AI Search Engine กับ Google Search Engine แบบไหนดีในปี 2026

แชร์บทความนี้

Key Takeaways

ในปี 2026 โลกของการค้นหาข้อมูลกำลังเปลี่ยนจากยุค Traditional Search ไปสู่ยุคของ AI Search Engine ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการช่วยวิเคราะห์ สรุป และตอบคำถามแบบเข้าใจบริบท แทนที่การแสดงลิงก์เหมือนที่ Google Search แสดงผลลัพธ์ และแม้ว่า Google จะยังครองตลาดทั้งในด้านความรวดเร็ว และความแม่นยำของข้อมูลในการแสดงผล ขณะเดียวกัน AI Search ก็เริ่มมีความโดดเด่นด้านการให้คำตอบเชิงลึกและเหตุผลเชิงตรรกะ โดยผู้เชี่ยวชาญคาดกันว่าภายในปี 2030 ระบบ AI Search จะครองตลาดมากถึง 30-50% ดังนั้น คำตอบของคำถามที่ว่า “AI Search VS Google ใครดีกว่านั้น คงตอบได้ว่า ทั้งสองระบบมีบทบาทที่ช่วยเสริมกันและกัน และธุรกิจควรผสานกลยุทธ์ทั้งสองแบบ พร้อมปรับคอนเทนต์ให้รองรับการค้นหาแบบใหม่ เพื่อให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นในการทำ SEO ใน ยุค AI-First อย่างในปัจจุบัน


ในช่วงปลายปี 2024 ถึง 2025 เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามองในด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนการทำงานต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการค้นหาข้อมูลแบบดั้งเดิมหรือ Traditional Search ที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของ AI Search Engine ที่ไม่ได้เน้นแค่การแสดงลิงก์ให้คลิกเข้าไป แต่เริ่มให้คำตอบแบบตรงจุด พร้อมมีการสรุปที่อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่นักการตลาดและเจ้าของแบรนด์ต้องปรับตัวให้ทัน เพราะการเลือกใช้ระหว่าง Google Search Engine กับระบบ AI Search Engine มีผลต่อการทำ SEO อีกทั้งยังจะกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญสำหรับการตลาดออนไลน์ในปี 2026

ความแตกต่างระหว่าง AI Search VS Google Search

Google Search Engine คืออะไร ?

แม้จะมีคู่แข่งใหม่ในตลาด แต่ Google Search Engine ยังคงครองตำแหน่ง Search Engine อันดับ 1 ของโลก ด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 90% เพราะมีความครอบคลุมของข้อมูลสูง และมีระบบ SEO ที่ผู้ใช้คุ้นเคยมายาวนาน

อีกทั้ง Google ยังได้นำ AI เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่ ทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูล จากสิ่งที่ผู้ใช้ Search หาข้อมูล และตอบคำถามได้รอบด้าน ด้วยฟีเจอร์เหล่านี้

  • Google AI Overview (GAIO) เป็นฟีเจอร์ Generative AI ที่สรุปคำตอบจากเว็บไซต์จริงแบบเรียลไทม์ และแสดงผลเป็นคำตอบสำเร็จรูปด้านบนสุดของหน้าผลลัพธ์ (SERP)
  • Gemini 2.5 Pro การใช้โมเดล AI ที่ทรงพลังที่สุดในการปรับปรุงคุณภาพการค้นหาให้สามารถเข้าใจเจตนาของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับจุดแข็งของ Google ที่ยังคงรักษาความเหนือชั้นในฐานะ Search Engine ที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ

  • ให้ข้อมูลที่สดใหม่ (Real-time Data) การเข้าถึงและแสดงผลข้อมูลใหม่ล่าสุด เช่น ข่าวสาร, สภาพอากาศ, ราคา ณ วินาทีนั้น
  • การค้นหาเฉพาะที่ (Local Search ) ความแม่นยำในการค้นหาร้านค้าหรือธุรกิจใกล้เคียงผ่าน Google Maps
  • ความเร็วในการตอบกลับ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่มหาศาล ทำให้การแสดงผลลัพธ์รวดเร็วทันใจ

AI Search Engine คืออะไร ?

