ย้ายไป Google Analytics 4 ทำยังไง ? เผยทุกขั้นตอนที่ควรรู้

เมื่อกลางปีที่แล้ว ประเทศไทยได้มีการบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA (Personal Data Protection Act) ส่งผลให้นักการตลาดไม่สามารถเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้อีกต่อไป หากไม่ได้รับความยินยอมจากลูกค้ารายนั้น ๆ และ “Google Analytics 4” หรือ “GA4” ก็ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การเก็บข้อมูลในยุคที่คำนึงถึงความเป็นส่วนตัว (Privacy) เป็นหลัก โดยเราจะต้องเริ่มติดตั้งและเก็บข้อมูลผ่าน Google Analytics 4 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อที่จะได้มีฐานข้อมูลเปรียบเทียบย้อนหลังในวันที่ Universal Analytics ไม่สามารถเก็บข้อมูลได้แล้ว

ทั้งนี้ การติดตั้ง Google Analytics 4 นั้นสามารถทำได้หลายวิธี แต่สำหรับบางคนก็อาจจะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและมักเกิดข้อผิดพลาดบ่อยครั้ง บทความนี้จึงจะมาบอกเรื่องควรรู้ก่อนย้าย GA3 Event ไป GA4 Event เพื่อให้การย้ายไป Google Analytics 4 เป็นไปอย่างราบรื่น

แต่ก่อนอื่น เรามาเท้าความกันสักนิดว่า Google Analytics 4 คืออะไร 

วิธีติดตั้ง Google Analytics 4

Google Analytics 4 คืออะไร

Google Analytics (GA) คือ เครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจทุกประเภท ที่จะช่วยให้นักการตลาดสามารถวิเคราะห์เว็บไซต์ของตนเองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง โดยก่อนหน้าที่จะมี Google Analytics 4 นั้น เวอร์ชันที่ใช้งานเป็นหลักเรียกว่า Universal Analytics หรือ UA แต่เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2020 ที่ผ่านมา ทาง Google ได้สร้าง Google Analytics 4 (หรือชื่อเดิมคือ App and Web Property) ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เพราะเวอร์ชันนี้ให้ความสำคัญกับ Micro-moments และยังสอดคล้องกับ Data Privacy ของผู้ถูกเก็บข้อมูลอีกด้วย

 

ทำไมต้องย้ายไป Google Analytics 4

สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานแบบ Cross-Device

Google Analytics 4 จะช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานอย่างลึกซึ้ง ผ่านการรวบรวมข้อมูลการใช้งานจากหลากหลายอุปกรณ์ได้อย่างไร้รอยต่อแบบไม่ระบุตัวตน ไม่ว่าจะเป็นบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน โดยยังคงความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้ใช้งานอยู่

ช่วยให้เข้าใจ Customer Journey

Google Analytics 4 ทำให้เรามองเห็นผู้ใช้งานคนเดียวกันที่ใช้งานทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชันได้ จากเดิมที่เคยมองเห็นเป็นคนละคน เพื่อให้เห็นภาพรวมของเส้นทางผู้บริโภค หรือ Customer Journey ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยที่ผู้ใช้งานสามารถส่งคำขอในการลบคุกกี้ไอดี (Cookie ID) ของตนเองออกได้ ในกรณีที่เคยให้ความยินยอมในการเก็บคุกกี้กับเว็บฯ หรือแอปฯ

การทำ Marketing Activation สะดวกขึ้น

Google Analytics 4 มีการเปิดใช้งานข้อมูลเชิงลึกเพื่อ Conversion Report ซึ่งจะช่วยให้การโฆษณาสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานข้ามแพลตฟอร์มได้มากยิ่งขึ้น โดยจะเชื่อมต่อข้อมูลจาก GA4 ไปยัง BigQuery ได้ทันที เพื่อให้สามารถนำข้อมูลที่เก็บได้ไปใช้งานด้านอื่น ๆ ต่อ เช่น การสร้างกลุ่มเป้าหมาย หรือการยิงโฆษณาแบบ Personalized

ช่วยให้ Predictive Analytics แม่นยำขึ้น

Machine Learning อันทรงพลังของ Google analytics 4 สามารถช่วยลบรอยต่อข้อมูล Conversion ที่หายไปผ่าน Consent Mode Model โดยการเติมเต็มช่องว่างของผู้ใช้งานที่ไม่ยินยอมให้เก็บคุกกี้ แล้วยังสามารถแสดงข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้นอีกด้วย

