Quality Score ยิ่งสูง ต้นทุนโฆษณายิ่งต่ำ ได้ยอดขายเพิ่มไว
Quality Score Google Ads คือหัวใจสำคัญในการเพิ่มยอดขายและลดต้นทุนต่อคลิกให้น้อยลง
การทำโฆษณาผ่าน Google Ads ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักที่ธุรกิจยุคดิจิทัลเลือกใช้เพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างการมองเห็นในโลกออนไลน์ แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนมักมองข้ามคือ “คะแนนคุณภาพของโฆษณา” หรือ Quality Score ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลทั้งต่ออันดับการแสดงผล และราคาต่อคลิก (CPC) ของโฆษณา
Table of Contents
Quality Score คืออะไร ? ทำไม Google ถึงให้ความสำคัญ
มือใหม่หัดทำ Google Ads หรือแม้แต่เจ้าของแบรนด์ที่ยิงแอดเอง มักจะให้ความสำคัญกับการ Bid ตำแหน่งโฆษณาบน Google Search ให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด แต่จากประสบการณ์ที่ยิงแอดมาแล้วหลายพันแคมเปญบอกได้เลยว่า แค่นั้นยังไม่พอ เพราะถ้าต้องการให้โฆษณาประสบความสำเร็จ จะต้องดัน Quality Score ให้สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
แล้ว Quality Score Google Ads คืออะไร ?
Quality Score คือ คะแนนที่ Google ใช้ประเมินว่าโฆษณาของคุณมี “คุณภาพ” แค่ไหนในมุมมองของผู้ใช้ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการแสดงผลของโฆษณา ทำให้โฆษณาอยู่ในตำแหน่งที่ดีขึ้น ถูกแสดงบ่อยครั้งขึ้น และมีต้นทุนต่อคลิกที่น้อยลง
Quality Score ถูกประเมินเป็นคะแนน 1–10 สำหรับแต่ละคีย์เวิร์ด ซึ่งจะช่วยคำนวณ Ad Rank หรือคะแนนในการจัดอันดับโฆษณา โดยมีสูตรการคำนวณ ดังนี้
Ad Rank = Quality Score × Maximum Bid
โดยที่ Maximum Bid คือราคาที่ยอมจ่ายสูงสุดสำหรับการคลิกโฆษณา ส่วน Quality Score คือคะแนนที่ Google ให้จากการประเมินคุณภาพของโฆษณาและหน้า Landing Page
สมมติว่าโฆษณาดังกล่าวมี Quality Score = 8 และ Maximum Bid = 5 บาท
Ad Rank = 8 (Quality Score) × 4 บาท (Maximum Bid) = 32 บาท
โดย Google จะให้ Ads Rank นี้ในการตัดสินตำแหน่งของผลโฆษณา เท่ากับว่าแม้ Bid ด้วยจำนวนเงินที่ต่ำกว่าเจ้าอื่น แต่หากมี Quality Score ที่สูงกว่าคู่แข่ง โฆษณาของเราก็มีสิทธิ์จะได้อยู่ในลำดับที่สูงขึ้น และแสดงผลในตำแหน่งที่ดีกว่าเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ Quality Score ยังมีผลต่อราคาที่จ่ายต่อคลิก (CPC: Cost Per Click) และตำแหน่งที่โฆษณาปรากฏอีกด้วย โดย Google จะคำนวณ CPC จริงของแต่ละแคมเปญ โดยใช้สูตร
CPC จริง = (Ad Rank ของคู่แข่งถัดไป ÷ Quality Score) + 0.01
สมมติว่า Ad Rank ของคู่แข่งถัดไป = 30 บาท และ Quality Score ของคุณ = 8
CPC จริง = (30 ÷ 8) + 0.01 = 3.76 บาท
แสดงว่า จากเดิมที่ Bid เอาไว้ที่สูงสุด 4 บาท ก็จะจ่ายเพียง 3.79 บาทเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องจ่ายในราคาประมูลสูงสุดตลอดเวลา
ด้วยเหตุนี้ การปรับปรุง Quality Score จึงไม่ได้ช่วยให้จ่ายค่าโฆษณาลดลงเท่านั้น แต่ยังดันตัวแอดให้แสดงผลอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มการมองเห็น และดึงดูดให้คนซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อ Quality Score คืออะไร ?
