ตอบทุกคำถาม ! Cloudflare คืออะไร ทำไมคนทำเว็บไซต์ SEO ควรมี

ในยุคดิจิทัล ธุรกิจ เว็บไซต์ส่วนตัว หรือองค์กรทั่วโลกต่างจำเป็นต้องมีเว็บไซต์เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้า บริการ หรือมอบข้อมูลต่าง ๆ แก่ผู้ใช้งาน ทว่าการมีเว็บไซต์เฉย ๆ นั้นไม่เพียงพอ เรายังควรคำนึงถึงความปลอดภัย ความรวดเร็ว และความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ด้วย

ทั้งนี้ Cloudflare ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยในการดูแลเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ เพราะนอกจากจะได้รับการยอมรับและถูกใช้งานจากธุรกิจที่มีเว็บไซต์ทั่วโลก ผู้ที่รับทำ SEO ส่วนใหญ่ยังใช้ Cloudflare เป็นตัวช่วยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ให้ดีขึ้นด้วย 

Cloudflare คืออะไร และมีวิธีใช้งานอย่างไรบ้าง เราสรุปข้อมูลที่ควรรู้ทั้งหมดมาไว้ในบทความนี้แล้ว

Cloudflare คืออะไร ?

Cloudflare เป็นบริการเครือข่ายประสิทธิภาพสูง (Performance Network) และความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) บนคลาวด์ (Cloud) เปรียบเสมือนตัวกลางระหว่างผู้ใช้กับเว็บไซต์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความพร้อมใช้งานของเว็บไซต์

โดย Cloudflare มีจุดประสงค์หลักเพื่อ

• เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ : ช่วยให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และพร้อมใช้งานเสมอ โดยใช้เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก (Global Network Of Servers) กระจายเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณไปยังผู้ใช้ปลายทาง (End-users) ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
• เพิ่มความปลอดภัย : ปกป้องเว็บไซต์จากภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่าง ๆ เช่น การโจมตี DDoS (Distributed Denial-of-Service attacks) การโจมตีแบบ Brute-force การแฮ็กข้อมูล ฯลฯ โดยใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น การกรองการโจมตี (Attack Filtering) การป้องกัน DDoS (DDoS Protection) การเข้ารหัส SSL (SSL Encryption) ฯลฯ
• เพิ่มความพร้อมใช้งาน : ช่วยให้เว็บไซต์พร้อมใช้งานเสมอ โดยใช้เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์สำรอง (Redundant Servers) ในกรณีที่เซิร์ฟเวอร์หลักมีปัญหา

Cloudflare มีหลักทำงานอย่างไร ?

Cloudflare ใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายผสานกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือให้แก่เว็บไซต์ของคุณอย่างครบวงจรบริการ โดยเทคโนโลยีที่นำมาใช้ผสานกันทั้งหมด มีดังนี้

•  Content Delivery Network (CDN) :

CDN ย่อมาจาก Content Delivery Network หมายถึง เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก ทำหน้าที่จัดส่งเนื้อหาเว็บไซต์ (Content) ให้แก่ผู้ใช้ปลายทาง (End-users) ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

เปรียบเสมือนคลังสินค้าขนาดใหญ่ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก เมื่อผู้ใช้จากประเทศไทยต้องการซื้อสินค้า พนักงานจะหยิบสินค้าจากสาขาที่ใกล้ที่สุดแทนที่จะส่งจากคลังสินค้าหลัก ช่วยให้ประหยัดเวลาและค่าขนส่ง ทั้งนี้ Cloudflare มีเซิร์ฟเวอร์กระจายอยู่ทั่วโลก เมื่อผู้ใช้เข้าชมเว็บไซต์ Cloudflare จะส่งมอบเนื้อหาจากเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้ที่สุดแก่ผู้ใช้ ช่วยให้เว็บไซต์โหลดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

