ถอดรหัสการตลาดออสการ์กับ 10 เทคนิคที่ช่วยชุบชีวิตวงการหนัง
ในปี 2025 นี้ งานประกาศผลรางวัลออสการ์ (Oscar) หรือ The Academy Awards ยกระดับความน่าตื่นตาตื่นใจไปอีกขั้น ด้วยปรากฏการณ์ที่ “Emilia Pérez” หนังมิวสิคัลอาชญากรรมที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก กวาดใจคณะกรรมการจนได้เข้าชิงในสาขาสำคัญ ขณะที่ “The Substance” ทำลายกำแพงด้วยการเป็นหนังสยองขวัญเรื่องที่ 7 ในประวัติศาสตร์ที่เข้าชิง Best Picture และ เดมี่ มัวร์ ดาราคุณภาพที่โลดแล่นในวงการมากว่า 40 ปี ได้เข้าชิงออสการ์ครั้งแรก ซึ่งโชว์ให้เห็นว่าฮอลลีวูดยังคงเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าทึ่งและไม่คาดฝัน ทำให้การประกาศผลรางวัลในครั้งนี้เป็นที่จับตามองในทุกแง่มุม
สำหรับแฟนชาวไทย ออสการ์ปีนี้ยิ่งน่าสนใจเมื่อลิซ่า Blackpink ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกจากเมืองไทย จะขึ้นเวทีร่วมกับ Doja Cat และ Raye กับโชว์พิเศษที่จะทำให้แฮชแท็กทวิตเตอร์ลุกเป็นไฟ
Oscar คืองานประกาศรางวัลอันทรงเกียรติสำหรับผู้ทำงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์
Table of Contents
สถิติการรับชมออสการ์ : พลิกวิกฤตสู่โอกาส
แม้จะเป็นเวทีประกาศรางวัลอันทรงเกียรติ แต่ออสการ์ก็มีช่วงเวลาที่เป๋ไปเหมือนกัน ดังจะเห็นได้จากข้อมูลของ BBC News ที่เผยยอดผู้ชมที่ดิ่งลงอย่างน่าใจหาย จาก 43.7 ล้านคน ในปี 2014 มาสู่จุดต่ำสุดที่ 9.23 ล้านคน ในปี 2021 (ลดลงถึง 79%) ซึ่งวิกฤตเรตติ้งนี้ทำให้หลายคนเชื่อว่างานประกาศผลรางวัลออสการ์กำลังจะหมดความสำคัญไปแล้ว
แต่ในช่วงสามปีหลัง กระแสกลับพลิกผัน ยอดผู้ชมเพิ่มขึ้น 12% เป็น 18.7 ล้านคน ในปี 2023 และพุ่งไปถึง 19.5 ล้านคน ในปี 2024 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า The Academy ไม่ยอมแพ้ต่อยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
ความจริงที่ไม่มีใครพูดถึงคือ การฟื้นคืนชีพของออสการ์ไม่ใช่ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นผลงานชั้นเอกของ “กลยุทธ์การตลาด” ที่แยบยลจนผู้ชมแทบไม่รู้ตัว บางครั้งเราอาจเห็นอย่างชัดเจนแบบคาตา แต่บ่อยครั้งกลับแฝงตัวอยู่ในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ถูกออกแบบมาให้ดูเหมือน “ความบังเอิญ” ซึ่งทุกอย่างล้วนทำมาเพื่อสิ่งเดียว คือการดึงดูดให้คนกลับมานั่งหน้าจอในคืนสำคัญอีกครั้ง เราขอรวบรวมกลยุทธ์การตลาดสำคัญ ๆ ที่เรา “พอจะรู้” มาให้คุณได้เห็นถึงความพยายามที่ Oscar ไม่ต้องการตกยุค แต่ต้องตาม “โลกที่เปลี่ยน” ให้ทันด้วย
10 บทเรียนการตลาดจากงานประกาศรางวัล Oscar
ใช้พลังของ Social Media & Hashtag Marketing
The Academy ใช้โซเชียลมีเดีย ทั้ง X, Instagram, TikTok และ YouTube เป็นอาวุธที่ทรงพลัง ทั้งการปล่อยคลิปไฮไลต์ สัมภาษณ์ และโพสต์แบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ชมรู้สึกเข้าถึงเหล่าดารา เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของงาน และอยากชมการถ่ายทอดสดมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การปล่อย “Oscar Brunch” รายการที่ขนเหล่าคนดังมาพูดคุยและรับประทาน Brunch ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าได้ร่วมโต๊ะอาหารกับเหล่าคนดัง และได้ฟังบทสนทนาที่ดูเป็นส่วนตัวและจริงใจ
นอกจากนี้ The Academy ยังใช้แฮชแท็กอย่าง #Oscars #Oscars2025 #RedCarpet สร้างการมีส่วนร่วมในช่องทาง Social Media ดึงดูดให้ผู้คนไม่อยากพลาดการชมงานถ่ายทอดสด เพราะไม่อยากตกกระแสในวันรุ่งขึ้น
