เปิดตำราหาคำตอบว่า ทำไมหา Search Volume ในคีย์เวิร์ดที่เตรียมเอาไว้แล้วมีค่าที่ค่อนข้างต่ำ

จะเรียกว่าเป็น “ความกังวล” ก็คงไม่ผิดสำหรับเจ้าของธุรกิจที่อาจจะมีคีย์เวิร์ด (คำค้นหาหลัก) ที่อยากใช้ในการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ของตัวเองอยู่ในใจและตั้งคำถามว่า ทำไมหา Search Volume ในคำนั้นๆ มาแล้วถึงได้คะแนนต่ำ ในบทความนี้จะมาช่วยไขความกระจ่างให้กับนักธุรกิจทุกท่านที่อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจถึงกระบวนการทำ SEO หรือรูปแบบของการตลาดดิจิทัล เพื่อที่จะได้นำไปต่อยอดจนถึงการจ้างทีมงานคุณภาพเข้ามาช่วยจัดการดูแลในงานส่วนนี้อย่างมีประสิทธิภาพ

ก่อนที่เราจะมาอธิบายแบบละเอียดถึงปัญหาที่หลายต่อหลายคนเช็คจำนวนการค้นหาคีย์เวิร์ดแล้วเกิดความกังวลกับตัวเลขที่ปรากฎขึ้น เรามาทำความเข้าใจถึง Search Volume กันก่อนว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไรและมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหนในการทำ SEO ของคุณ

Search Volume คืออะไร

Search Volume คือตัวเลขจำนวนการค้นหาคำหลักหรือคีย์เวิร์ดที่เราสนใจว่าในแต่ละเดือนมีการค้นหาคำนี้เป็นจำนวนเท่าไร โดยความสำคัญของ Search Volume ก็คือการนำไปเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกใช้คีย์เวิร์ดไม่ว่าจะเป็นเพื่อการทำโฆษณา Google Ads หรือการทำ SEO ทว่าขั้นตอนเหล่านี้จะต้องยึดตามวัตถุประสงค์เริ่มแรกของแคมเปญว่าคุณต้องการทำแคมเปญการตลาดนี้ไปเพื่ออะไร

search volume สำหรับคีเวิร์ด

ทำไม Search Volume ถึงต่ำ

ตัวแปรสำคัญที่จะกำหนดว่าคีย์เวิร์ดไหนมี Search Volume ที่สูงหรือต่ำนั้นอยู่ที่ “คำที่ใช้ในการค้นหา” หากคำค้นหาหลักที่คุณเลือกมาเป็นคำทั่วไป สั้น มีความหมายกว้างๆ เช่น รถยนต์, แฟชั่น, เครื่องประดับ ฯลฯ Search Volume ที่ได้ก็จะสูง เหตุผลเพราะเป็นคำที่มีคนค้นหาบ่อย เป็นคำง่ายๆ ที่ใครก็นึกถึงจึงทำให้การแข่งขันในคีย์เวิร์ดนี้สูงตามไปด้วย

ในทางกลับกันหากคีย์เวิร์ดของคุณเป็นคำเฉพาะ หรือคำที่ยาวมากๆ อย่างเช่น รถยนต์ ฮอนด้า มือสอง, เสื้อยืดคอกลม ต่างหูคริสตัล ฯลฯ เป็นต้น คำเหล่านี้ก็จะมีค่า Search Volume ต่ำลงเพราะคนมักจะไม่ชอบพิมพ์ตัวหนังสือเยอะในการค้นหาสิ่งต่างๆ บน Google โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักเข้าเว็บไซต์บนโทรศัพท์มือถือบวกกับมีการใช้ Voice Search (การค้นหาโดยใช้เสียง) มากขึ้นทำให้คนสามารถพูดถามความต้องการให้ Google ช่วยค้นหาคำตอบ คำค้นหาเหล่านั้นจึงเป็นคำที่ยาวและเป็นรูปประโยคคำถามมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนจะมีวิธีการเรียงรูปประโยคและใช้คำในการค้นหาที่แตกต่างกัน ดังนั้นการค้นหาด้วยคำคีย์เวิร์ดยาวๆ จึงทำให้ Search Volume ที่ได้นั้นค่อนข้างต่ำนั่นเอง

search volume สูงต่ำต่างกันอย่างไร

Search Volume สูง หรือ ต่ำ ต่างกันอย่างไร

ความจริงแล้วการเช็คจำนวนการค้นหาคีย์เวิร์ดนั้นหากไม่นับเรื่องของ Traffic ที่จะได้เข้ามาในเว็บไซต์ คีเวิร์ดที่มี Search Volume ต่ำและมีความยาว มีความตั้งใจในการค้นหาจะดีกว่าในแง่ของการสร้างยอดขาย เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด ดังนั้นการมองเพียงแค่ตัวเลขการค้นหาอย่างเดียวจึงไม่มีนัยยะสำคัญเพียงพอที่จะตัดสินได้ว่า คีเวิร์ดที่มีการค้นหาสูงหรือต่ำแบบไหนจะดีกว่ากัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการเลือกใช้คีย์เวิร์ดของคุณว่าต้องการทำแคมเปญ SEO นี้ไปเพื่ออะไร

 