ทำไมต้องย้ายไป Google Analytics 4

ย้ายไป Google Analytics 4 ทำอย่างไร

ดังที่ได้กล่าวไปว่า การติดตั้ง Google Analytics 4 นั้นสามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่นิยมกันคือการตั้งค่าผ่าน Google Tag Manager เพราะทำได้ง่าย กระนั้น ก็ยังมีบางขั้นตอนที่หลายคนพลาดไปจนทำให้การติดตั้งไม่เสร็จสมบูรณ์

ทั้งนี้ การเปลี่ยนจาก Universal Analytics มาเป็น Google Analytics 4 ไม่ได้เปลี่ยนแค่เพียงเลขการติดตั้งเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ทั้งหมดในทุก ๆ ส่วน เช่น Event Tracking ที่เปลี่ยนไป หรือ Setting ต่าง ๆ ที่เคยได้ตั้งค่าเอาไว้ด้วย ซึ่งส่งผลให้เราอาจลืมย้ายการตั้งค่าบางอย่างมาไว้ที่ Google Analytics 4

ไปดูกันเลยว่าขั้นตอนใดบ้างที่เรามักจะทำพลาด แล้วจะสามารถแก้ไขได้อย่างไร

ย้าย Event ของ Universal Analytics มาไว้ที่ Google Analytics

ใน Google Analytics 4 จะมีระบบจัดการพื้นฐานที่เรียกว่า “Event” ที่ทำให้สามารถวัดผลได้แม่นยำยิ่งขึ้น ว่าคนที่เข้ามายังเว็บไซต์ของเราได้ทำ Action อะไรบางอย่างจริง โดยการเปลี่ยนจาก Universal Analytics หรือ GA3 มาเป็น GA4 นั้น ไม่ได้เปลี่ยนเพียงแค่ Tracking Code เท่านั้น แต่จะต้องนำ Event มาด้วย โดยเรื่องควรรู้ก่อนย้าย GA3 Event ไป GA4 Event นั้นไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงแค่ใช้ Google Tag Manager เป็นเครื่องมือในการจัดการเรื่อง Event จากนั้น เปลี่ยน Trigger แล้วส่งมาที่ GA4

ตัวอย่างเช่น สมมติว่าก่อนหน้านี้เราตั้งค่า Event ว่า “Play VDO” เพื่อเป็นตัวบอกว่ามีผู้ใช้งานเข้ามาเล่นวิดีโอของเราหรือไม่ หากอิงตามการใช้งาน Universal Analytics เราจะต้องตั้งค่า Event Category ว่า Video/Event Actions – Play ซึ่งเราสามารถรู้ได้ว่า Event นั้นเป็นวิดีโอใด

ขณะเดียวกัน เมื่อเปลี่ยนมาเป็น Google Analytics 4 เราจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด โดยชื่อ Event ยังคงเหมือนเดิมที่ “Play VDO” แต่ในส่วนของ Parameter เราอาจใส่เป็น Video name เพื่อดูว่าวิดีโอที่ถูกเล่นเป็นวิดีโออะไร

นำค่า Parameter มาใส่เป็นค่า Custom Dimension

หลังจากเราได้ทำการนำ Event ย้ายไป Google Analytics 4 แล้ว จะมีบางครั้งที่เมื่อเรากลับไปดูใน GA4 แล้วพบว่าส่วนของ Parameter หายไป ทั้ง ๆ ที่ตอน Debug ยังเห็นค่านี้อยู่

ปัญหานี้เกิดจากตอนที่สร้าง Event เราจะต้องนำค่า Parameter เหล่านั้นมาใส่เป็นค่า Custom Dimension บน GA4 ด้วย เพราะถ้าไม่ใส่ ระบบจะแสดงเฉพาะข้อมูลเรียลไทม์เท่านั้น แต่ข้อจำกัดคือ ไม่ควรสร้างเกิน 50 Parameter ดังนั้น ในบาง Event อาจใช้ชื่อซ้ำกันได้

เปลี่ยน Data Retention จาก 2 เดือนเป็น 14 เดือน

ก่อนจะย้ายไป Google Analytics 4 แบบเต็มตัว ต้องอย่าลืมเปลี่ยน Data Retention เด็ดขาด เพราะคือระยะเวลาของ Data ที่เราจะเรียกมาใช้งานบนฟังก์ชัน Exploration Report ซึ่งหากเราตั้งค่าไว้ที่ 2 เดือน และต้องการสร้าง Custom Report ที่นอกเหนือจาก Standard ที่ทาง GA4 ได้สร้างมาให้ เราก็จะเลือกมาใช้ได้แค่ 2 เดือนล่าสุดเท่านั้น ดังนั้น การขยายเวลาออกไป 14 เดือน จะทำให้สามารถสร้าง Custom Report บน Exploration ได้นานขึ้นกว่าเดิม 

