เปรียบเทียบ Asana vs Trello ให้คุณเลือกแพลตฟอร์มที่ใช่ !
หากคุณเคยเป็น Project Manager ที่ต้องจัดการงานหลายสิบโพรเจกต์พร้อมกัน คุณคงเข้าใจดีว่าความยุ่งเหยิงของการส่งอีเมล การแชตกับลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงาน และการประชุมที่ไม่จบสิ้นเสียที ล้วนสร้างความปวดหัวได้มากแค่ไหน ยิ่งหากข้อมูลกระจัดกระจายไปคนละที่ ไฟล์งานหาไม่เจอ ทีมก็ไม่รู้ว่าใครต้องทำอะไร เมื่อไหร่ ความวุ่นวายก็ยิ่งทวีคูณ
แต่นั่นเป็นเพียงภาพของการทำงานในอดีต เพราะปัจจุบัน มีเครื่องมือบริหารโพรเจกต์ให้เลือกใช้มากมาย ซึ่ง Asana และ Trello คือสองเจ้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยยอดผู้ใช้งานรวมกันมากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก มาดูกันว่าแพลตฟอร์มไหนเหมาะสำหรับองค์กรของคุณ !
เครื่องมือบริหารโพรเจกต์ คือโปรแกรมที่ช่วยให้ทีมสามารถจัดการงานได้อย่างเป็นระบบ
Table of Contents
Asana vs Trello เครื่องมือไหนที่ใช่สำหรับองค์กรของคุณ
จุดเด่นของ Asana
- Timeline View – มุมมองแบบ Gantt Chart ช่วยให้เห็นภาพรวมของโพรเจกต์ ตั้งแต่ระยะเวลา กำหนดเดดไลน์ และความคืบหน้าของแต่ละงานอย่างเป็นระบบ
- Workload Management – วิเคราะห์และกระจายภาระงานของสมาชิกในทีมอย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันปัญหาการทำงานเกินขีดจำกัดของแต่ละบุคคล
- Custom Fields – ปรับแต่งข้อมูลของแต่ละงานให้สอดคล้องกับความต้องการขององค์กร เช่น การเพิ่ม Priority, Budget หรือ Status
- Portfolio Management – เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องจัดการหลายโพรเจกต์พร้อมกัน ช่วยติดตามความคืบหน้าและผลลัพธ์ได้ในที่เดียว
Asana เหมาะสำหรับองค์กรแบบไหน
- บริษัทที่มีโพรเจกต์ซับซ้อน ต้องการการจัดการงานที่เป็นระบบ
- ทีมที่ต้องติดตามกระบวนการดำเนินงานและรายงานผลอย่างละเอียด
- องค์กรที่ทำงานร่วมกันระหว่างหลายแผนก
- ธุรกิจที่ต้องการ Workflow ที่สามารถปรับแต่งได้ตามกระบวนการทำงานขององค์กร
ทดลองใช้ Asana : https://asana.com/
จุดเด่นของ Trello
- Interface ที่ใช้งานง่าย – ด้วยระบบ Kanban Board ทำให้สามารถจัดลำดับงานและติดตามสถานะได้อย่างรวดเร็ว
- Power-Ups – เพิ่มฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น ปฏิทิน การติดตามเวลา และการ Integrate เข้ากับเครื่องมืออื่น ๆ ได้ตามต้องการ
- การ์ดที่ปรับแต่งได้หลากหลาย – รองรับการเพิ่ม Checklists, Attachments และ Labels เพื่อจัดระเบียบงาน
- Butler Automation – ระบบอัตโนมัติที่ช่วยลดงานซ้ำ ๆ เช่น การย้ายการ์ด หรือแจ้งเตือนเมื่อถึงกำหนดเวลา
Trello เหมาะสำหรับองค์กรแบบไหน
- ธุรกิจที่ต้องการเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและเริ่มต้นได้ทันที
- ทีมที่ต้องการความยืดหยุ่นในการกำหนดวิธีการทำงานของตนเอง
- ทีมที่มีกระบวนการทำงานแบบ Visual Project Management ที่เน้นการดูภาพรวมของงานผ่านบอร์ด
- องค์กรที่งานมีขั้นตอนไม่ซับซ้อนมากนัก
ทดลองใช้ Trello : https://trello.com/
การเปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขการใช้งาน Asana vs Trello
Asana
- เปิดให้ใช้งานฟรี สำหรับผู้ใช้สูงสุด 15 คน พร้อมฟีเจอร์พื้นฐาน
- แพ็กเกจ Premium เริ่มต้นที่ประมาณ $10.99 (ประมาณ 373 บาท) ต่อเดือน โดยมีฟีเจอร์ Timeline, Custom Fields และ Workflow Automation เพิ่มเข้ามา
- แพ็กเกจ Business ประมาณ $24.99 (ประมาณ 847 บาท) ต่อเดือน เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการ Portfolio Management และ Workload Tracking
Trello
- เปิดให้ใช้งานฟรี ใช้งานได้ไม่จำกัดบอร์ด แต่จำกัด Power-Ups
- แพ็กเกจ Standard เริ่มต้นที่ $5 (ประมาณ 170 บาท) ต่อเดือน เพิ่มความสามารถของการ์ดและการใช้งาน Power-Ups ได้ไม่จำกัด
- แพ็กเกจ Premium ประมาณ $10 (ประมาณ 339 บาท) ต่อเดือน มาพร้อมกับ Timeline, Calendar และ Dashboard Views
- แพ็กเกจ Enterprise เริ่มต้นที่ $17.50 (ประมาณ 593 บาท) ต่อเดือน โดยมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการบริหารทีมในระดับองค์กรเข้ามาเพิ่ม
ปัจจัยในการเลือกใช้งานระหว่าง Asana vs Trello
ขนาดองค์กรและทีม
- Asana เหมาะสำหรับองค์กรขนาดกลางถึงใหญ่ ที่ต้องมีการบริหารงานที่ซับซ้อน และต้องการรายงานที่ละเอียด
- Trello เหมาะสำหรับทีมขนาดเล็กถึงกลางที่ต้องการเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและมีความยืดหยุ่นสูง
ประเภทของโพรเจกต์
- Asana เหมาะสำหรับโพรเจกต์ที่ต้องมีการจัดการทรัพยากรอย่างเป็นระบบ เช่น การพัฒนาซอฟต์แวร์ การตลาด หรือโครงการขนาดใหญ่ที่มีหลายฝ่ายเกี่ยวข้อง
- Trello เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการจัดการแบบภาพรวม เช่น การบริหารโซเชียลมีเดีย การวางแผนงานอีเวนต์ หรือการจัดระเบียบงานประจำวัน
งบประมาณ
- หากต้องการฟีเจอร์ครบถ้วนสำหรับการจัดการโพรเจกต์ที่มีความซับซ้อน Asana อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า
- สำหรับองค์กรที่ต้องการเครื่องมือราคาประหยัดที่มีความยืดหยุ่น Trello อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
เลือกเครื่องมือที่ใช่ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวหน้า
การเลือกระหว่าง Asana vs Trello ไม่ใช่เพียงแค่การตัดสินใจเลือกซอฟต์แวร์ แต่เป็นการวางรากฐานสำคัญสำหรับการเติบโตขององค์กรในยุคดิจิทัล ซึ่งทั้งสองแพลตฟอร์มมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม เครื่องมือที่ดีเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากการสร้างระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการวางแผนกลยุทธ์ที่รอบคอบ พร้อมปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่เสมอ
หากคุณต้องการผู้เชี่ยวชาญเพื่อเข้ามาช่วยเหลือในการจัดการโพรเจ็กต์ต่าง ๆ Primal เป็นเอเจนซีการตลาดชั้นนำของไทยที่มีทีมงานกว่า 150 คนช่วยจัดการระบบการทำงานของคุณให้เป็นระเบียบและมีประสิทธิภาพกว่าที่เคย พร้อมมอบผลลัพธ์สูงสุดแก่ธุรกิจของคุณ กรอกฟอร์มเพื่อติดต่อเราได้เลยวันนี้ พร้อมรับคำปรึกษาฟรี 30 นาที
Join the discussion - 0 Comment