รวมเรื่องการทำ Video marketing ที่คนทำการตลาดออนไลน์ต้องรู้

ในปี ค.ศ. 1927 โทรทัศน์ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเป็นครั้งแรกโดย Philo Taylor Farnsworth และแม้ว่าในช่วงแรกนั้น โทรทัศน์จะไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไหร่นัก แต่เพียงไม่กี่ทศวรรษหลังจากนั้น เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทนี้ก็ได้กลายเป็นสิ่งสามัญประจำบ้านของมนุษยชาติเกือบจะทุกครัวเรือน ซึ่งทำให้การตลาดในยุคต่อ ๆ มาใช้โทรทัศน์เป็นเครื่องมือสื่อสารหลัก แต่เมื่อมีการคิดค้นคอมพิวเตอร์เกิดขึ้น โลกนี้จึงเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การเผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ ก็เริ่มโยกย้ายมาสู่โลกอินเทอร์เน็ต รวมถึงภาพเคลื่อนไหวที่เราคุ้นเคยในโทรทัศน์ก็สามารถหาดูได้จากช่องทางอินเทอร์เน็ตในจอคอมพิวเตอร์ได้เช่นกัน

ในแรกเริ่มนั้น มีแพลตฟอร์มที่ให้บริการวิดีโอบนโลกอินเทอร์เน็ตเพียงไม่กี่แพลตฟอร์ม จนเมื่อปี 2005 ได้มีโซเชียลมีเดียในชื่อว่า ‘Youtube’ ถือกำเนิดขึ้น และภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งทศวรรษ เว็บไซต์อย่าง Youtube ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์ไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่ความบันเทิงนั้นจำกัดอยู่เพียงกิจกรรมในชีวิตประจำวัน, หนังสือ, หน้าจอโทรทัศน์, โรงละครหรือโรงภาพยนตร์ก็ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นความบันเทิงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา เพียงแค่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต

video marketing คืออะไร digital marketing

Video Marketing คืออะไร?

สำหรับการทำ Video Marketing คือการใช้สื่อภาพเคลื่อนไหวและเสียงอย่างวิดีโอมาทำการตลาด เพื่อเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันเปลี่ยนไปและการเสพวิดีโอก็ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างล้นหลาม 

ทำไมถึงต้องทำ Video Marketing?

จากการทำการตลาดออนไลน์ในปี 2020 ได้มีผลการสำรวจเทรนด์ของ Video Marketing ซึ่งพบว่า 86% ของผู้ใช้งานต้องการดูวิดีโอจากแบรนด์ต่าง ๆ มากขึ้น และ 36% ของลูกค้าคาดหวังที่จะได้รับชมวิดีโอที่ให้ความรู้หรืออธิบายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในวิดีโอ โดยหากเรามองตัวเลขนี้ก็จะพบว่าสื่อการโฆษณาในรูปแบบของวิดีโอนั้นได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และส่งผลจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาจับจ่ายซื้อของผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ดังนั้นในปัจจุบัน การทำ Video Marketing จึงส่งผลให้เกิดการเติบโตทางธุรกิจอย่างมากเพราะนอกจากที่จะช่วยเพิ่มยอดขายแล้ว การสร้างวิดโอที่มีคุณภาพยังคงช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงและขยายกลุ่มเป้าหมายได้ในวงกว้างจากการสร้างภาพจำและความน่าเชื่อถือของธุรกิจผ่านวิดีโออีกด้วย

Video Marketing กับ SEO ต่างกันยังไง?

ในการทำการตลาดออนไลน์ หลายท่านอาจจะนึกถึงการทำบทความ SEO หรือ Search Engine Optimization ซึ่งหากมองอย่างผิวเผินแล้ว ทั้งการทำ SEO และ Video Marketing อาจมีความแตกต่างกันภายใต้กรอบใหญ่ของ Digital Marketing แต่ในความเป็นจริงนั้น หลักการของการทำ SEO สามารถนำมาปรับใช้กับการทำ Video Marketing ได้ หรือที่เราเรียกกันว่า Video SEO เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของวิดีโอนั้น ๆ โดยนำหลักการของการเขียน SEO มาปรับใช้ เช่นการใช้ keywords, การตั้งชื่อ Meta Title และ Meta Description ฯลฯ ให้กับวิดีโอของคุณ  

ทำ Video marketing ยังไงให้ปัง?

1.วางแผน!

แน่นอนว่าคุณอาจไม่สามารถคิดปุ๊บแล้วทำปั๊บได้เลย เพราะอาจต้องมีการวางแผนที่ดีเสียก่อน เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณได้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้มากขึ้น สำหรับการวางแผนสร้าง Video Marketing ที่ดีนั้น คุณอาจจะต้องกำหนดจุดประสงค์ในการค้นหาของผู้ใช้งาน (Search Intent) ก่อน จากนั้นจึงกำหนดว่าควรจะใช้ Keywords แบบไหน รวมถึงควรมี Mood and Tone อย่างไร เพื่อทำให้รู้ว่าควรมีรูปแบบในการนำเสนออย่างไรให้ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

2.เล่าเรื่องดี มีชัยไปกว่าครึ่ง!

ถึงแม้ว่าคอนเทนต์ของวิดีโอนั้น หลัก ๆ แล้วจะอยู่ที่ภาพเคลื่อนไหวและเสียงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ต้องใส่ใจในเรื่องศาสตร์ของการเล่าเรื่อง เพราะสุดท้ายแล้วการเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวิดีโอก็เหมือนเป็นข้อความที่ถูกสื่อสารออกมาให้ผู้ใช้งานได้เข้าใจ อีกทั้งการเล่าเรื่องที่ดียังจะช่วยดึงความสนใจของผู้ชมได้ดีอีกด้วย

ตัวช่วยในการเล่าเรื่องที่ดี คุณอาจจะตั้งคำถามง่าย ๆ ก่อนว่า “ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณอยากจะขายคืออะไร?” “คุณอยากจะนำเสนอในรูปแบบไหน?” “กลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร?” และ “คุณจะสื่อสารกับพวกเขาด้วยวิธีใด?”