AI Search Engine คือเครื่องมือค้นหาที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) มาประมวลผลคำถามของผู้ใช้ จุดแข็งคือความสามารถในการเข้าใจภาษาและบริบท (Contextual Search) ได้อย่างลึกซึ้งกว่าการค้นหาแบบเดิม

การทำงานของ AI Search Engine เน้นที่การสร้างคำตอบ (Generation) ดังนี้

  • สรุปและสังเคราะห์ ระบบจะรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์หลายแหล่ง พร้อมสรุป และเชื่อมโยงข้อมูลให้กลายเป็นคำตอบที่เป็นเหตุผลเชิงตรรกะ
  • อ้างอิงข้อมูล (Citation) ระบบที่ดีจะแสดงแหล่งที่มาของข้อมูลที่ใช้ในการสรุปอย่างชัดเจน

ความแตกต่างระหว่าง AI Search VS Google Search ใครดีกว่ากัน ?

เพื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่าง AI Search VS Google Search เราได้นำมาเปรียบเทียบในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้การตัดสินใจเลือกใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

หัวข้อเปรียบเทียบ AI Search Engine Google Search Engine
แนวคิดหลัก เน้นตอบคำถามโดยตรงด้วย AI แสดงรายการลิงก์ ให้ผู้ใช้เลือกคลิก
ความเร็ว อาจใช้เวลาประมวลผล เพื่อสังเคราะห์คำตอบ แสดงผลได้แทบจะทันที
การเข้าใจบริบท เข้าใจภาษาที่เป็นธรรมชาติและความตั้งใจของผู้ค้นหา เข้าใจคำค้นหาหลัก ๆ แต่ยังต้องอิงอัลกอริทึม
ข้อมูล Real-time บางระบบอัปเดตช้ากว่า ได้เปรียบในด้านข้อมูลสดและข่าวสารที่อัปเดต
การอ้างอิงแหล่งข้อมูล มี Citation บางระบบ เช่น Perplexity AI แสดงลิงก์แหล่งข้อมูลโดยตรง
โฆษณา (Ads) น้อยหรือไม่มีเลย มี Ads ค่อนข้างมาก
รูปแบบผลลัพธ์ แสดงคำตอบสรุปแบบ Chat หรือ Snippet แสดงผลเป็นลิสต์เว็บไซต์และรูปภาพ
ความน่าเชื่อถือ ขึ้นอยู่กับ AI Model และ Training Data มีมาตรฐานตรวจสอบจากหลายเว็บไซต์
ข้อดี-ข้อจำกัด ข้อดี เข้าใจเจตนาของผู้ใช้ได้ดี วิเคราะห์เชิงลึก ไม่ต้องเปิดหลายแท็บ
ข้อจำกัด บางข้อมูลยังไม่อัปเดต หรือมีความเร็วในการดึงข้อมูลต่ำกว่า Search ทั่วไป
ข้อดี ครอบคลุมทุกหมวดข้อมูล รวดเร็ว เหมาะกับการค้นหาทั่วไปหรือ Local SEO
ข้อจำกัด มี Ads มาก และผู้ใช้ต้องเปิดหลายเว็บเพื่อสังเคราะห์คำตอบเอง
เหมาะกับใคร นักวิเคราะห์ นักวิจัย ผู้ต้องการคำตอบลึก ผู้ใช้ทั่วไป หรือธุรกิจที่เน้นค้นหาท้องถิ่น

AI Search Engine ที่น่าสนใจปี 2026

ตัวอย่าง AI Search Engine ที่น่าสนใจปี 2026

AI Search Engine ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันมีที่ได้รับความนิยม ดังนี้

  • ChatGPT Search (OpenAI) มาพร้อมโมเดล GPT-4o ที่ให้คำตอบเชิงเหตุผล และรองรับ Operators สำหรับการค้นเชิงเทคนิค
  • Perplexity AI จุดเด่นคือมี Citation แหล่งข้อมูล และสามารถสรุปได้แบบ Real-time เหมาะกับงานวิจัยและวิเคราะห์ตลาด
  • Claude AI (Anthropic) เน้นความถูกต้องตามหลักจริยธรรม Constitutional AI
  • Gemini AI Search ผสานระบบ AI Overview ของ Google เข้ากับผลลัพธ์จากเว็บไซต์จริงในเวลาเดียวกัน

แนวโน้มอนาคต (2026–2030)