ปล่อย Exclusive Content ดึงดูดแฟนหนัง
เบื้องหลังการทำงานของกรรมการ คลิปพิเศษจากนักแสดง รวมถึง Q&A ของผู้เข้าชิง ซึ่งทุกคอนเทนต์ล้วนคำนวณมาแล้วว่าจะปล่อยเมื่อไร ที่ไหน และอย่างไร เพื่อให้เกิดกระแสสูงสุด The Academy เข้าใจดีว่าในยุคที่ทุกคนหิวกระหายข้อมูล การหยิบยื่น “ความลับเล็ก ๆ” ให้แฟน ๆ จึงเป็นการสร้างความรู้สึกพิเศษที่จะทำให้พวกเขาติดตามทุกความเคลื่อนไหวอย่างไม่มีวันเบื่อ
ใช้พรีเซนเตอร์และพลังของ Celebrity Influencers
The Academy เลือกพิธีกรและพรีเซนเตอร์ที่สร้างเสียงวิจารณ์และกระแสฮือฮาในอินเทอร์เน็ตได้ทุกครั้ง เช่น Jimmy Kimmel ที่ครองตำแหน่งพิธีกรถึง 4 ครั้ง (2017, 2018, 2023, และ 2024) หรือ Conan O’Brien พิธีกรแนวตลกร้ายชื่อดังของอเมริกาที่รับหน้าที่ในปี 2025 นี้
ส่วนของ Celebrity คนดัง The Academy ก็รวมพลังซูเปอร์สตาร์จากทุกอุตสาหกรรมมาไว้บนเวทีเดียวกัน เช่น ในปี 2025 นี้ที่จะมีปรากฏการณ์ “Lisa-Raye-Doja Cat” บวกกับทัพผู้ประกาศรางวัล อย่าง Robert Downey Jr., Emma Stone, Da’Vine Joy Randolph หรือ Cillian Murphy ซึ่งเป็นผู้ชนะปีก่อนและมีฐานแฟนคลับมหาศาล
กระจายช่องทางถ่ายทอดสด (Omnichannel Strategy)
ในยุคที่ Gen Z ไม่ดูทีวี The Academy ก็ไม่รอให้ผู้ชมตามหาพวกเขาอย่างเดียว แต่กระจายตัวไปอยู่ทุกที่ที่ผู้ชมอยู่ ทั้ง YouTube, TikTok, และแพลตฟอร์มดิจิทัลทั้งหมด ทำให้ไม่ว่าจะดูออสการ์บนจอทีวีขนาดยักษ์หรือจอมือถือ ประสบการณ์ที่ได้ก็ยังคงตื่นเต้นและมีส่วนร่วมเหมือน ๆ กัน ซึ่งกลยุทธ์ Omnichannel นี้ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าออสการ์เป็นงานที่เข้าถึงได้ง่าย และอยากที่จะติดตามการถ่ายทอดสดมากยิ่งขึ้น
สร้างกระแสล่วงหน้าด้วยแคมเปญ Teaser & Countdowns
The Academy ใช้กลยุทธ์สร้างความคาดหวังผ่าน “Road to Oscars” แคมเปญนับถอยหลังที่มากกว่าแค่การบอกวันที่ แต่เป็นการเล่าเรื่องราวเบื้องหลังงานประกาศรางวัล พร้อมกับปล่อย “Oscars Trailer” วิดีโอตัวอย่างที่รวบรวมช่วงเวลาสำคัญของภาพยนตร์ที่เข้าชิง เพื่อขับเน้นความตื่นเต้นของงานที่กำลังจะมาถึง กลยุทธ์นี้สร้างความสนใจแบบค่อย ๆ ทยอยปล่อย ทำให้ผู้ชมติดตามความเคลื่อนไหวล่วงหน้าเป็นเวลานานก่อนวันงานจริง เป็นการต่อยอดความตื่นเต้นและขยายระยะเวลาการพูดถึงออสการ์ให้ยาวนานออกไป
ทำ Partner Marketing กับแบรนด์ระดับโลก
The Academy ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น ในงานออสการ์ปี 2024 Rolex ได้เป็นผู้สนับสนุนหลัก มีการแสดงนาฬิการุ่นพิเศษในโฆษณาระหว่างงาน อีกทั้งนาฬิกา Rolex ยังปรากฏอยู่บนข้อมือของผู้มอบรางวัลหลายท่าน นอกจากนี้ แบรนด์แฟชั่นชั้นนำอย่าง Gucci และ Louis Vuitton ยังได้ออกแบบชุดพิเศษสำหรับนักแสดงและผู้มอบรางวัล ซึ่งการผนึกกำลังนี้ สามารถช่วยขยายฐานผู้ชมและเพิ่มมูลค่าให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปพร้อมกัน
กระตุ้นดราม่า & กระแสไวรัล
งานออสการ์มักมาพร้อมกับดราม่าที่ลุกลามเป็นไวรัลทั่วอินเทอร์เน็ต เช่น เหตุการณ์ที่ Will Smith “ตบหน้า” Chris Rock ในปี 2022 ซึ่งแม้เราจะไม่รู้ว่านี่เป็น “เรื่องจริง” หรือ “สคริปต์” แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือโมเมนต์ไวรัลที่ถูกพูดถึงทั่วโลก ทำให้ออสการ์ได้รับความสนใจมหาศาล