• การจัดการ DNS (DNS Management) : สามารถเปลี่ยน DNS ของเว็บไซต์มาใช้ Cloudflare ซึ่งจะช่วยจัดการระบบ DNS ให้สามารถเปลี่ยนแปลง IP Address หรือเพิ่มคุณสมบัติ DNS ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย
• ความปลอดภัย (Security) : Cloudflare มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ช่วยกรองการโจมตีทางไซเบอร์ ป้องกันการโจมตี DDoS เข้ารหัสการเชื่อมต่อ บล็อกการพยายามบุกรุกแบบ Brute-force และป้องกันการแฮกข้อมูล เพื่อรักษาความปลอดภัยให้เว็บไซต์
• ประสิทธิภาพ (Performance) : เนื้อหาของเว็บไซต์จะถูกแคช บีบอัด และปรับปรุงประสิทธิภาพของภาพ ช่วยให้โหลดเว็บได้เร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
• ความน่าเชื่อถือ (Reliability) : Cloudflare มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์สำรองพร้อมรองรับ ทำให้เว็บไซต์พร้อมใช้งานตลอดเวลา ป้องกันปัญหาดาวน์ไทม์

Cloudflare เหมาะกับใคร?

Cloudflare เป็นบริการที่เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ของตน ไม่ว่าจะเป็น

• เจ้าของเว็บไซต์ทั่วไป : ที่ต้องการให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้น มีความปลอดภัย พร้อมใช้งานตลอดเวลา และสามารถใช้บริการ CDN ได้ฟรี
• เว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมจำนวนมาก : ต้องการรองรับปริมาณการใช้งานสูง ป้องกันการโจมตี DDoS และเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ด้วย CDN แบบเสียค่าบริการ
• เว็บไซต์ธุรกิจ : ที่ต้องการสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้แก่ลูกค้า รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ด้วย CDN ที่มีฟีเจอร์ครบครัน
• เว็บไซต์ E-commerce : ที่ต้องการเพิ่ม Conversion Rate ลด Abandoned Cart Rate และเพิ่มประสิทธิภาพ ด้วย CDN ฟีเจอร์เต็มรูปแบบ
• นักพัฒนาเว็บฯ : ที่ต้องการใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา ทดสอบฟีเจอร์ใหม่ ๆ และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ CDN และความปลอดภัยทางไซเบอร์

องค์กรชั้นนำหลายแห่ง เช่น Wikipedia, New York Times, NASA, Dropbox และ Vogue ล้วนใช้บริการ Cloudflare เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านต่าง ๆ 

สรุปข้อดีและข้อเสียของ Cloudflare

ก่อนตัดสินใจใช้งาน Cloudflare เราอยากชวนมาศึกษาข้อดีและข้อเสียอย่างละเอียดของสิ่งนี้กันก่อน!

ข้อดี :

• เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ : เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น ลดเวลาในการตอบสนอง (Response Time)
• เพิ่มความปลอดภัย : ป้องกันเว็บไซต์จากภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น การโจมตี DDoS การโจมตีแบบ Brute-force การแฮ็กข้อมูล ฯลฯ
• เพิ่มความพร้อมใช้งาน : เว็บไซต์พร้อมใช้งานเสมอ ลด Downtime
• ใช้งานง่าย : ตั้งค่าและใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้ทุกระดับ
• มีบริการให้เลือกหลายแบบ : ฟรีก็มี และแบบเสียเงินก็มี ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งาน
• มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก : กระจายเนื้อหาเว็บไซต์ไปยังผู้ใช้ปลายทางได้อย่างรวดเร็ว
• มีเครื่องมือ Developer Tools : มีเครื่องมือ Developer Tools ช่วยให้นักพัฒนาเว็บฯ สามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเว็บไซต์
• รองรับเว็บไซต์ทุกประเภท : ตั้งแต่เว็บไซต์ขนาดเล็กไปจนถึงเว็บไซต์องค์กรขนาดใหญ่
• เพิ่มประสิทธิภาพ SEO : Cloudflare แคชเนื้อหาเว็บไซต์ ช่วยให้ Googlebot สามารถรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ได้เร็วขึ้น และเพิ่มความเร็วเว็บไซต์ จึงทำให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดีขึ้นในผลการค้นหา

ข้อเสีย:

• อาจทำให้เว็บไซต์โหลดช้าลงเล็กน้อย : ในบางกรณี เช่น เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาขนาดใหญ่ หรือผู้ใช้ที่อยู่ห่างไกลจากเซิร์ฟเวอร์ Cloudflare
• อาจมีค่าใช้จ่าย : สำหรับแผนบริการแบบเสียเงิน
• จำเป็นต้องเปลี่ยน DNS : เพื่อใช้บริการ Cloudflare

เปรียบเทียบ Cloudflare กับ VPN

Cloudflare และ VPN เป็นเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายคล้ายกัน คือ เพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ต

