Engagement คืออะไร ? เผยเคล็ดลับเชื่อมสัมพันธ์กับผู้บริโภค

แชร์บทความนี้

นักการตลาดและ Content Creator หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า “Engagement” กันมาก่อน คำนี้ไม่ใช่เพียงศัพท์ทางการตลาดที่เอาไว้พูดเท่ ๆ เท่านั้น แต่กลับเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จของแบรนด์และธุรกิจในยุคดิจิทัลเลยทีเดียว !

Engagement คือ การสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค

Engagement คือ สิ่งที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่แบรนด์นำเสนอ

Table of Contents

Engagement คืออะไร ? เผยความหมายที่แท้จริงในแง่มุมที่คุณอาจคิดไม่ถึง

หลายคนมักเข้าใจว่า Engagement คือ การกดไลก์ คอมเมนต์ หรือแชร์เนื้อหา ซึ่งในแง่หนึ่งก็ถูกต้อง เนื่องจากพฤติกรรมเหล่านี้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดการมองเห็นและวัดผลได้จริงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ อย่างไรก็ตาม ความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าของ Engagement คือ การสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์และความคิดระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวและคุณค่าที่แบรนด์นำเสนอ

เมื่อใดที่ผู้บริโภคมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะผ่านบทสนทนา แคมเปญกิจกรรม หรือคอนเทนต์รูปแบบต่าง ๆ ความรู้สึกผูกพันและไว้วางใจก็จะก่อตัวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดการสนับสนุนและบอกต่อในระยะยาว

ประเภทของ Engagement คืออะไรบ้าง

การทำความเข้าใจประเภทของ Engagement จะช่วยให้สามารถออกแบบกลยุทธ์ได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น โดย Engagement สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่

Active Engagement

การมีส่วนร่วมเชิงรุกของผู้บริโภค เช่น การกดไลก์ คอมเมนต์ แชร์เนื้อหา หรือเข้าร่วมกิจกรรมที่แบรนด์จัดขึ้น เป็นการแสดงออกเชิงบวกที่สามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน

Passive Engagement

การรับรู้หรือรับชมเนื้อหาโดยที่ยังไม่เกิดพฤติกรรมโต้ตอบ เช่น การดูวิดีโอ อ่านบทความ หรือเลื่อนดูโพสต์ในหน้าฟีด แม้จะไม่มีการกดไลก์หรือคอมเมนต์ แต่ก็ถือเป็นการปฏิสัมพันธ์ในอีกรูปแบบหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญ

Emotional Engagement

การที่ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกผูกพันในเชิงอารมณ์กับแบรนด์ เช่น ความรู้สึกเชื่อมั่น ประทับใจ หรือรู้สึกว่าแบรนด์สะท้อนตัวตนของตนเองได้

Cognitive Engagement

การมีส่วนร่วมในเชิงความคิด เช่น การที่ผู้บริโภคเกิดการไตร่ตรอง วิเคราะห์ หรือพูดคุยเกี่ยวกับแบรนด์ ซึ่งถือเป็น Engagement ที่สะท้อนระดับความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าการกดไลก์หรือแชร์ธรรมดา ๆ

องค์ประกอบสำคัญของ Engagement คืออะไรบ้าง

หากต้องการสร้าง Engagement ที่มีคุณภาพและยั่งยืน จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับองค์ประกอบหลัก 3 ประการ ได้แก่

การสื่อสารที่สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ที่มีความหมาย

ไม่ใช่เพียงการโพสต์ข้อมูลสินค้าเท่านั้น แต่ควรเป็นการสื่อสารที่เชื่อมโยงกับความรู้สึก ความสนใจ และปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย พร้อมเปิดโอกาสให้เกิดการโต้ตอบอย่างมีคุณค่า

การสร้างพื้นที่ให้ผู้บริโภคมีโอกาสในการแสดงตัวตน

พื้นที่หรือแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ แสดงความคิดเห็น และแสดงตัวตนของตนเอง จะช่วยเสริมความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและสร้างความผูกพันกับแบรนด์มากยิ่งขึ้น