เอา Internal Traffic หรือ Spam ออก

เมื่อใช้ Universal Analytics เราจะสามารถแบ่งฟังก์ชันออกได้เป็น Master, Filter หรือ Unfilter เพื่อคัดกรอง Internal Traffic หรือ Spam ออก แต่ใน GA4 ไม่มีฟังก์ชันแบบนั้นแล้ว ทำให้คนที่ย้ายไป Google Analytics 4 มักจะพลาดที่ขั้นตอนนี้เสมอ วิธีแก้คือ ให้นำ Traffic ของทีมที่เข้าเว็บไซต์เราเป็นประจำออก หรือ Filter เหล่าสแปมต่าง ๆ ออกไป

เชื่อม GA4 เข้ากับ Product อื่น ๆ ของ Google

บน GA4 นั้นมีหลากหลายฟังก์ชันให้เลือกใช้ รวมถึงการเชื่อมกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของ Google ด้วย ซึ่งในเวอร์ชันนี้ เราสามารถเชื่อมได้เยอะขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Google Ads, Google Play, Google Search Console หรือ Google Bigquery เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เราสามารถดู Data จากแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้จาก GA4 โดยตรง

ตั้งค่า Event ให้เป็น Conversion

ในการใช้งาน UA เราถูกสอนให้ตั้งค่า Goal เพื่อที่จะได้รู้ว่าเว็บไซต์ของเรามีเป้าหมายอะไรบ้าง และเพื่อให้สามารถตรวจสอบได้อย่างแม่นยำ ว่าคนที่เข้ามาในเว็บไซต์ของเรานั้นสนใจที่จะทำในสิ่งนั้นหรือไม่ ซึ่ง Goal ยอดนิยมที่มักใช้กันคือ “Destination” ที่จะช่วยนับจำนวนผู้ใช้งานเมื่อเข้าสู่หน้า “Thanks Page” แต่บน GA4 เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว เพราะเมื่อทุกอย่างเป็น Event เราก็จะต้องเปลี่ยนจาก Goal เดิมมาเป็น Event ผ่าน Google Tag Manager ซึ่งเรียกว่า “Conversion Event” หรือก็คือ Event ที่เป็นเป้าหมายของเรานั่นเอง

เปลี่ยน Attribution หลัง Import Conversion ไปใช้ใน Google Ads

ค่าเริ่มต้นของ GA4 เป็น Data-Driven Attribution ซึ่งทาง Google จะเลือกใช้ Machine Learning ในการเรียนรู้ และให้เครดิตที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยหากเราต้องการนำเข้า หรือ Import Conversion ไปใช้ใน Google Ads ต้องอย่าลืมเปลี่ยนตัว Attribution เป็น “Last Click” ด้วย ไม่เช่นนั้น เราจะมองไม่เห็นค่านี้ใน Google Ads ทำให้ไม่สามารถวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

สรุป

และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องควรรู้ก่อนย้าย GA3 Event ไป GA4 Event ซึ่งทุกธุรกิจควรเริ่มใช้งานตั้งแต่วันนี้ เพราะข้อมูลไม่สามารถเก็บย้อนหลังได้ นอกจากนี้ GA4 ยังเป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการทำการตลาดยุคใหม่ เนื่องจากให้ความสำคัญกับพฤติกรรมของลูกค้าเป็นหลัก ผ่านการเก็บข้อมูลเป็น Event Based Model ทำให้เราสามารถเข้าใจ Customer Journey ได้อย่างละเอียดมากขึ้น ทั้งยังได้ข้อมูลที่มีความเป็นเรียลไทม์มากกว่า ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดในการวางแผนการตลาดขั้นต่อไปได้ทันที ในขณะเดียวกัน GA4 ก็ยังมีการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ปฏิเสธการยินยอมในการเก็บข้อมูลหรือคุกกี้ได้

หากผู้ประกอบการคนใดสนใจนำเครื่องมือที่มีประโยชน์นี้ไปติดตั้งเพื่อเข้าใจลูกค้าของตนเองให้มากขึ้น สามารถติดต่อ Primal Digital Agency ได้เลยวันนี้