3.การตัดต่อคือทุกสิ่ง!

ในวงการภาพยนตร์นั้น การตัดต่อถือเป็นศาสตร์ที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะช่วยกำหนดทิศทางและคุณภาพของเรื่องนั้น ๆ ได้อย่างตรงประเด็นที่สุด และเมื่อคอนเทนต์ของคุณอยู่ในรูปแบบของวิดีโอ การตัดต่อที่ดียังจะสามารถช่วยตีโจทย์ในด้านการนำเสนอเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความเข้าใจ รวมถึงทำให้เนื้อหามีความกระชับ แต่ยังสามารถรักษาสิ่งที่คุณต้องการจะสื่อสารเอาไว้ให้อย่างครบถ้วน เพราะหากคอนเทนต์วิดีโอของคุณมีความยาวเกินไป ผู้ชมก็อาจจะรู้สึกเบื่อและกดข้ามไปได้เช่นกัน

4.ภาพปก, ชื่อเรื่องและคำอธิบายก็สำคัญ!

เฉกเช่นเดียวกับบทความ SEO คุณจำเป็นต้องเลือกภาพน่าปกที่น่าสนใจ และบอกถึงรายละเอียดของเนื้อหา ที่จะทำให้ผู้ใช้งานเกิดความสนใจและพร้อมที่จะกดเข้ามาดู เพราะฉะนั้น ชื่อเรื่อง (Title) และคำอธิบาย (Description) จึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน แต่จะต้องมีใจความที่ครบถ้วนและกระชับ เพื่อช่วยให้ผู้ชมเข้าใจถึงเนื้อหาของวิดีโอด้วย 

5.เผยแพร่!

หากคุณทำทุกขั้นตอนแล้ว อันดับสุดท้าย (แต่ไม่ท้ายสุด) ที่คุณจะต้องทำก็คือการเผยแพร่วิดีโอ แต่หากคุณคิดว่าเพียงกดเผยแพร่แล้วทุกอย่างจะจบโดยไม่ได้คาดหวังผลตอบรับที่รวดเร็ว คงไม่ใช่การหวังผลในด้านการทำธุรกิจ เพราะในการทำ Video Marketing คุณอาจต้องการให้คอนเทนต์ของคุณไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุดในระยะเวลาที่สั้นที่สุด ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือ หลังจากที่คุณเผยเพร่วิดีโอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณต้องไม่ลืมที่จะโปรโมทให้กับผลงานชิ้นนั้น ๆ ด้วย 

6.อย่าลืมสรุปผล!

ขั้นตอนท้ายสุดที่คุณจะลืมไม่ได้ก็คือ การสรุปและประมวลผลกับการตอบรับจากคอนเทนต์วิดีโอ เพื่อที่จะรู้ว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะสามารถช่วยส่งเสริมให้สินค้าหรือบริการของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและช่วยเพิ่มยอดขายได้ดีหรือไม่ แต่ถ้าหากยังไม่สามารถถึงเป้าหมายที่ตั้งเป้าเอาไว้ คุณก็เพียงแค่นำผลลัพธ์เหล่านั้นกลับมาทบทวนและแก้ไขเพื่อทำแผนการตลาดอื่นต่อ ๆ ไป

รู้และจำให้ขึ้นใจก่อนทำ Video marketing

การทำ Video Marketing นั้นเป็นส่วนหนึ่งในแผนการตลาดออนไลน์ ซึ่งหมายความว่า “มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น!” ไม่ว่าจะเป็นในกระบวนการสร้างหรือการโปรโมทก็ตาม แต่อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจก็คือ ในยุคปัจจุบันนั้น การตลาดออนไลน์มีการแข่งขันสูง ซึ่งหมายความว่าคุณจำเป็นต้องมีแผนกลยุทธ์ (Strategy) และยุทธวิธี (Tactics) ที่ดี เพราะระบบของ Search Engine ในปัจจุบันได้ถูกพัฒนาให้ฉลาดและคิดได้ใกล้เคียงกับสมองมนุษย์มากยิ่งขึ้น ดังนั้นคอนเทนต์ที่มีคุณภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญเพราะเปรียบเสมือนรากฐานที่มั่นคง ซึ่งเมื่อนำมาประกอบกับแผนการตลาดอื่น ๆ ก็จะกลายเป็นบ้านหรืออาคารที่ยิ่งใหญ่สวยงาม ชวนให้ผู้พบเห็นอยากจะเข้ามาเยี่ยมชม นั่นเอง 

การสร้างคอนเทนต์วิดีโอขึ้นมานั้น หลาย ๆ คนอาจมองว่าเป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิดีโอสั้นที่มีเวลาตั้งแต่ 2 – 5 นาที แต่คุณต้องอย่าลืมว่า ไม่ว่าคอนเทนต์วิดีโอนั้น ๆ จะสั้นหรือยาวเพียงใด รายละเอียดต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนถูกคิด ไตร่ตรอง วางแผน แก้ไขและตรวจทานมาแล้วอย่างดี ซึ่งนั่นหมายความว่า ไม่ว่าคุณจะสร้างสรรค์วิดีโอในรูปแบบใดก็ตาม จำเป็นจะต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่วินาทีแรกเลยทีเดียว