยชน์อะไรจากสินค้าหรือบริการเหล่านั้น
- เนื้อหาช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ตอบในสิ่งที่ผู้เข้าชมต้องการรู้ มุ่งเน้นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แก้ไขปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย มีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
- ใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกับเนื้อหา เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และสอดแทรกอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ยัดเยียดจนเกินไป
ภาพและวิดีโอสื่อความหมายชัดเจน
การผสานเทคนิค SEO กับเว็บดีไซน์เข้าด้วยกัน สามารถทำได้โดยการเลือกใช้สื่อหลากหลายประเภทในหน้าเว็บไซต์เดียวกัน โดยมีหลักการใช้งานดังนี้
- ภาพดึงดูดความสนใจ ใช้ภาพที่มีคุณภาพสูง มีความคมชัด สื่อความหมายตรงกับเนื้อหา และสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึงควรตั้งชื่อไฟล์ภาพและใส่ Alt Text ที่มีคีย์เวิร์ดเพื่อประโยชน์ด้าน SEO
- วิดีโอสอดคล้องกับเนื้อหา โดยเป็นวิดีโอสั้น ๆ ที่สื่อสารข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มเวลาในการอยู่บนเว็บไซต์ของผู้ใช้งาน แต่ต้องระวังไม่ให้มีขนาดใหญ่เกินไปจนทำให้เว็บไซต์โหลดช้า
ประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์
ประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ดีมีผลต่อทั้งผู้เข้าชมและอันดับใน Search Engine โดยมีสิ่งที่ควรปฏิบัติ คือ
- ออกแบบระบบนำทางที่ชัดเจน จัดหมวดหมู่ของข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ เพื่อให้ใช้งานง่าย เข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ไม่ซับซ้อน โดยผู้ใช้งานไม่ควรคลิกเกิน 3 ครั้งเพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการ
- เปิดหน้าเว็บไซต์รวดเร็ว ไม่ต้องรอโหลดนาน เนื่องจากความเร็วในการโหลดเว็บไซต์เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับของ Google
- ออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับหลากหลายอุปกรณ์ (Responsive Web Design) ทั้งคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ตโฟน
ใส่ใจการตั้งชื่อ URL
หากสงสัยว่า URL มีความสำคัญอย่างไรกับเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ต้องบอกว่า URL ที่ดี จะช่วยให้ทั้งผู้ใช้งานและ Search Engine เข้าใจเนื้อหาของหน้าเว็บได้ทันที ซึ่งมีสิ่งที่ควรทำ ดังนี้
- ใช้คีย์เวิร์ดใน URL เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้าน SEO
- หลีกเลี่ยงการใช้ตัวเลขหรือรหัสที่ไม่จำเป็น และควรตั้ง URL ให้สั้น กระชับ และสื่อความหมาย
- ใช้ตัวอักษรตัวเล็กทั้งหมด เพื่อป้องกันปัญหาความซ้ำซ้อนของเนื้อหา และเพิ่มความเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ควรแยกคำด้วยเครื่องหมายขีดกลาง (-) ไม่ใช้ช่องว่าง
ปรับแต่งเว็บไซต์ เพิ่มประสิทธิภาพ SEO
อีกหนึ่งขั้นตอนการสร้างเว็บไซต์ที่สำคัญ คือการปรับแต่ง SEO ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับได้ดีขึ้นในเครื่องมือค้นหา
- เพิ่ม Meta Title และ Meta Description โดยควรมีคีย์เวิร์ดสำคัญ เพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้งานคลิกเข้าชม
- จัดลำดับ Heading (H1, H2, H3) ให้ถูกต้อง โดย H1 ควรมีเพียงหนึ่งเดียวในแต่ละหน้าและมีคีย์เวิร์ดสำคัญ
- สร้างลิงก์ภายในเว็บไซต์ (Internal Link) เพื่อช่วยในการกระจายค่า Authority และนำทางผู้ใช้งานไปยังเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ใช้ปุ่ม Call-to-Action (CTA) อย่างเหมาะสม
