รวมทุกเรื่องที่ควรรู้ของ Conversion เครื่องมือสำคัญของนักการตลาด!

สำหรับในการทำการตลาดออนไลน์ มีเทคโนโลยีและเครื่องมือมากมายที่สามารถช่วยสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับธุรกิจของคุณ ซึ่งนอกจากเครื่องมือต่าง ๆ เหล่านั้นจะช่วยสร้างสรรค์ จัดการ หรือออกแบบรูปแบบการตลาดให้มีประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์ที่แบรนด์ต้องการแล้ว ยังสามารถช่วยแสดงผลลัพธ์ที่เป็นตัวชี้วัดให้กับผู้ประกอบการ ทำให้รู้ว่าแคมเปญการตลาดที่ทำลงไปนั้นเวิร์คหรือไม่ ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือชิ้นสำคัญที่นักการตลาดต่างก็ใช้กันก็คือ เครื่องมือชิ้นสำคัญอย่างคอนเวอร์ชัน (Conversion)

แต่ Conversion ที่ว่านี้คืออะไร? วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเครื่องมือประเภทนี้กันให้มากขึ้น พร้อมไปรู้กันว่าทำไมถึงเป็นตัวช่วยวัดผลลัพธ์ทางการตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มาหาคำตอบพร้อมกันที่บทความนี้!

Conversion

ทำความรู้จัก Conversion เครื่องมือสำคัญที่นักการตลาดต้องรู้!

หากแปลแบบตรงตัว Conversion จะหมายถึง “สภาวะที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งเปลี่ยนแปลงไป” ซึ่งหากนำคำนี้มาใช้ในการทำ Digital Marketing แล้ว Conversion จะมีความหมายที่แคบขึ้นมาเล็กน้อย หมายถึง การกระทำบางอย่างของผู้ใช้ที่เข้ามาสร้างผลประโยชน์ (Profitable) ให้กับเจ้าของเว็บไซต์ในแง่ใดแง่หนึ่ง ซึ่งการกระทำเหล่านั้น นักการตลาดสามารถกำหนดให้อยู่ในรูปแบบใดก็ได้ ตามวัตถุประสงค์ที่แบรนด์ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีเว็บไซต์ที่ให้บริการนวดผ่อนคลาย แน่นอนว่ายอดขายที่คุณทำได้ก็จะคิดมาจากจำนวนของลูกค้าที่กดเข้ามาจองคิว ซึ่งในกรณีนี้อาจกล่าวได้ว่า Conversion สำหรับการทำธุรกิจนี้ คือยอดการจองคิวการเข้ามาใช้บริการของลูกค้า เป็นต้น

 

Conversion สามารถเป็นอะไรได้บ้าง?

อย่างที่ได้กล่าวไปว่า Conversion สามารถกำหนดได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของนักการตลาดรวมถึงประเภทของการขายสินค้าและบริการ ในที่นี้เราจะขอยกตัวอย่าง Conversion ที่มักเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของเหล่านักการตลาด ดังนี้

  • ยอดลูกค้าใหม่ (Leads)
  • การลงทะเบียนสมัครสมาชิก
  • การลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสาร
  • การกรอกแบบสำรวจต่าง ๆ
  • การดาวน์โหลด
  • การโทรหรือคลิกเข้าไปในช่องทางอื่น ๆ เพื่อติดต่อหรือสอบถามข้อมูลสินค้าและบริการ
  • ยอดการมีส่วนร่วม เช่น ระยะเวลาของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ในแต่ละหน้า
  • ยอดขายที่มาจากการสั่งซื้อที่เสร็จสมบูรณ์

ดังนั้นรูปแบบของสิ่งที่จะถูกมองว่าเป็น Conversion นั้นไม่ตายตัวและคุณสามารถเลือกกำหนดได้เองตามแต่ความต้องการ แต่โดยหลัก ๆ แล้ว Conversion จะถูกแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้

  •         Macro-Conversion: เป้าหมายหลักของการทำธุรกิจโดยจะหมายถึง ยอดขายหรือการกดจองเข้าใช้บริการ เป็นต้น
  •         Micro-Conversion: กระบวนการอื่น ๆ ที่นำไปสู่ Macro-Conversion ตัวอย่างเช่น การกดสินค้าเข้ารถเข็นแต่ยังไม่ได้กดชำระเงิน

 

รู้จัก Conversion แล้วก็ต้องรู้จัก Conversion Rate

เมื่อกำหนดสิ่งที่จะเป็น Conversion สำหรับธุรกิจของคุณรวมถึงได้รับข้อมูลที่ต้องการมาอย่างครบถ้วนแล้ว ส่วนต่อไปก็จะเป็นขั้นตอนการคำนวณหาผลลัพธ์ เพื่อที่จะสามารถนำไปวิเคราะห์ได้ว่าแผนการตลาดควรเป็นอย่างไร หรือแม้แต่นำไปใช้เพื่อการออกแบบและจัดวางหน้าเว็บไซต์ของคุณว่าควรออกมาในรูปแบบไหน ที่จะส่งผลดีต่อการใช้งานและช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จมากที่สุด ซึ่งสิ่งนี้นี่เองที่จะถูกเรียกว่า Conversion Rate