ย้อนกลับมาดูที่วัตถุประสงค์

เนื่องจาก Search Volume นั้นเป็นเพียงตัวเลขที่บอกค่าสถิติจากการที่ Google เก็บข้อมูลของผู้ใช้ที่ค้นหาคำต่างๆ เท่านั้น ดังนั้นการหา Search Volume เพื่อที่จะนำไปใช้ในขั้นตอนต่อไป จึงจำเป็นต้องอาศัยวัตถุประสงค์สุดท้ายว่า คุณต้องการเช็คจำนวนการค้นหาคีย์เวิร์ดไปเพื่ออะไร เพราะข้อดี-ข้อเสียของคีย์เวิร์ดแบบกว้างๆ กับคีย์เวิร์ดที่เป็นคำเฉพาะนั้นมีความต่างกันดังต่อไปนี้

คีเวิร์ดที่ใช้ค้นหาบน search engine

คีย์เวิร์ดสั้น คำกว้างๆ (Generic) (Search Volume สูง)

ได้ Traffic การเข้าเว็บไซต์ที่สูง แต่โอกาสในการขายสินค้าอาจจะมีน้อยกว่า เนื่องจากคีย์เวิร์ดมีการแข่งขันสูง (ใครๆ ก็เลือกใช้) และคนที่เข้ามาในเว็บไซต์มักจะไม่ใช่คนที่สนใจในธุรกิจของเราจริงๆ เสียทีเดียว อาจเพียงเพราะค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดกว้างๆ และดันตรงกับคำคีย์เวิร์ดที่เรากำหนดเอาไว้ดังนั้นอาจไม่เหมาะกับการหากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ

คีย์เวิร์ดยาว คำเฉพาะ (Long Tailed) (Search Volume ต่ำ)

Traffic ที่ได้ค่อนข้างต่ำ แต่เพราะคีย์เวิร์ดมีการแข่งขันต่ำ (คำเฉพาะ ที่คนสนใจในสิ่งนั้นจริงๆ เท่านั้นจะเลือกใช้ค้นหา เช่นกำลังสนใจหารถยนต์มือสองยี่ห้อฮอนด้ารุ่นปี 2017 ปกติถ้าคนแค่สนใจรถมือสองมักจะค้นหาด้วยคำประเภท “รถมือสอง” “รถยนต์ มือสอง” แต่ถ้าคนสนใจรุ่นที่เฉพาะเจาะจงจริงๆ ก็จะเสิร์ชด้วยคำว่า “รถยนต์ ฮอนด้า ปี 2017 มือสอง” เป็นต้น) โอกาสในการขายสินค้าหรือบริการจึงจะมีสูงกว่า เพราะว่าคีย์เวิร์ดที่เราใช้มีความเจาะจงมากขึ้น ดังนั้นเมื่อมีคนค้นหาข้อมูลด้วยคำหรือคีย์เวิร์ดเหล่านั้น เราก็สามารถอนุมานได้ว่าคนเหล่านั้นมีโอกาสจะมาเป็นลูกค้าเราได้ เพราะถ้าคนไม่สนใจเรื่องนี้จริงๆ เขาก็จะไม่พิมพ์ค้นหาด้วยคำยาวๆ หรือคำเฉพาะ เป็นต้น

วิธีเลือกคีเวิร์ดที่เหมาะสม

การหา Search Volume เพื่อทำ SEO

สำหรับการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ธุรกิจของเราติดอันดับหน้าแรกนั้นการดูเพียงแค่ Search Volume อย่างเดียวยังไม่พอเพราะการที่เว็บไซต์จะขึ้นไปติดอันดับบน Google ได้ ต้องอาศัยอีกนับร้อยปัจจัย แต่การดู Search Volume เพื่อประกอบการจัดระบบคีย์เวิร์ด ก็เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้แคมเปญ SEO ประสบความสำเร็จได้ไม่น้อย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บที่เพิ่งสร้างใหม่ การจะไปใช้คีย์เวิร์ดกว้างๆ เพื่อดึง Traffic เยอะๆ อย่างเดียวก็ไม่สามารถชนะคู่แข่งที่เขาอยู่มาก่อนได้ ดังนั้นการเลือกใช้คีย์เวิร์ดเฉพาะธุรกิจ สินค้า บริการของตัวเองอาจจะมี Search Volume ที่ต่ำ แต่สิ่งที่คุณจะได้กลับมาคือคุณภาพของคนเข้ามาบนเว็บไซต์ ที่ตรงกลุ่มกว่า มีโอกาสขายของได้ง่าย ช่วยเพิ่ม CTR, Conversion รวมถึงเป็นการค่อยๆ เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ให้ใต่ลำดับไปอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย

เครื่องมือในการหา Search Volume

คุณสามารถหา Search Volume เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกคีย์เวิร์ดมาทำ SEO ได้ด้วยเครื่องมือวางแผนคีย์เวิร์ด อาทิ Google Keyword Planner ในการตรวจสอบคีย์เวิร์ดต่างๆ ที่คุณเลือกมาสำหรับการทำ SEO ซึ่งโดยข้อแนะนำของเราคือคุณควรเลือกใช้คีย์เวิร์ดทั้งแบบสั้น (คำกว้างๆ Search Volume สูง) และคีย์เวิร์ดยาว (คำเฉพาะ ที่อาจจะมี Search Volume ต่ำ) ไปพร้อมๆ กัน เพื่อที่จะให้เว็บไซต์ของคุณได้รับ Traffic จากผู้ที่ค้นหาข้อมูลและผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าหรือบริการในเวลาเดียวกัน รวมไปถึงการสร้างฐานข้อมูลลูกค้าจากการลงทะเบียน สมัครสมาชิกภายในเว็บไซต์ จากการที่เราสามารถดึงดูดผู้สนใจได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นอีกด้วย