ที่จริงแล้ว ปัจจัยที่ทำให้ Quality Score เพิ่มขึ้นไม่ใช่ความลับแต่อย่างไร แต่ทาง Google ได้ประกาศให้คนที่ต้องการยิง Ads Google รู้กันแบบโต้ง ๆ ไปเลยว่า หากโฆษณาของคุณมีคุณภาพ Google ก็พร้อมดันให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น และมีโอกาสที่โฆษณาจะไปแสดงในตำแหน่งที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อ Quality Score มีดังนี้
- ความเกี่ยวข้องของโฆษณา (Ad Relevance) หรือ Keyword โดยข้อความโฆษณาต้องสอดคล้องกับคำค้นหาที่ใช้ หรือตรงกับ Search Intent
- CTR (Click Through Rate) หากมีแนวโน้มที่จะถูกคลิกก็จะได้คะแนนสูง
- ประสบการณ์ของผู้ใช้ในหน้า Landing Page ควรโหลดไว ใช้งานง่าย และมีข้อมูลที่ตรงกับโฆษณา
ทำไม Quality Score สูง ถึงทำให้ค่าโฆษณาถูกลง ?
จากการยิง Google Ads หลายแคมเปญของ Primal พบว่า การมี Quality Score ที่สูงจะช่วยให้เรามี Ad Rank ที่ดีกว่า แม้ว่าจะเสนอราคา Bid ที่ต่ำกว่าคู่แข่ง บวกกับคุณภาพของโฆษณาอยู่ในระดับที่ดีก็จะช่วยให้ได้ตำแหน่งโฆษณาที่ดีตามไปด้วย พร้อมกับได้ราคา CPC ที่ต่ำลง
เห็นได้ชัดว่า Google ไม่ได้เลือกแสดงโฆษณาที่เสนอราคาสูงที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่ให้ความสำคัญกับ “คุณภาพของโฆษณา” ด้วย หากคุณมี Quality Score สูง ก็จะช่วยให้คุณจ่ายค่าคลิกน้อยลง แต่ได้ตำแหน่งแสดงผลที่สูงขึ้น สามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ได้ แม้งบโฆษณาจะน้อยกว่า และได้ ROI ที่คุ้มค่า จากทุกบาทที่ลงทุนไป
เทคนิคเพิ่ม Quality Score ให้โฆษณามีประสิทธิภาพ
ตอนนี้หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วการปรับปรุง Quality Score ให้สูงขึ้นสามารถทำได้อย่างไร ? ที่จริงแล้วไม่ยากเลย เพียงรู้เทคนิคในการทำ Ad ดังต่อไปนี้
จัดโครงสร้างแคมเปญและกลุ่มโฆษณาให้แยกตามธีมหรือสินค้า
การแยกแคมเปญตามประเภทของสินค้าหรือบริการจะช่วยให้ Quality Score ของแต่ละกลุ่มโฆษณามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะจะทำให้สามารถเขียนข้อความโฆษณา และเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มได้เพิ่มขึ้น
ตัวอย่างเช่น หากว่าภายในร้าน มีทั้งเครื่องสำอาง และเสื้อผ้า ควรแยกแคมเปญของสินค้าทั้งสองประเภท เพื่อให้โฆษณามีความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น ทำให้เจาะไปสู่ Intent ในการค้นหาได้เลย
ใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมกับ Intent และอย่าลืมใส่เอาไว้ในข้อความโฆษณา
อย่าลืมว่าหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Quality Score ดีขึ้นก็คือปัจจัยด้าน Ad Relevance หรือความเกี่ยวข้องของโฆษณา โดยพิจารณาว่าข้อความในโฆษณานั้น ๆ ตรงกับคีย์เวิร์ดที่มีผู้ค้นหาเข้ามามากน้อยแค่ไหน หากว่าใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการในการค้นหา ก็จะช่วยให้ CTR สูงขึ้นตามไปด้วย