Conversion Rate คือ อัตราการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลไปสู่ผลลัพธ์ทางธุรกิจ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น ผลลัพธ์จากการขาย เมื่อเปรียบเทียบกับการมีส่วนร่วมของลูกค้าที่เกิดขึ้นบนเว็บฯ ของคุณ โดยสามารถคำนวณได้จากสูตร

(ยอดรวมของ Conversion / จำนวนการเข้าชมหรือเข้าร่วมในส่วนนั้น ๆ) x 100 = Conversion Rate 

ตัวอย่างเช่น หากคุณมีธุรกิจขายสกินแคร์โดยมีแผนการตลาดที่จะจ้าง Influencer และนำภาพมาใส่ไว้ที่หน้าเว็บไซต์ ซึ่งหากคุณอยากจะรู้ว่ายอดขายสกินแคร์ของคุณนั้นเติบโตมากน้อยแค่ไหน คุณก็สามารถใช้สูตรคำนวณได้ตามนี้

(ยอดรวมของยอดซื้อ = 5,000 ชิ้น / จำนวนที่มีคนกดคลิกเข้าไปดูสินค้าของคุณผ่านรูป Influencer = 100,000 ครั้ง) x 100 = Conversion Rate ของคุณอยู่ที่ 5%

 

ทำไม Conversion ถึงสำคัญกับธุรกิจออนไลน์?

ปัจจุบันหลาย ๆ แบรนด์ เริ่มหันมาใส่ใจการทำการตลาดแบบเน้นผลลัพธ์หรือการตลาดที่วัดผลได้ด้วย Conversion Rate กันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากพวกเขาเห็นความสำคัญที่ Conversion มีต่อธุรกิจออนไลน์ ดังนี้

·  ใช้วัดผลกำไรได้

แน่นอนว่ากำไรคือเป้าหมายทางธุรกิจที่สำคัญอย่างหนึ่ง ดังนั้น หากเจ้าของธุรกิจต้องการเติบโต และอยากรู้ว่าแผนการตลาดและงบประมาณที่ลงทุนไปจะคุ้มค่าหรือไม่ การใช้ Conversion วัดผลลัพธ์ก็จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น

ซึ่งธุรกิจส่วนใหญ่จะวัดผลลัพธ์จากการสั่งซื้อ (Purchase) อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ การวัด Conversion จึงสำคัญมาก เพราะจะเป็นตัวเลขที่บอกถึงจำนวนของผู้ใช้ที่สนใจสินค้า และสุดท้ายแล้ว จะได้ข้อมูลว่าพวกเขาเหล่านั้นตัดสินใจซื้อสินค้าหรือไม่ แบรนด์ขายสินค้าได้เป็นจำนวนเท่าไร คิดเป็นกำไรกี่เปอร์เซ็นต์ เพื่อที่สุดท้ายแล้วเมื่อหักลบกับต้นทุน ก็จะเห็นถึงผลกำไรที่เกิดขึ้น

·  รู้พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากการสั่งซื้อจะเป็น Conversion หลักของหลายธุรกิจแล้ว แบรนด์ส่วนมากยังใช้เครื่องมือ Conversion Tracking เพื่อติดตามพฤติกรรมของลูกค้าที่เข้ามาแวะเวียนในเว็บไซต์ เพื่อให้สามาถรปรับปรุงเส้นทางการซื้อขาย (Customer Journey) ของลูกค้าให้ดีมากยิ่งขึ้น

โดยนักการตลาดสามารถติดตั้งเครื่องมือ Tracking ไว้ตามปุ่มต่าง ๆ ที่ต้องการวัดผล Conversion ในหน้าเว็บไซต์ โดยอาจติดตั้งไปที่ปุ่ม View Product, ปุ่มกรอกฟอร์ม, ปุ่มกดสินค้าลงตะกร้า, ปุ่มซื้อสินค้า ฯลฯ เพื่อวัดผลว่าลูกค้ามีเส้นทางการซื้ออย่างไร และมีส่วนไหนที่ผู้ประกอบการสามารถปรับปรุงเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการซื้อให้กับลูกค้าได้ดีขึ้น เช่น หลังจากติดตั้ง Conversion Tracking จะสามารถช่วยวัดผลได้ว่ายอด Conversion จากการนำสินค้าลงตะกร้ามีจำนวนมาก แต่ยอด Conversion ของปุ่มซื้อสินค้ากลับน้อยอย่างมีนัยสำคัญ ผลลัพธ์ตรงนี้ก็จะช่วยให้นักการตลาดวิเคราะห์ได้ถึงปัญหาและสามารถนำไปแก้ไขให้ลูกค้ากดสั่งซื้อได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