การสร้าง CTA ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มอัตราการแปลงผู้เข้าชมให้เป็นลูกค้า โดยสามารถทำได้ดังนี้
- ออกแบบปุ่ม CTA ให้โดดเด่น ใช้สีที่ตัดกับพื้นหลัง และมีขนาดที่สังเกตเห็นได้ง่าย พร้อมทั้งจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม เช่น ส่วนบนของเว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานสามารถเห็นได้ทันทีโดยไม่ต้องเลื่อนลงมา
- ใช้ข้อความกระตุ้นการกระทำชัดเจน เช่น “ดาวน์โหลดฟรี” หรือ “เริ่มต้นใช้งานทันที” โดยข้อความควรสั้น กระชับ และสร้างความรู้สึกเร่งด่วนหรือแสดงคุณค่าที่ผู้ใช้งานจะได้รับ
คำนึงถึงความเป็นมิตรของเว็บไซต์ต่อ Google Bots
เว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับ Google Bots จะได้เปรียบในการจัดอันดับต้น ๆ ของการค้นหาบน Search Engine โดยมีวิธีที่ควรทำ คือ
- ปรับแต่ง URL ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้และ Google Bots ใช้คำที่มีความหมาย ไม่ยาวเกินไป และมีโครงสร้างที่ง่ายต่อการเข้าใจ
- มีระบบนำทางเว็บไซต์ (Navigation) ชัดเจน ช่วยให้ Google Bots เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์และจัดหมวดหมู่เนื้อหาได้อย่างถูกต้อง
- สร้าง Sitemap ที่ครบถ้วน เพื่อช่วยให้ Google Bots สำรวจเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรอัปเดตให้เป็นปัจจุบันและส่งไปยัง Google Search Console
- ใช้ไฟล์ Robots.txt เพื่อแนะนำ Google Bots ว่าควรสำรวจหรือไม่สำรวจส่วนใดของเว็บไซต์ ช่วยประหยัดทรัพยากรและทำให้การสำรวจเว็บไซต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ติดตามและวิเคราะห์ข้อมูล
การติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์เป็นขั้นตอนสำคัญในการทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานและประสิทธิภาพของ SEO โดยมีกระบวนการ คือ
- วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งาน โดยใช้เครื่องมืออย่าง Google Analytics ในการติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้งาน เช่น เวลาที่ใช้บนเว็บไซต์ หน้าเว็บที่มีผู้ชมมากที่สุด และนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- ทดสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การสร้างเว็บไซต์ไม่ใช่งานที่ทำครั้งเดียวแล้วจบ แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องปรับปรุงตามข้อมูลและแนวโน้มของตลาด รวมถึงการอัปเดตอัลกอริทึมของ Google
การออกแบบเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพทั้งดึงดูดผู้ใช้งานและเป็นมิตรกับ SEO ต้องอาศัยทั้งความสวยงามและความเป็นระบบจากการวางโครงสร้างที่ชัดเจน ไปจนถึงการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและความใส่ใจในรายละเอียดด้านเทคนิค ทั้งหมดนี้จะช่วยยกระดับเว็บไซต์ของคุณให้โดดเด่น ประสบความสำเร็จ และติดอันดับการค้นหาได้อย่างยั่งยืน
Primal เอเจนซีการตลาดชั้นนำของไทย พร้อมให้บริการออกแบบเว็บไซต์และรับทำ SEO โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลมากว่า 150 คนเพื่อมาดูแลธุรกิจคุณ ตั้งแต่ช่วยวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย วางกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ ไปจนถึงการปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นลูกค้าที่สร้างรายได้ให้แก่แบรนด์ กรอกฟอร์มเพื่อติดต่อเราได้เลยวันนี้ พร้อมรับบริการให้คำปรึกษาฟรีจากทีมกลยุทธ์
Join the discussion - 0 Comment