การตอบสนองที่รวดเร็วและจริงใจ

แบรนด์ที่มีการตอบรับปฏิสัมพันธ์ของลูกค้าอย่างรวดเร็วและแสดงออกถึงความใส่ใจ จะสามารถสร้างความไว้วางใจและความรู้สึกเชื่อมโยงในเชิงบวกได้มากขึ้น

Engagement คือ การที่ผู้บริโภคกดไลก์คอนเทนต์ที่ชอบ

เคล็ดลับในการสร้าง Engagement ที่มีประสิทธิภาพ

Step 1: ทำ Persona Analysis เพื่อวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด

อันดับแรก นักการตลาดต้องทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลประชากร พฤติกรรม ความสนใจ ไลฟ์สไตล์ หรือ Pain Point ซึ่งจะช่วยให้สามารถกำหนดเนื้อหาและแนวทางปฏิสัมพันธ์ได้อย่างตรงจุด

Step 2: พัฒนาเนื้อหาที่ตอบโจทย์ปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย

เนื้อหาที่ดีต้องไม่ใช่แค่การขายสินค้าอย่างตรงไปตรงมา แต่ควรเป็นการเล่าเรื่องราว (Storytelling) ที่เชื่อมโยงกับความรู้สึกหรือประสบการณ์ของผู้บริโภคได้ พร้อมสอดแทรกคุณค่าที่แบรนด์ต้องการสื่อสาร

Step 3: เลือกแพลตฟอร์มที่มีกลุ่มเป้าหมายใช้งานมากที่สุด

สำรวจดูว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่บนแพลตฟอร์มใดมากเป็นพิเศษ แล้วให้โฟกัสการสร้างเนื้อหาบนแพลตฟอร์มนั้น ๆ โดยเฉพาะ โดยเนื้อหาบนแต่ละแพลตฟอร์มมักจะมีโทนและรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของผู้ใช้งาน เช่น TikTok เน้นวิดีโอสั้นตลก ๆ ไวรัลง่าย Instagram เน้นภาพและวิดีโอที่มีความสวยงาม ส่วนบนเว็บไซต์จะเน้นคอนเทนต์ที่เป็นบทความให้ความรู้

Step 4: การสร้างปฏิสัมพันธ์เชิงรุก (Proactive Interaction)

การออกแบบกิจกรรมหรือคอนเทนต์ที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วม เช่น การทำโพล การเปิดโหวต การสร้างกิจกรรมแจกของรางวัล หรือ Live Q&A ล้วนเป็นแคมเปญที่จะช่วยเพิ่มระดับ Engagement ได้อย่างรวดเร็ว

Step 5: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อติดตามตัวชี้วัดที่สำคัญ

การวัดผลและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบจะทำให้สามารถพัฒนากลยุทธ์การสร้าง Engagement ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่วงเวลาได้ในระยะยาว

*Special Tip : การสร้างคอมมิวนิตี (Community) เฉพาะของแบรนด์

การมี Community สำหรับผู้ที่สนใจในสินค้า บริการ หรือหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ จะกลายเป็นพื้นที่ออนไลน์ที่สนับสนุนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ ช่วยสร้างความรู้สึกผูกพันในระยะยาว และเสริมความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ได้อย่างแข็งแกร่ง

การสร้าง Engagement คือเทคนิคแห่งการสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ซึ่งในยุคที่เต็มไปด้วยการแข่งขันสูงเช่นนี้ แบรนด์จำเป็นต้องทำความเข้าใจและนำเคล็ดลับข้างต้นไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจของตัวเอง เพื่อก้าวไปสู่อีกขั้นหนึ่งของความสำเร็จบนโลกออนไลน์

Primal เอเจนซีการตลาดชั้นนำของไทย พร้อมให้บริการรับทำ Engagement Marketing ที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ เราได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดจากทั่วประเทศมากว่า 150 คนเพื่อมาดูแลธุรกิจคุณ ตั้งแต่ช่วยวิเคราะห์ วางกลยุทธ์ ไปจนถึงการสร้าง Engagement ที่จะเปลี่ยนผู้ติดตามให้กลายเป็นลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ กรอกฟอร์มเพื่อติดต่อเราได้เลยวันนี้ พร้อมรับคำปรึกษาฟรี 30 นาที

แชร์บทความนี้