Content Matrix คืออะไร? กลยุทธ์สำคัญที่คนทำคอนเทนต์ต้องรู้!

ในยุคที่โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคบนโลกออนไลน์เช่นนี้ ส่งผลให้การแข่งขันในวงการการตลาดมีความดุเดือดมากขึ้น หลายธุรกิจจึงจำเป็นต้องหาเทคนิคและช่องทางที่เหมาะสมที่สุดในการโปรโมตแบรนด์ของตนเองให้เหนือกว่าคู่แข่ง และหากพูดถึงการตลาดดิจิทัลแล้วนั้น สิ่งที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยก็คือการทำ Content Marketingอาวุธอันทรงพลังในการทำธุรกิจออนไลน์ยุคนี้

ทั้งนี้ ประเภทของคอนเทนต์นั้นสามารถแบ่งออกได้หลากหลายรูปแบบ โดยวันนี้เราจะมาพูดถึงกลยุทธ์ “Content Matrix หนึ่งในเทคนิคทำการตลาดที่แฝงอยู่ในการทำคอนเทนต์ มาดูไปพร้อม ๆ กันเลยว่า คอนเทนต์ที่เรากำลังทำอยู่นั้นอยู่ในส่วนของเมทริกซ์ใด

การสร้างคอนเทนต์มีกี่ประเภท

Content Matrix คืออะไร?

เคยไหม? ทำคอนเทนต์ไปเรื่อย ๆ จนหมดไอเดียในการคิดคอนเทนต์อื่น ๆ ต่อ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าซ้ำ จำเจ ไม่มีแนวทางใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์ รวมถึงรูปแบบที่ทำก็ไม่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ผู้อ่านรู้สึกว่าแบรนด์ของเราไม่น่าสนใจ เพราะคอนเทนต์ที่ทำไม่สามารถดึงดูดให้พวกเขามีส่วนร่วม (Engagement) ได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็อาจสูญเสียโอกาสในการขายไปได้ง่าย ๆ เลย

แต่จะเป็นอย่างไรล่ะ หากเรารู้จักแนวทางการเขียนคอนเทนต์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น? กลยุทธ์ Content Matrix คือตัวช่วยที่ถูกคิดค้นมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้แล้ว!

Content Matrix หรือ Content Marketing Matrix คือ แนวทางที่ช่วยแบ่งประเภทของคอนเทนต์ให้ออกมาได้หลากหลายมิติมากขึ้น เปรียบเสมือนไอเดียในการออกแบบเนื้อหาที่จะกำหนดขอบเขตและจุดประสงค์ในการนำเสนอคอนเทนต์ประเภทต่าง ๆ ให้ชัดเจนขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้การจัดการเนื้อหามีระเบียบ และสามารถถ่ายทอดออกมาสู่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงประเด็นด้วย

 

ประเภทของ Content Matrix คืออะไรบ้าง?

กลยุทธ์ Content Matrix สามารถแบ่งประเภทของคอนเทนต์ออกได้เป็น 4 รูปแบบ ได้แก่

คอนเทนต์ประเภทให้ความรู้ (Educate)

คอนเทนต์ประเภทนี้คือการให้ความรู้แก่ผู้อ่านเป็นหลัก โดยมีเป้าหมายในเรื่องของการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Awareness) แต่อาจยังไม่ค่อยเห็นผลในด้านการขาย (Conversion) มากนัก เว้นแต่ว่าเป็นคอนเทนต์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการโดยตรง ตัวอย่างคอนเทนต์ประเภทให้ความรู้ เช่น อินโฟกราฟิก (Infographic) การแถลงข่าว การจัดทำรีพอร์ต คอร์สสัมมนา ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งส่วนมากมักมีเนื้อหาที่เน้นความน่าเชื่อถือและการแสดงความเป็นมืออาชีพเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่แบรนด์

ปัจจัยที่ใช้วัดผลคอนเทนต์ให้ความรู้

  • อัตราคนกรอกข้อมูล (% of session to subscribed)
  • จำนวนคนกรอกข้อมูลที่เป็น Marketing Qualified Lead
  • จำนวนผู้ใช้งานหน้าใหม่ (New User) ซึ่งวัดโดยคุกกี้ (Cookie) ที่มีประสิทธิภาพในการจดจำผู้ใช้งานแต่ละราย เพื่อวัดว่าเราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ได้มากน้อยแค่ไหน

คอนเทนต์ประเภทโน้มน้าวใจ (Convince)

คือการทำคอนเทนต์ที่เน้นการโน้มน้าวผู้บริโภคโดยใช้เหตุผลเป็นหลัก เช่น การบอกคุณประโยชน์ของสินค้าหรือบริการ การนำเสนอ Case Study การทำโปรโมชัน หรือการบอกสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับหากอุดหนุนแบรนด์ ทำให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเปรียบเทียบสินค้าหรือบริการของแต่ละแบรนด์ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อได้ ส่งผลให้เราต้องทำคอนเทนต์ให้โดดเด่นกว่าแบรนด์อื่น ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ต้องคำนึงคือ คอนเทนต์ประเภทนี้จะให้ผลลัพธ์ด้านการรับรู้ที่ค่อนข้างต่ำ ดังนั้น จึงเหมาะสำหรับใช้กับกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการซื้อในเบื้องต้นอยู่แล้ว เพราะถ้าหากใครที่ไม่ได้มีความสนใจในแบรนด์ของเราตั้งแต่แรก ก็มีโอกาสที่จะเลื่อนผ่านไปเฉย ๆ ได้