ดราม่ายังเกิดขึ้นต่อเนื่องในกระบวนการคัดเลือกภาพยนตร์เข้าชิง ดังจะเห็นได้ชัดในปี 2025 นี้ เช่น การที่ภาพยนตร์เรื่อง “Emilia Pérez” ซึ่งกระแสวิจารณ์ไม่ได้ดีนัก แต่กลับได้เข้าชิงหลายสาขา ขณะที่ “Challengers” ผู้ชนะจาก Golden Globe และ Critics’ Choice กลับไม่ได้เข้าชิงแม้แต่สาขาเดียว
ล่าสุด ก่อนถึงวันประกาศรางวัลในปีนี้ (3 มีนาคม 2568) ข้อมูลจาก Entertainment Weekly เปิดเผยความบกพร่องในกระบวนการโหวต เมื่อกรรมการ 4 คนไม่ได้ชม “Dune 2” ก่อนลงคะแนน และกรรมการ 2 คนไม่โหวตให้ เรล์ฟ ไฟนส์ เพราะเข้าใจผิดว่าเคยได้ออสการ์แล้วจาก Schindler’s List ทั้งที่เขาไม่เคยได้ แต่กลับโหวตให้ เอเดรียน โบรดี้ ที่เคยชนะจาก The Pianist เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลายว่ากรรมการควรดูภาพยนตร์ทุกเรื่องก่อนโหวตและตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง ซึ่งทั้งหมด แม้จะเป็นกระแสในเชิงลบ แต่ก็ทำให้ออสการ์อยู่ในความสนใจและเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์
ใช้ความหลากหลายและการยอมรับในการสื่อสาร (Diversity & Inclusion)
The Academy ปรับตัวครั้งใหญ่หลังเผชิญวิกฤตการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามอบสิทธิพิเศษให้เพียงคนผิวขาว คนอเมริกัน และผู้ชาย มาเป็นเวลานาน การเปลี่ยนแปลงเห็นได้ชัดเจนจากการประกาศกฎเกณฑ์ใหม่สำหรับการเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ที่กำหนดมาตรฐานความหลากหลายและการยอมรับที่ภาพยนตร์ต้องปฏิบัติตาม
แม้หลายคนจะมองว่ามีช่องโหว่มากมาย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปี 2024 ที่ผ่านมา มีการเสนอชื่อเข้าชิงที่หลากหลายมากขึ้น เช่น Lily Gladstone นักแสดงชาวอเมริกันพื้นเมืองคนแรกที่ได้เข้าชิงสาขานักแสดงนำหญิงจาก “Killers of the Flower Moon” หรือ Colman Domingo ที่เข้าชิงในสาขานักแสดงนำชายจากบท Bayard Rustin นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมือง
สร้างแบรนด์ผ่านพรมแดงและแฟชั่น (Red Carpet Branding)
พรมแดงออสการ์คือเวทีแฟชั่นระดับโลก ที่ดีไซเนอร์และแบรนด์หรูทุ่มทุนสร้างชุดพิเศษเพื่อให้เหล่าดาราสวมใส่ในค่ำคืนสำคัญนี้ อีกทั้งภาพถ่ายบนพรมแดงจะถูกแชร์นับล้านครั้ง สร้างกระแสในสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่องหลายสัปดาห์ ทำให้ชุดที่สวมในงานออสการ์กลายเป็นไอคอนแฟชั่นที่ถูกถกเถียงและเลียนแบบ เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ทำให้ทั้งดารา ดีไซเนอร์ และงานออสการ์เองได้รับความสนใจจากสื่อทั่วโลก
ถุงของขวัญหกหลัก กลยุทธ์ Luxury Gift Marketing
“Everyone Wins” gift bag ถุงของขวัญมูลค่ากว่า $216,000 ที่แจกให้ผู้เข้าชิงทุกคน ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ เป็นมาสเตอร์พีซการตลาดแบบ Win-Win-Win ที่ให้ประโยชน์กับ 3 ฝ่าย กล่าวคือ แบรนด์หรูได้โปรโมตสินค้าให้เหล่าเซเลบริตีระดับโลก ดาราได้ลองสินค้าและบริการสุดพิเศษฟรี และงานออสการ์ได้สร้างกระแสข่าวเพิ่มเติมจากรายละเอียดสินค้าสุดหรูในถุงของขวัญ ที่มีตั้งแต่ทริปท่องเที่ยวสุดหรู ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวราคาแพง ไปจนถึงเทคโนโลยีและบริการแปลกใหม่ที่ยังไม่วางจำหน่ายทั่วไป
ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ถุงของขวัญนี้สร้างข่าวมากกว่ารางวัลบางสาขาเสียอีก และทำให้ออสการ์เป็นมากกว่าแค่งานประกาศผลรางวัล แต่ยังเป็นพื้นที่โปรโมตสินค้าระดับพรีเมียมที่ทุกแบรนด์อยากเป็นส่วนหนึ่ง
And the Oscar Goes To..
