Evergreen Content คำตอบสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดของบริษัทรับทำ SEO

ส่วนประกอบสำคัญอย่างยิ่งอันหนึ่งที่จะทำให้ SEO ของเราประสบความสำเร็จได้ คือ “คอนเทนต์” หรือเนื้อหาต่าง ๆ ที่เราจะต้องพยายามยัดคีย์เวิร์ดลงไป ทว่าปัจจุบัน การทำคอนเทนต์ธรรมดา ๆ ที่เน้นวัตถุประสงค์แค่เพื่อการทำ SEO แต่ไม่คำนึงถึงคุณภาพเนื้อหานั้นกลายเป็นสิ่งที่ธุรกิจทั้งหลายควรหลีกเลี่ยง เพราะนอกจากจะไม่ช่วยเรื่อง SEO แล้ว ยังทำให้เราเสียเวลาเปล่าในการเขียนมันขึ้นมาอีกด้วย นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เหล่า SEO เอเจนซีต้องปรับตัว จนเกิดเป็นศัพท์ใหม่ที่ตอนนี้ยังคงเป็นกระแสที่ผู้ให้บริการทำ SEO ต่างต้องจับตามอง

Evergreen Content คำที่คนในวงการดิจิตอลน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้าง เพราะถือเป็นรูปแบบของคอนเทนต์ที่ได้รับการยอมรับถึงประสิทธิภาพในการช่วยให้ SEO ดีขึ้น คำจำกัดความง่ายๆ ของ Evergreen Content นั่นก็คือ “คอนเทนต์คุณภาพตลอดกาล” หากมาจนถึงจุดนี้แล้วยังไม่เห็นภาพ ไปดูกันว่าคอนเทนต์แบบ Evergreen นั้นจะต้องมีลักษณะพื้นฐานอย่างใดบ้าง แล้วถ้าหากคุณกำลังทำงานในบริษัทรับทำ SEO หรือเอเจนซี่ต่างๆ อยู่ละก็ห้ามพลาดเลยเชียว

Image

ขอบคุณภาพจาก: thematter.co

เน้นเนื้อ ไม่เน้นน้ำ

การใช้ภาษาฟุ่มเฟือยเพื่อให้บทความของคุณยาวแล้วสามารถใส่คีย์เวิร์ดที่ต้องการลงไปได้เยอะๆ ดูจะเป็นสิ่งต้องห้ามแล้วก็ว่าได้ อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นด้วยเหตุผลเดียวกันเลยนั่นคือ คนจะไม่สนใจ และคอนเทนต์นั้นของคุณจะกลายเป็นขยะออนไลน์ที่ไม่แม้แต่จะถูกรีไซเคิลขึ้นมา ดังนั้นถ้าคุณกำลังให้บริการทำ SEO อยู่สิ่งที่ถูกที่ควรคือ คิดประเด็นโดนๆ แล้วเขียนตรงจุดไปโดยไม่ต้องเกริ่นนำอะไรมากมาย ยิ่งสรุปตอนท้ายสั้นๆ แบบกระชับได้จะยิ่งดี

Image

ขอบคุณภาพจาก: thestandard.co

ทันสมัย แต่ไม่ใช่กระแส

ผู้ให้บริการทำ SEO หลายคนมักเข้าใจแบบผิดๆ ว่าทันสมัยคือการเกาะกระแสสังคม ซึ่งนั่นมันผิดถนัดเพราะความทันสมัยในแบบ Evergreen Content นั้นคือการเขียนเนื้อเรื่องในหัวข้อที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนอ่านไปตลอด ตัวอย่างเช่น “ไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กไฮเปอร์ต้องทำอย่างไร” หรือ “เทคนิคปีนเขาอย่างไรไม่ให้บาดเจ็บ” ตัวอย่างสองอันนี้คุณจะสังเกตได้ว่าเป็นเรื่องทั่วๆ ไปที่คนในแต่ละหมวดหมู่นั้นสนใจอยากจะรู้ และแน่นอนว่ามันจะยังคงเป็นสิ่งที่น่ารู้อยู่นานนับสิบปี

Image

ขอบคุณภาพจาก: baanlaesuan.com

รู้ก่อนดีกว่า ว่าคุยอยู่กับใคร

การสร้างคอนเทนต์ขึ้นมาโดยที่ไม่รู้เลยว่ากลุ่มผู้อ่านที่คุณอยากส่งออกไปนั้นเป็นใคร ก็เหมือนกับการที่เพื่อนถามว่าเย็นนี้จะกินอะไรแล้วตอบไม่ได้ เพราะนอกจากมันจะไม่ได้ให้ประโยชน์กับใครก็ตามที่เข้ามาอ่านแล้ว มันจะยังสร้างความน่ารำคาญใจได้อีกด้วย สิ่งที่บริษัททำ SEO ต่างๆ ทำกันคือการศึกษาถึงธุรกิจของลูกค้า กลุ่มเป้าหมาย และกลุ่มผู้อ่านที่ต้องการจะสื่อสารด้วย เพื่อมันจะได้ช่วยให้กระบวนการอื่นๆ อย่างเช่นการทำ Outreach (หาเว็บไซต์ข้างนอกเพื่อลงบทความ) หรือ On-Site (บทความที่เขียนขึ้นบนเว็บไซต์ตัวเอง) ทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น

เป็นที่กระจ่างชัดแล้วว่ายุคนี้เป็นยุคแห่งสงครามการแข่งขันกันด้วยคอนเทนต์อย่างแท้จริง ดังนั้นหากคุณเป็นผู้ให้บริการทำ SEO ที่สามารถปรับตัวรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้เร็วเท่าไหร่ คุณก็จะได้เปรียบคู่แข่งมากเท่านั้น หรือถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ กิจการ ห้างร้านใดๆ ก็ตามที่ตระหนักได้แล้วว่าสื่อดิจิตอลทั้งหลายนั้นจะเข้ามายึดพื้นที่การโฆษณาแบบเดิมๆ เต็ม 100% ในอนาคต การมองหาบริษัท SEO หรือเอเจนซี่ที่มีประสบการณ์ และเชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง แถมยังได้ทีมงานมืออาชีพเข้ามาช่วยพัฒนาสื่อออนไลน์ของธุรกิจคุณได้อีกด้วย