·  ทำโฆษณา Remarketing จากข้อมูลลูกค้าได้

สำหรับการติดตั้ง Conversion Tracking ยังจะทำให้นักการตลาดได้รู้ถึงข้อมูลพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาในเว็บไซต์ ซึ่งนักการตลาดสามารถนำข้อมูลตรงนี้มาใช้ทำ Remarketing เพื่อยิงโฆษณาไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นอีกครั้งผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Google Ads, Facebook Ads, LINE Ads, Twitter Ads และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น เรากำหนด Conversion เป็นจำนวนผู้กรอกฟอร์ม ซึ่งนอกจากเราจะได้ Data ว่ามีจำนวนคนที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าเป็นจำนวนเท่าใดแล้ว ในกรณีลูกค้าที่เข้ามาดูสินค้าแต่ยังไม่ซื้อ เรายังสามารถนำข้อมูลส่วนตัวที่พวกเขากรอกเอาไว้ในฟอร์ม ไปใช้ยิงโฆษณาสินค้าซ้ำในเว็บไซต์อื่น ๆ ที่พวกเขาเข้าใช้งาน เพื่อกระตุ้นให้อยากซื้อสินค้ามากขึ้นได้ด้วย  

เพิ่ม Conversion ในเว็บไซต์ด้วยวิธีไหนได้บ้าง?

เมื่อรู้แล้วว่า Conversion สำคัญต่อการทำธุรกิจออนไลน์! แล้วนักการตลาดจะเพิ่มยอด Conversion ในเว็บไซต์ได้อย่างไร เรารวบรวมเทคนิคสำคัญมาไว้ข้างล่างนี้แล้ว!

•         ใส่ปุ่ม Call To Action

บนหน้าเว็บไซต์แต่ละหน้า ควรมีคำกระตุ้นการตัดสินใจหรือที่เรียกกันว่า Call To Action (CTA) เพราะนอกจากจะเป็นการกระตุ้นให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจซื้อหรือกระทำการใด ๆ ตามวัตถุประสงค์ที่เราวางไว้ได้มากขึ้นแล้ว ปุ่ม Call To Action ที่เหมาะสมและไม่เยอะจนเกินไป ยังจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้จนพวกเขามีประสบการณ์การใช้งานเว็บฯ ที่ดีขึ้นอีกด้วย

·  ทำหน้าเว็บฯ ให้เข้าถึงได้ทั้งในมือถือและคอมพิวเตอร์

ปัจจุบันผู้คนไม่ได้ค้นหาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว เพราะโทรศัพท์มือถือได้กลายเป็นเครื่องมือที่ลูกค้าใช้ค้นหาข้อมูลสินค้ามากขึ้น ดังนั้น เว็บไซต์ของแบรนด์จึงควรออกแบบให้รองรับการแสดงผลของอุปกรณ์ที่หลากหลาย ทั้งบนมือถือและ Desktop เพียงเท่านี้ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสการเกิดยอด Conversion ได้ดีมากยิ่งขึ้น

·  ปรับปรุงความเร็วในการดาวน์โหลดหน้าเว็บฯ

หากหน้าเว็บฯ ดาวน์โหลดช้า 1 วินาที จะส่งผลให้ Conversion ลดลง 7% ด้วยเหตุนี้นักการตลาดจึงควรปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดาวน์โหลดได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการไม่ใส่รูปที่มีขนาดใหญ่จนเกินไป ไม่ใส่วิดีโอที่มีขนาดไฟล์ใหญ่มากนัก หรือแม้แต่ไม่ติดตั้งปลั๊กอินหรือเครื่องมือต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็น เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เว็บไซต์ตอบสนองได้รวดเร็ว ผู้ใช้มีประสบการณ์ท่องเว็บฯ ที่ดี จนทำให้ยอด Conversion เพิ่มขึ้นได้

·  ปรับปรุง SEO บนเว็บไซต์

วิธีเพิ่ม Conversion อีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการปรับปรุงคุณภาพ SEO (Search Engine Optimisation) ในเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างเว็บฯ ให้เหมาะสมและเป็นไปในแนวทาง SEO ที่เป็นมิตรกับระบบ Search Engine ที่สุด พร้อมกันนั้น ยังควรปรับปรุงทั้งในส่วนของ On-Page และ Off-Page เพราะเมื่อเว็บฯ มีคุณภาพมากพอจนสามารถติดอันดับในหน้าค้นหาแล้ว ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายคลิกเข้ามาเยี่ยมชม จนสามารถเพิ่ม Conversion ตามที่เรากำหนดไว้ได้

วิธีเพิ่ม Conversion

สรุป

จะเห็นได้เลยว่า Conversion เป็นเครื่องมือทางการตลาดชิ้นสำคัญที่สามารถสร้างผลลัพธ์ความสำเร็จให้ธุรกิจได้จริง แต่ตัววัดผลลัพธ์ดี ๆ ที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตไม่ได้มีเพียงแค่นี้เท่านั้น หากผู้ประกอบการคนไหนอยากรู้ว่าจะมีเครื่องมือชิ้นใดอีกบ้าง ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้ ก็สามารถปรึกษา Primal Digital Agency ของเราได้เลย เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดกว่า 150 คน ที่พร้อมออกแบบแผนการตลาดเฉพาะธุรกิจของคุณ ถ้าพร้อมแล้วก็ปรึกษาเราได้เลยตอนนี้!