ปัจจัยที่ใช้วัดผลคอนเทนต์โน้มน้าวใจ

  • Sale Cycle หรือระยะเวลาในการปิดการขายที่สั้นลง
  • Sale Value หรือยอดขายที่สูงขึ้น
  • จำนวน Conversion หรือการตัดสินใจซื้อที่สูงขึ้น

คอนเทนต์ประเภทสร้างความบันเทิง (Entertainment)

การเขียนคอนเทนต์ด้วย Content Matrix ประเภทให้ความบันเทิง จะเน้นความสนุกสนานและการสื่อสารด้านอารมณ์เป็นหลัก โดยปกติแล้วจะให้ผลลัพธ์ในส่วนของการรับรู้แบรนด์อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ส่วนใหญ่มักเป็นการทำไวรัลต่าง ๆ (Viral Marketing) เช่น คอนเทนต์เกี่ยวกับการเล่นเกม การตอบคำถามชิงรางวัล เพื่อสร้างยอดการมีส่วนร่วมให้ได้เยอะ ๆ และอาจนำมาซึ่งฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นด้วย สรุปง่าย ๆ คือ ถ้าต้องการให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และมีคนติดตามมากขึ้น กลยุทธ์ Content Matrix ประเภทนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุดประสงค์เลยทีเดียว

ปัจจัยที่ใช้วัดผลคอนเทนต์สร้างความบันเทิง

  • อัตราคนกรอกข้อมูล (% of session to subscribed)
  • จำนวน Organic Impression ที่เพิ่มขึ้น
  • จำนวนคนแชร์คอนเทนต์

คอนเทนต์ประเภทสร้างแรงบันดาลใจ (Inspire)

กลยุทธ์ Content Matrix ประเภทนี้คือการสร้างอารมณ์ร่วมประกอบกับการขายของไว้ด้วยกัน กล่าวคือ แม้จะรีวิวสินค้าหรือบริการเป็นหลัก แต่ก็ยังมีการสื่อสารผ่านอารมณ์ในการทำคอนเทนต์เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น โดยมักมาในรูปแบบของการรีวิว การทำ Seeding การทำ Influencer Marketing  หรือหากเป็นบนเว็บไซต์ เราก็สามารถพบเห็นได้ในแพลตฟอร์มที่เป็นคอมมูนิตีต่าง ๆ เช่น พันทิป เป็นต้น 

คำถามคือ แล้วเราจะทำอย่างไรให้มีคนมารีวิวสินค้าหรือบริการของเราล่ะ? ข้อแนะนำคือ หากมีงบจำกัดก็ให้ลองจัดกิจกรรมแจกของรางวัลเป็นสินค้าหรือคูปองส่วนลดดู เพื่อให้ลูกค้ารีวิวกลับมาให้ การทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะเท่ากับเราได้ทำทั้งคอนเทนต์ประเภทสร้างความบันเทิงและประเภทสร้างแรงบันดาลใจไว้ในโพสต์เดียว

ปัจจัยที่ใช้วัดผลคอนเทนต์สร้างแรงบันดาลใจ

  • Search Trend ที่สูงขึ้นในหัวข้อที่เราเขียน ซึ่งสะท้อนว่ามีคนสนใจในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น
  • ความรู้สึก (Sentiment) ต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดียที่รับรู้ได้
  • ยอดขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาหลังจากโพสต์คอนเทนต์ไปไม่นาน

 

ทำไมต้องใช้กลยุทธ์ Content Matrix ในการทำการตลาด?

  • Content Matrix คือตัวช่วยในการทำ Content Marketing ให้มีเนื้อหาตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
  • ช่วยปรับแผนการตลาดให้สอดคล้องกับรูปแบบการขายสินค้าและบริการของเรา
  • ช่วยลดการนำเสนอคอนเทนต์ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อแบรนด์ลง
  • ช่วยให้เราโฟกัสเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของตนเองมากยิ่งขึ้น
  • ช่วยตรวจสอบข้อบกพร่องและจุดที่ควรปรับปรุงในการนำเสนอคอนเทนต์
  • ได้แนวทางการทำ Content Marketing รูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงเราได้ง่ายขึ้น

 

เทคนิคการเขียนคอนเทนต์ด้วยกลยุทธ์ Content Matrix

  • ทบทวนคอนเทนต์แต่ละประเภทว่ามีการวัดผล KPI ที่แตกต่างกันอย่างไร และคอนเทนต์แบบไหนที่ทำแล้วได้ผลตอบรับดีที่สุด
  • จากนั้น ให้วิเคราะห์คอนเทนต์รูปแบบดังกล่าวว่าควรจัดอยู่ใน Content Matrix ประเภทใด เพื่อดูความเหมาะสมของเนื้อหา และการนำมาพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพให้เกิดผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
  • เปรียบเทียบคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันว่ามีการเลือกใช้ Content Matrix ประเภทใดบ้าง เพื่อนำมาใช้เป็นตัวอย่างในการทำคอนเทนต์
  • วางรูปแบบการนำเสนอคอนเทนต์ให้ดี มีความเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของตนเอง
  • ดำเนินการตามแผนโดยการวัดผลด้วย KPI ตามขั้นตอนแรก

 

สรุป

ดังนั้น Content Marketing Matrix คือตัวช่วยในการสร้างคอนเทนต์ให้เราสามารถวางแผนได้อย่างเป็นระบบและมีขอบเขตของเนื้อหาที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยเน้นถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก ทั้งยังช่วยกระตุ้นความน่าสนใจของเนื้อหาผ่านการออกแบบคอนเทนต์อย่างสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อแบรนด์ในระยะยาว