จากบทเรียนการตลาดทั้ง 10 ข้อของ Oscar จะเห็นได้ชัดว่า ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากโชคชะตา แต่เป็นผลลัพธ์จากการวางแผนอย่างเป็นระบบ การใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย และการปรับตัวกับกระแสอย่างไม่หยุดนิ่ง เช่นเดียวกับที่ออสการ์ดึงดูดผู้ชมสดได้ถึง 19.5 ล้านคนในปี 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งธุรกิจของคุณก็สามารถสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเช่นนี้ได้หากมีทีมการตลาดที่เข้าใจกลไกการสร้างกระแสอย่างแท้จริง
Primal เอเจนซีการตลาดชั้นนำของไทย พร้อมทำให้แบรนด์ของคุณเปล่งประกายบนเวทีธุรกิจเหมือนดาวรุ่งในวงการภาพยนตร์ ด้วยทีมงานมืออาชีพกว่า 150 คน ที่จะจัดระบบการตลาดให้คมชัดและทรงพลังกว่าที่เคย
หากพร้อมที่จะเปลี่ยนผลลัพธ์ทางธุรกิจให้น่าจดจำเหมือนงานออสการ์ กรอกฟอร์มติดต่อ Primal ได้ทันที แล้วมารับรางวัลแห่งความสำเร็จไปด้วยกัน
ข้อมูลอ้างอิง
- 10 หนังสุดปัง! และสรุปรายชื่อเข้าชิง รางวัลออสการ์ 2025 อย่าพลาดเก็บให้ครบ เพราะนี่คือที่สุดของปี. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568. จาก https://www.lifestyleasia.com/bk-th/entertainment/movies/10-best-movies-and-a-summary-of-the-2025-oscar-nominees/.
- สรุปไฮไลต์เด่น “Oscars 2025” สถิติน่ารู้จากปรากฏการณ์หนังเข้าชิงรางวัลปีนี้. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568. จาก https://entertainment.trueid.net/detail/5AVoWD7lO2n6.
- Oscars 2023 มีผู้ชมกว่า 18.7 ล้านครัวเรือนในอเมริกา เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568. จาก https://thestandard.co/oscars-2023-viewed-by-18-million-households-in-us/?utm_source=chatgpt.com.
- Everything to know about the 2025 Oscars — including presenters, performers, pre-shows, and more. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568. จาก https://ew.com/everything-to-know-about-the-2025-oscars-11687367.
- Oscars 2025 presenter lineup grows—see the celebrities taking the stage. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568. จาก https://www.hola.com/us/celebrities/20250226816804/oscars-2025-presenter-lineup-celebrities/.
- ROLEX HOSTS THE 96th OSCARS® GREENROOM. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568. จาก https://newsroom.rolex.com/world-of-rolex/perpetuating-arts-and-culture/rolex-and-cinema/rolex-and-cinema-2024/news-3/greenroom-2024.
- The Oscars Now Have D.E.I. Rules, but Some Say It’s Just a Performance. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568. จาก https://www.nytimes.com/2024/03/08/us/oscars-oppenheimer-dei-diversity.html.
- Oscars ratings record 18.7 million viewers, 12% higher than 2022. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568. จาก https://www.bbc.com/news/entertainment-arts-64947773.amp.
Join the discussion - 0 Comment