โลกไม่เคยหยุดหมุนและคนก็ไม่เคยหยุดที่จะเปลี่ยน วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคจากสถานการณ์โควิดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา

นับไปนับมาก็เกือบจะ 2 ปีแล้วที่เราทุกคนต้องใช้ชีวิตอยู่กับโรคระบาดที่ก็ไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไร พฤติกรรมออนไลน์ของผู้บริโภคก็นับว่ามีการเปลี่ยนไปมา หลายๆ ทั้ง E-Commerce, Social Commerce หรือบริการออนไลน์บนแพลตฟอร์มต่างๆ ก็มีตัวเลขเติบโตขึ้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้คนที่น่าจะต้องทำงานหนักที่สุดเห็นจะเป็นเหล่านักการตลาดที่ต้องคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคช่วงโควิด ไหนจะต้องคอยหากลยุทธ์ต่างๆ เพื่อทำให้ธุรกิจไปต่อได้

Work From Home เหมือนจะดีแต่คนกลับไม่แฮปปี้

ที่ผ่านมาเรามีการ Lockdown กันหลายครั้งจึงส่งผลให้เกิดสภาวะเครียดของผู้คนเนื่องจากไม่สามารถออกมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ จากตัวเลขการสำรวจพบว่าคนไทยกว่า 60% รู้สึกไม่มีความสุขเลยในช่วง Lockdown และกว่า 40% รู้สึกกังวลกับรายได้ของพวกเขา *ข้อมูลจาก YouGov

จริงอยู่ที่การ Work From Home หรือทำงานจากที่บ้านนั้นช่วยประหยัดเรื่องค่าเดินทางและเวลาที่ต้องมาเสียไปกับการฝ่ารถติดยามเช้าหรือเลิกงานของคนเมือง ส่งผลให้พฤติกรรมออนไลน์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจนหลายธุรกิจเติบโต แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงอยากที่จะกลับไปทำงานที่ออฟฟิศอยู่ดีด้วยเหตุผลที่หลากหลาย เช่น

  1. ไม่ใช่ว่าบ้านของทุกคนจะเหมาะกับการทำงาน

หลายๆ คนอาศัยอยู่ในคอนโดฯ บ้าง อพาร์ทเม้นท์บ้าง ซึ่งสภาพแวดล้อมย่อมเป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยม เมื่อนานไปก็อาจทำให้รู้สึกเบื่อเพราะเหมือนถูกขังอยู่ในที่แคบๆ ทุกวัน ทั้งวัน จนกลายเป็นปัญหาความเครียดสะสมของคนทำงานได้ หรือหลายๆ คนอยู่บ้านก็จริงแต่ที่บ้านก็มีสมาชิกครอบครัวมากมายทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงจนส่งผลต่อสุขภาพจิตได้ในท้ายที่สุด

  1. ทำงานที่บ้านทำให้ตารางเวลาชีวิตพัง

ปัญหานี้หลายคนน่าจะได้ยินและรับรู้จากรายการออนไลน์ต่างๆ ที่นำเรื่องนี้มาวิเคราะห์ถกเถียง หรือหลายๆ สำนักก็มีการเก็บข้อมูลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคช่วงโควิดว่าการที่ผู้คนทำงานที่บ้านนั้น ทำให้วิถีชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากปกติที่ตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัว ออกจากบ้านทำกิจกรรมต่างๆ เช่นแวะซื้อข้าว ซื้อกาแฟ พูดคุยกับคนนั้นคนนี้ก่อนเข้าออฟฟิศ กลับกลายเป็น ตื่นเช้าล้างหน้าอาบน้ำ หาอะไรในห้องกินแล้วนั่งแช่อยู่หน้าคอมจนหมดวัน ซึ่งสิ่งที่พบมากที่สุดคือแม้จะหมดวันแล้วแต่งานก็ไม่ได้หมดตามไปด้วย 

  1. เพราะมนุษย์ต้องการมีปฏิสัมพันธ์

จากที่เราได้เจอเพื่อนที่ทำงาน ออกไปพบปะกับเพื่อนๆ ครอบครัว ฯลฯ กลับต้องอาศัยอยู่คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมเป็นเดือนๆ เป็นใครก็มีปัญหาและแน่นอนว่าเป็นปัญหาใหญ่เสียด้วย

ช้อปออนไลน์กลายเป็นกิจกรรมแก้เครียดของคนไทย

เมื่อเราทุกคนต้องถูก Lockdown ให้อยู่ที่บ้านก็ย่อมจะต้องหากิจกรรมเพื่อทำให้ทุกๆ วันที่ผ่านไปมีความสุขมากที่สุด จากการค้นคว้าพฤติกรรมผู้บริโภคช่วงโควิด 61% ของคนไทยสร้างความบันเทิงให้กับตัวเองด้วยการใช้โซเชียลมีเดียอย่าง TikTok, Facebook, Instagram ฯลฯ 41% ใช้วิธีการเล่นเกม 40% ซื้อสินค้าออนไลน์ 36% จัดตกแต่งห้องใหม่ และ 32% ออกกำลังกาย *ข้อมูลจาก YouGov

ทำวิดีโอให้ตลกแล้วจะดี

หากคุณใช้โซเชียลมีเดียน่าจะเคยเห็น #คนไทยเป็นคนตลก กันมาบ้าง จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่เป็นคนตลกอย่างเดียวแต่คนไทยนิยมเสพสื่อบันเทิงที่สอดแทรกความตลกเข้าไปด้วย เพราะข้อมูลจาก YouTube พบว่าวิดีโอที่ได้รับความนิยมสูงสุดโตขึ้นกว่า +90% คือวิดีโอหรือหนังตลก +80% คือวิดีโอสอนทำอาหารและการออกกำลังกาย ฟิตเนส +70% จะเป็นวิดีโอจำพวก ปรับปรุง ตกแต่งบ้าน และเรื่องราวเกี่ยวกับการลงทุน +40% เป็นเรื่องของการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ

“เรียนออนไลน์” โตขึ้นอย่างน่าสนใจ

พฤติกรรมผู้บริโภคยุคโควิดที่กำลังกายเป็นเทรนด์ของคนรุ่นใหม่คือการพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เพราะจากข้อมูลพบว่าคีย์เวิร์ดอย่างเช่น Online Learning, Learn With Me หรือเรียน เรียนออนไลน์ ฯลฯ เพิ่มขึ้นกว่า 25 เท่าในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปี จึงเป็นบทพิสูจน์ได้ว่าต่อให้สถานการณ์ตึงเครียดแค่ไหน ผู้คนก็เตรียมพร้อมและคอยพัฒนาศักยภาพของตัวเองอยู่เสมอ หรือถ้ามองอีกมุมนึงก็นับเป็นช่วงเวลาและโอกาสที่ดีสำหรับคนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการให้ความรู้ที่จะออกคอร์สเรียนใหม่ๆ พร้อมกับโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์กับสถานการณ์ปัจจุบันนี้

ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคยุคโควิดที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนทำธุรกิจที่อาจจะเจอปัญหาและอุปสรรคต่างๆ จากสถานการณ์ปัจจุบันได้นำไปปรับใช้และหาช่องทางที่เหมาะสมกับตัวเองได้ เพราะแม้ทุกอย่างจะดูเหมือนแย่ไปซะหมด แต่ในทุกๆ วิกฤตย่อมมีช่องทางให้เราได้หลีกหนีอยู่เสมอ เมื่อพฤติกรรมออนไลน์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ในฐานะคนทำธุรกิจก็ต้องปรับและเปลี่ยนเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการอันมหาศาลนั้นด้วย