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า AI Search จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด และอาจครองส่วนแบ่งตลาดถึง 30-50% ภายในปี 2030 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า การทำ SEO แบบดั้งเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป โดยมีสิ่งที่คาดการณ์กันว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตก็คือ

  • การต่อสู้ของ Google โดย Google จะพัฒนา Gemini SGE/GAIO อย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อสู้ในตลาด “AI-first Search”
  • Hybrid Search ในอนาคตอาจไม่ใช่การแข่งขันระหว่าง AI Search และ Google Search แต่เป็นการอยู่ร่วมกันแบบ Hybrid ซึ่งผู้ใช้จะเลือกเครื่องมือให้เหมาะกับบริบทของการค้นหา ทำให้การทำ SEO ต้องปรับตัวเป็น AI SEO (AEO) ไปด้วย

สำหรับคำถามที่หลายคนสงสัยว่า AI Search VS Google Search ใครดีกว่า อาจสรุปได้ว่า “ยังไม่มีใครเหนือกว่าใครโดยสมบูรณ์” เพราะทั้งสองระบบมีจุดแข็งที่ต่างกัน กล่าวคือ AI Search Engine เหมาะกับการค้นหาคำตอบเชิงวิเคราะห์ หรือข้อมูลเชิงลึก ในขณะที่ Google Search Engine ยังคงตอบโจทย์ความรวดเร็วของการค้นหา รวมถึงความครบถ้วน และการค้นหาในพื้นที่เฉพาะ

ธุรกิจที่ต้องการยกระดับการมองเห็นในยุค AI ควรผสานทั้งสองแนวทางเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะการทำ SEO ให้รองรับระบบค้นหาแบบใหม่ หากคุณกำลังมองหาทีมผู้เชี่ยวชาญด้านรับทำ AI SEO สำหรับ AI Search เพื่อให้แบรนด์ของคุณติดอันดับใน Search ยุค AI ติดต่อทีม Primal วันนี้ เพื่อรับแผนกลยุทธ์ฟรี และเริ่มต้นเส้นทางสู่ความสำเร็จในยุค AI ได้ทันที

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

การทำ SEO สำหรับ AI Search Engine แตกต่างจาก SEO แบบเดิมอย่างไร ?

การทำ SEO สำหรับ AI Search หรือที่เรียกว่า AEO (Answer Engine Optimization) เน้นการสร้างคอนเทนต์ที่ตอบคำถามของผู้ใช้โดยตรง และมีโครงสร้างข้อมูล (Schema Markup) ที่ช่วยให้ AI เข้าใจบริบทได้ดีขึ้น ต่างจาก SEO แบบเดิมที่เน้นการใช้คีย์เวิร์ดและลิงก์เป็นหลัก

ถ้าเว็บไซต์ติดอันดับใน Google แล้ว จำเป็นต้องทำ AI SEO เพิ่มหรือไม่ ?

จำเป็น เพราะระบบค้นหา AI Search อย่าง ChatGPT Search หรือ Perplexity AI ใช้โมเดลการวิเคราะห์ภาษาที่ต่างจากอัลกอริทึมของ Google หากเว็บไซต์ไม่ปรับให้รองรับการเข้าใจของโมเดลเหล่านี้ ก็อาจไม่ถูกดึงไปแสดงผลในคำตอบของ AI Search ได้

AI Search Engine จะมาแทนที่ Google Search โดยสมบูรณ์หรือไม่ ?

ไม่ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอนาคตจะเป็นแบบ “Hybrid Search” ซึ่ง AI Search และ Google Search จะทำงานร่วมกัน ผู้ใช้จะเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะกับบริบท เช่น ใช้ Google สำหรับข้อมูลสด และใช้ AI Search สำหรับการวิเคราะห์เชิงลึกหรือสรุปข้อมูลเชิงเหตุผล

ธุรกิจควรเตรียมตัวอย่างไรเพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับในยุค AI Search ?

ธุรกิจควรปรับคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้มากขึ้น (User Intent-Based Content) ใช้ภาษาธรรมชาติ เพิ่ม Schema Markup เพื่อช่วยให้ AI เข้าใจโครงสร้างเนื้อหา รวมถึงทำ Internal Linking ที่ชัดเจน ซึ่งบริการรับทำ AI SEO จากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยวางโครงสร้างทั้งหมดให้พร้อมรองรับการจัดอันดับในระบบ AI Search

แชร์บทความนี้