ตัวอย่างเช่น หากว่าขายรองเท้าวิ่ง ก็ควรใช้คีย์เวิร์ดว่า “รองเท้าวิ่งผู้ชาย” “รองเท้าวิ่งผู้หญิง” หรือ “รองเท้าวิ่งมาราธอน”
สร้าง Landing Page ที่ตอบโจทย์และโหลดเร็ว
อย่าคิดแค่เพียงว่า โฆษณาอยู่อันดับสูง ๆ มีคนคลิกเยอะ ๆ ก็เพียงพอแล้ว เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้าง Landing Page ที่ตรงกับคำค้นหาของผู้ใช้ และสามารถดาวน์โหลดได้อย่างรวดเร็ว เพราะ Google จะพิจารณาประสบการณ์การใช้งานเป็นหนึ่งในปัจจัยการให้คะแนน Landing Page Experience ที่ส่งผลต่อ Quality Score
หากว่าหน้าเว็บไซต์ดาวน์โหลดช้า ผู้ใช้ก็จะกดออกไป ทำให้ค่า Bounce Rate จะสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ Quality Score ต่ำลงได้
ใช้ Ad Extensions เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนคลิก
การใช้ Ad Extensions ช่วยเพิ่มโอกาสที่โฆษณาจะโดดเด่นขึ้นในผลการค้นหา ช่วยให้ CTR หรืออัตราการคลิกเพิ่มสูงขึ้น และเพิ่ม Quality Score ในท้ายที่สุด
ตัวอย่าง Ad Extensions ที่ควรใช้
- Sitelink Extensions เป็นการเพิ่มลิงก์ไปยังหน้าอื่น ๆ ในเว็บไซต์ เช่น “โปรโมชันพิเศษ” หรือ “สินค้าขายดี”
- Callout Extensions เพิ่มข้อความพิเศษที่สามารถดึงดูดความสนใจ เช่น “จัดส่งฟรี” หรือ “รับประกันคืนเงิน”
- Call Extensions เพิ่มหมายเลขโทรศัพท์ในโฆษณาให้สามารถโทรติดต่อได้ทันทีในกรณีที่สนใจสินค้า
การใช้ Ad Extensions จะช่วยเพิ่มรายละเอียดให้กับโฆษณา และทำให้โฆษณาดูน่าดึงดูดมากขึ้น ทั้งยังส่งผลต่อการเพิ่มจำนวนคลิก และสามารถช่วยเพิ่ม Quality Score ได้อีกด้วย
เช็ก Quality Score ได้จากที่ไหน ?
การเช็ก Quality Score เป็นเรื่องที่สามารถตรวจสอบได้ง่าย ๆ ผ่านบัญชี Google Ads โดยมีขั้นตอนดังนี้
- เข้าสู่บัญชี Google Ads
- เข้าไปที่แท็บ “คีย์เวิร์ด” ในแคมเปญที่คุณต้องการ
- เพิ่มคอลัมน์ “Quality Score” เพื่อดูคะแนนในแต่ละคำค้นหา
- วิเคราะห์ข้อมูล โดยจะแสดงคะแนนเป็น 1-10 พร้อมเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ย
โดยสามารถดูรายละเอียดแยกย่อย เช่น ความเกี่ยวข้อง, CTR, และประสบการณ์ใน Landing Page เพื่อที่จะทราบได้ว่าต้องปรับปรุงในส่วนใดบ้าง เพื่อให้ค่า Quality Score ดีขึ้น
Primal รับทำ Google Ads มี Quality Score สูง
หากคุณต้องการให้แคมเปญโฆษณามี Quality Score ที่สูงขึ้น และได้ผลลัพธ์ที่ดีจากการลงทุนในโฆษณา Primal มีบริการรับทำ Google Ads ที่จะช่วยวางกลยุทธ์และปรับปรุง Quality Score ให้ดีขึ้น พร้อมกับช่วยลดค่าใช้จ่ายได้จริง และเพิ่มยอดขายได้แบบก้าวกระโดด
สนใจกรอกแบบฟอร์มให้เจ้าหน้าที่ของเราติดต่อกลับได้เลย หรือโทรศัพท์ 020308000
ข้อมูลอ้างอิง
- About Quality Score for Search campaigns. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 จาก https://support.google.com/google-ads/answer/6167118?hl/en
Join the discussion - 0 Comment