สรุปตารางเปรียบเทียบ Cloudflare กับ VPN:

วิธีใช้ Cloudflare ขั้นตอนการสมัครและติดตั้งอย่างละเอียด

วิธีการสมัคร Cloudflare :

• ไปที่เว็บไซต์ Cloudflare: https://www.cloudflare.com/
• คลิกปุ่ม “Sign Up”
• ป้อนข้อมูลที่จำเป็น :
  • ชื่ออีเมล
  • รหัสผ่าน
  • ชื่อเว็บไซต์

• คลิกปุ่ม “Create Account”
  • ตรวจสอบอีเมลของคุณ : คุณจะได้รับอีเมลยืนยันจาก Cloudflare คลิกลิงก์ในอีเมลเพื่อยืนยันบัญชีของคุณ
  • ตั้งค่า Cloudflare : ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Cloudflare ของคุณ
  • คลิกปุ่ม “Add Site”
  • ป้อนชื่อโดเมน
  • เลือกแผน Cloudflare ที่ต้องการ
  • ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อตั้งค่า Cloudflare

วิธีการติดตั้ง Cloudflare :

• เปลี่ยน DNS ของคุณ :
  • เข้าสู่ระบบบัญชีผู้ให้บริการโฮสติ้ง
  • ค้นหาการตั้งค่า DNS
  • เปลี่ยน DNS ของคุณเป็น DNS ของ Cloudflare
  • รอประมาณ 5-10 นาทีให้ DNS ของคุณอัปเดต

• ตรวจสอบการตั้งค่า Cloudflare :
  • ไปที่แดชบอร์ด Cloudflare ของคุณ
  • คลิกปุ่ม “Overview”
  • ตรวจสอบว่าสถานะของเว็บไซต์ของคุณเป็น “Active”

สรุปคำถามพบบ่อย

• Cloudflare ฟรีหรือไม่ ?

Cloudflare มีบริการให้เลือกหลายแบบ ทั้งฟรีและไม่ฟรี  ดังนี้ :

• แผนฟรี : เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็ก ให้บริการฟีเจอร์พื้นฐาน เช่น เพิ่มความเร็วเว็บไซต์ ป้องกัน DDoS แคชเนื้อหาเว็บไซต์
• แผนเสียเงิน : เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ให้บริการฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น WAF, SSL, CDN

• Cloudflare ปลอดภัยหรือไม่ ?

Cloudflare เป็นบริการที่ปลอดภัย มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ช่วยป้องกันเว็บไซต์ของคุณจากภัยคุกคามทางไซเบอร์

•  Cloudflare ส่งผลต่อ SEO หรือไม่ ?

Cloudflare สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ของเว็บไซต์ได้ โดยการเพิ่มความเร็วเว็บไซต์ แคชเนื้อหาเว็บไซต์ ทำให้ Googlebot สามารถรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ได้เร็วขึ้น ช่วยให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดีขึ้นในผลการค้นหา

สรุป

ด้วย Cloudflare มีประโยชน์มากมาย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่บริการนี้ได้รับความนิยมในการนำมาปรับปรุงเว็บไซต์จากคนทำเว็บฯ ทั่วโลก ทั้งนี้ การเพิ่มคุณภาพเว็บไซต์ไม่ได้มีแค่วิธีนี้เท่านั้น อยากรู้ว่ามีอะไรอีกบ้าง สามารถปรึกษา Primal Digital Agency ของเราได้เลย เราคือเอเจนซีที่มีบริการรับทำ SEO ชั้นนำที่พร้อมออกแบบการปรับปรุงเว็บไซต์ SEO ให้คุณ ติดต่อเราเลยวันนี้ !

ข้อมูลอ้างอิง

1. Discover the connectivity cloud. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567. จาก https://www.cloudflare.com/.
2. บทความ “วิธีการสมัครและตั้งค่า Cloudflare เพื่อใช้งาน DNS Server กับ Free Domain. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567. จาก https://www.youtube.com/watch?v=f1EoQygkJ0E.
3. บทความ “Cloudflare 101 : คลาวด์แฟลร์ คืออะไร ทำไมคนมีเว็บไซต์ควรมี. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2567 จาก https://m.facebook.com/snickerscentroamerica/photos/que-nada-arruine-tu-d%C3%ADa-mejor-c%C3%B3mete-un-snickers-etiqueta-a-tu-amigo-sneaker-fan/7043733695697146/.